xs
xsm
sm
md
lg

ตำรวจทุ่งยางแดงตรวจจุดเกิดเหตุวิสามัญ 4 ศพ ด้านญาติผู้ตายไม่ยอมรับว่าเป็นเหตุปะทะ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ปัตตานี - เจ้าหน้าที่ตำรวจทุ่งยางแดงพร้อมด้วยพิสูจน์หลักฐานปัตตานี ลงพื้นที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุวิสามัญ 4 ศพ ด้านญาติผู้ตายไม่ยอมรับว่าเป็นเหตุปะทะกัน จึงเรียกร้องตั้งกรรมการร่วมสอบข้อเท็จจริงเพื่อคืนความเป็นธรรมจากกรณีดังกล่าวด้วย

วันนี้ (26 มี.ค.) พ.ต.ท.นริศ กะเจ รอง ผกก.ป.สภ.ทุ่งยางแดง พร้อมด้วย พ.ต.ท.มานิตย์ ปานทอง สารวัตรพิสูจน์หลักฐานปัตตานี นำกำลังลงพื้นที่เกิดเหตุบริเวณเนินเขา ม.6 บ้านโต๊ะชูด ต.พิเทน อ.ทุ่งยางแดง หลังจากเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนคดีสำคัญ สชต.ร่วมกับกองกำลังทหารพราน 41 นำกำลังปิดล้อมพื้นที่เป้าหมาย จนเกิดการยิงปะทะกับกลุ่มคนร้ายไม่ทราบจำนวน บริเวณบ้านที่กำลังก่อสร้างไม่มีเลขที่ เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่วิสามัญคนร้ายเสียชีวิต 4 ราย ในที่เกิดเหตุ และจับกุมตัวอีก 22 ราย มัดมือไพล่หลังก่อนนำส่งเข้าศูนย์ซักถามเพื่อขