xs
xsm
sm
md
lg

พ่อ-แม่เหยื่อ 4 ศพ “ทุ่งยางแดง” เผยภูมิใจลูกพ้นข้อกล่าวหา RKK แต่ยังรู้สึกเจ็บปวด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ปัตตานี - พ่อแม่ผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์โศกนาฏกรรม 4 ศพ ทุ่งยางแดง เผยรู้สึกดีใจที่ลูกพ้นข้อกล่าวหาแนวร่วมกลุ่ม RKK แต่ขณะนี้ยังรู้สึกเจ็บปวดต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น วอนเจ้าหน้าที่เพิ่มความระมัดระวังในการปฏิบัติหน้าที่ ด้านประชาชนในพื้นที่ ต.พิเทน ยังรู้สึกหวาดกลัวต่อทหารพราน

วันนี้ (9 เม.ย.) ที่บ้านครึ่งปูนครึ่งไม้ 2 ชั้น เลขที่ 26/6 ม.7 ต.ปากู อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี ซึ่งเป็นของ นายคอลิด สาเม็ง อดีตนักศึกษามหาวิทยาลัยฟาฏอนี ผู้เสียชีวิตจากเหตุวิสามัญเสียชีวิต 4 ศพ บ้านโต๊ะชูด ต.พิเทน อ.ทุ่งยางแดง ยังคงเงียบเหงา เพราะครอบครัวยังคงอยู่ในระยะของการเศร้าโศกในการจากไปอย่างกะทันหันของลูกชายที่เป็นที่รักของครอบครัว และเป็นความหวังของพ่อแม่ที่ได้สัญญากับพ่อแม่มาโดยตลอดว่า เรียนจบแล้วจะพยายามสอบรับราชการตำรวจ หรือไม่ก็จะสมัครเป็นปลัดอำเภอ เพื่อทดแทนบุญคุณพ่อแม่ที่เลี้ยงดูเขามาโดยตลอด ส่งเรียนตัวเองจนจบ แต่กลับต้องมาประสบพบเจอในสิ่งที่ไม่คาดคิด

ภายในบ้านพ่อแม่ยังคงเก็บรูปถ่ายไว้บนตู้เก็บข้าวของของ นายคอลิด สาเม็ง ที่ได้ถ่ายก่อนถูกยิงเสียชีวิตเพียง 6 วัน เพื่อใช้ประกอบการจัดกิจกรรมที่มหาวิทยาลัยอิสลามฟาฏอนีจัดขึ้นภายในวันนี้ นึกไม่ถึงว่าภาพถ่ายรูปนี้ได้กลายเป็นภาพไว้เป็นทรงจำให้แก่ครอบครัวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

นางซูรายา สาเม็ง อายุ 46 ปี มารดาของนายคอลิด ผู้ตายได้เผยต่อผู้สื่อข่าวว่า เป็นเรื่องที่ปวดใจมากสำหรับคนที่เป็นแม่ของลูกที่เรียนดี มารยาทดี มีความตั้งใจสูง แต่กลับถูกเจ้าหน้าที่ยิงจนเสียชีวิต แล้วยังมีการใส่ความกล่าวหาลูกชายว่าเป็นสมาชิกอาร์เคเค (RKK) หรือกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ มีทั้งอาวุธปืนสงครามเคียงกาย ยิ่งทำให้ผู้เป็นแม่ยากที่จะยอมรับได้

ถึงแม้คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง ที่ทางผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ได้กรุณาแต่งตั้งขึ้นเพื่อค้นหาความจริงจากเหตุการณ์ดังกล่าว จนมีข้อสรุปเป็นทางการออกมาแถลงต่อสาธารณะว่าเหยื่อจากการวิสามัญของเจ้าหน้าที่ทั้ง 4 ศพนั้นเป็นผู้บริสุทธิ์ และอาวุธปืนสงคราม และเครื่องระเบิดนั้นไม่เกี่ยวข้องต่อผู้ตายทั้ง 4 แต่อย่างใด แต่มันก็ไม่สามารถที่ทำให้ลูกเราฟื้นขึ้นมาได้ และความหวังที่ลูกได้สร้างไว้ให้แก่พ่อแม่ก็ถูกทำลายลงแค่พริบตาเดียว ต้องขอบคุณผู้ใหญ่ในบ้านเมืองนี้ที่ให้ความสำคัญต่อคดีที่เกิดขึ้นจนสามารถคลี่คลายความจริงที่เกิดขึ้นได้ พร้อมมอบเงินเยียวยารายละ 500,000 บาท

นางซูรายา สาแม็ง แม่ของนายคอลิค เปิดเผยว่า แม้เหตุการณ์ผ่านมาหลายวันแล้วก็ยังรู้สึกหมดแรง จะทำอะไรก็ไม่ไหว ใจนึกถึงแต่คอลิค โดยเฉพาะภาพถ่ายที่นายคอลิด ใส่ชุดปากีสีครีม เพิ่งถ่ายเมื่อวันที่ 19 มี.ค. นับเป็นภาพสุดท้ายที่คอลิด เก็บความทรงจำให้แก่ครอบครัว นอกจากคำพูดสมัยตอนมีชีวิตที่บอกว่า จะทำทุกอย่างเพื่อพ่อและแม่ เพื่อครอบครัว เรียนจบจะขอสอบปลัดอำเภอเพราะ จะกลับมาช่วยพัฒนาบ้านเกิด สิ่งเหล่านี้ยังคงก้องในความรู้ของเธอ

นอกจากนี้ นางซูรายา ยังยืนยันอีกว่า คอลิด เป็นเด็กที่เจ้าระเบียบ ไปไหนมาไหนเขามักพกเครื่องสำอาง และยาประจำตัวเสมอ และวันเกิดเหตุประมาณ 15.55 น. คอลิด ไปหาหมอเพราะเขาปวดหลัง ยาที่หมอสั่งมาคอลิดได้เอาติดกับตัว วันเกิดเหตุยา และเวชภัณฑ์เหล่านี้ก็อยู่ในกระเป๋าของเขาด้วย ทำให้เขามั่นใจว่า ลูกชายไม่ใช่คนร้าย สิ่งที่เธอหวังที่สุดในเวลานี้คือ ขอให้คอลิดเป็นรายสุดท้าย ที่จะต้องตกเป็นเหยื่อจากการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่”

นายซาการียา สาเม็ง อายุ 53 ปี บิดาของนายคอลิด ได้กล่าวว่า ลูกชายผ่านการเรียน รด.มาเป็นว่าที่ร้อยตรีคอลิด สาเม็ง มีความหวังยากสอบเป็นนายตำรวจ หลังจบเรียน แต่ครอบครัวไม่ส่งเสริมเพราะกลัวความไม่ปลอดภัยต่อสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ เลยเปลี่ยนความคิดจะสอบสมัครตำแหน่งปลัดอำเภอ เพื่อทดแทนบุญคุณพ่อแม่ ท่ามกลางบรรยากาศที่โศกเศร้า

ความโศกเศร้าเสียใจของครอบครัวคอลิด สาแม็ง หนึ่งในผู้เสียชีวิต ทั้งพ่อ และแม่ของเขายังคงต้องนอนทั้งน้ำตา แม้ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นออกมาจนเป็นที่พอใจ นางซูรายา สาแม็ง บอกว่า ในตอนแรกพยายามคิดว่าลูกไม่ตาย ลูกแค่ไปเรียนหนังสือที่มหาวิทยาลัยฯ แต่พอนานวันผ่านไปรู้สึกว่าเริ่มตื้นจากความฝันมาอยู่กับความจริง เราเสียเขาไปจากเหตุการณ์นี้จริงๆ ซูรายา สาเม็ง แม่ของคอลิด ได้กล่าวทิ้งท้าย

ส่วนทางด้าน นายมะหามะ เซ็นและ พ่อของซูไฮมี เซ็นและ กล่าวว่า ตนมีอาชีพกรีดยางกับรับซื้อกระดาษจากพื้นที่ไปส่งให้แก่ร้านที่ยะลา ตอนนี้ยังไม่ได้ทำอะไร ทำไม่ไหว เนื่องจากไม่มีกำลังใจที่จะทำอะไรทั้งสิ้น หลังจากเกิดเหตุรถคู่ชีพคันนี้ที่ใช้ขับรับซื้อเศษกระดาษยังจอดอยู่ในโรงรถจนฝุ่นเกาะแน่น

สิ่งที่ต้องการตอนนี้ คือ ไม่อยากให้มีเหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นอีก อยากให้คนที่ทำถูกนำเข้ากระบวนการยุติธรรมจริงๆ หลังจากนี้ คงต้องติดตามจากเจ้าหน้าที่อย่างใกล้ชิด เพราะความหวังของพวกเราตอนนี้อยากให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในพื้นที่มีความระมัดระวังในการทำงาน มีความรอบคอบมากกว่าทุกวันนี้ ไม่ใช่มาปั้บก็เอาเลยเช่นเหตุการณ์ที่บ้านโต๊ะชูดครั้งนี้

ด้าน นายมะหะมะ เซ็นและ วัย 60 ปี อยู่บ้านเลขที่ 105 ม.3 บ้านพิเทน ต.พิเทน อ.ทุ่งยางแดง ได้เปิดเผยความรู้สึกว่า หลังจากได้รับรู้ว่าลูกชายเป็นผู้บริสุทธิ์ และอาวุธปืนที่พบในที่เกิดเหตุไม่เกี่ยวข้องต่อผู้เสียชีวิตแต่อย่างใด ทำให้ตื้นตันใจบอกไม่ถูก เพราะเป็นความจริงที่ได้พยายามยืนยันมาโดยตลอดว่า ลูกชายตัวเองนั้นบริสุทธิ์ ไม่เกี่ยวกับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ แต่ยังรู้สึกเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำไมเจ้าหน้าที่ต้องทำเช่นนั้น ทำไมจึงต้องยิง ความจริงแล้ววันแรกที่รู้ว่าลูกชายตัวเองโดนยิงเสียชีวิต ตัวเองพยายามบอกกับตัวเองเสมอว่า ลูกชายเราดวงถึงฆาต ปัจจัยรุสกีย์น่าจบสิ้นไปแล้ว ไม่คิดที่จะไปโกรธเคืองใคร แต่มารู้ทีหลังว่าลูกชายถูกกล่าวหาว่าเป็นแนวร่วมอาร์เคเค (RKK) หรือกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ มีอาวุธติดตัวมาด้วย จึงทำให้จิตใจรับไม่ได้ และรู้สึกคับแค้นใจต่อการกล่าวหาของเจ้าหน้าที่รัฐต่อลูกชายที่ถูกฆ่าตาย

วันนี้ต้องขอบคุณผู้ใหญ่ในบ้านเมืองนี้ที่ได้ให้ความสำคัญ และความกรุณาแก่ชีวิตลูกชายตัวเล็กๆ ที่ไม่ได้มีปากมีเสียงที่ไม่รู้จะต้องตะโกนเรียกร้องความเป็นธรรมจากใครที่ไหน แต่วันนี้ลูกชายเราก็ได้รับความบริสุทธิ์คืนมาจากการสอบข้อเท็จจริงกรณียิงปะทะบ้านโต๊ะชุด ที่ทางผู้ว่าราชการจังหวัด ตั้งขึ้นมาทำให้ผู้เสียชีวิต ตลอดจนครอบพ้นมลทินดันเสียที

จึงอยากฝากให้เจ้าหน้าที่ที่จะเข้าปฏิบัติงานเพื่อตรวจค้นจับกุมในพื้นที่ใดก็ตาม ควรที่จะตระหนักและเพิ่มความระมัดระวัง ควรที่มีการประสานกับผู้นำชุมชน ผู้นำท้องที่เสียก่อน ทั้งนี้ เพื่อลดการสูญเสียบุคคลผู้บริสุทธิ์ที่จะต้องกลายเป็นเหยื่อของความรุนแรงจากทั้งสองฝ่าย นอกจากนั้นอยากเรียกร้องผู้มีอำนาจในบ้านเมืองนี้นำผู้กระทำผิดในครั้งนี้มาลงโทษตามกระบวนการยุติธรรมของบ้านเมือง และอยากให้การสูญเสียของลูกชายในครั้งนี้เป็นการสูญเสียครั้งสุดท้าย

เพราะชาวตำบลพิเทน เราอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ทั้งไทยพุทธ อิสลาม ไม่เคยทะเลาะกัน พี่น้องไทยพุทธมีการจัดงานเลี้ยงแต่งงานเราก็ไปร่วมกัน โดยประเพณีจัดเลี้ยงของพี่น้องไทยพุทธที่นี่จะจัด 2 วันวันแรกเลี้ยงแขกที่เป็นมุสลิม และวันที่ 2 จะเลี้ยงแขกไทยพุทธปฏิบัติกันลักษณะนี้นานนับร้อยปี นายวาลิ วานุ พ่อนายซัดดัม วานุ อีกหนึ่งผู้เสียชีวิตกล่าว เหมือนข้อเท็จจริงดังกล่าวจะคลายความรู้สึกโกธรลงแล้วบ้าง แต่เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ทหารพรานเข้ามาในพื้นที่อารมณ์ และความรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาทันที่

ตอนนี้พวกเรายังรับไม่ได้ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทุกครั้งที่เห็นทหารพรานจะเจ็บ และปวดใจมาก บางครั้งก็พยายามเก็บอารมณ์ไม่แสดงออกมา แต่ภรรยา เขาสุดๆ ไล่ทหารพรานออกทันที่ทีเห็นเขาเห็นทหารพรานไม่ได้เลย

ส่วนบรรยากาศทั่วไปในวันนี้ ประชาชนในพื้นที่ ต.พิเทน ยังคงดำเนินชีวิตตามปกติหลังเกิดเหตุความรุนแรงในห้วงเวลาที่ผ่านมา แต่กลับมีความรู้สึกหวาดผวามาบ้าง เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ทหารเข้ามาในพื้นที่ โดยเฉพาะบ้านโต๊ะชูด ประชาชนในพื้นที่ยังเกิดภาวะหวาดผวา เกิดความระแวง รู้สึกไม่ปลอดภัย จะเห็นได้ว่าเมื่อเห็นทหารเข้ามาในพื้นที่เด็กๆ ต่างวิ่งหนีเข้าบ้าน เพราะกลัวจะถูกทำร้าย บางครั้งถึงขั้นขับไล่ทหารพราน หรือทหารชุดดำที่เข้าพื้นที่เพื่อซ่อมแซมบ้านของผู้เสียชีวิตเพื่อการเยียวยาตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา แต่ชาวของบ้านกลับไม่ยอมรับ เพราะไม่พอใจต่อสิ่งที่เกิดขึ้น และยังรับไม่ได้แม้จะเป็นทหารมาจากคนละหน่วยก็ตาม

ด้าน นายมะนาแซ ดอคอ ผู้ใหญ่บ้าน ม.6 บ้านโต๊ะชุด กล่าวว่า บรรยากาศในหมู่บ้านทุกวันนี้ชาวบ้านสามารถทำงานได้ปกติ เหลือแค่ครอบครัวของผู้เสียชีวิตยังเศร้าเสียใจเก็บตัวอยู่ในบ้าน และยังคงหวาดผวาทุกครั้งที่มีเจ้าหน้าที่ทหารพรานเข้าพื้นที่ บางครั้งถึงขันขับไล่ทหารออกจากพื้นที่อีกด้วย

ในส่วนของผู้ที่ถูกควบคุมตัว 22 ราย เจ้าหน้าที่ได้ปล่อยตัวแล้ว 21 ราย เหลือเจ้าของบ้านจุดเกิดเหตุคนเดียวที่เจ้าหน้าที่อายัดตัวแล้วไปดำเนินคดียาเสพติด ตอนนี้ถ้าจะดีถ้าทหารพรานอย่าเข้ามาในพื้นที่นี้ก่อนดีที่สุด เพราะชาวบ้านยังเจ็บปวดต่อสิ่งที่เกิดขึ้น เมื่อความรู้สึกของชาวบ้านคลายลงค่อยหาวิธีเข้าพื้นที่ใหม่ เข้าตอนนี้จะยิ่งทำให้ปัญหาบานปลายได้
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น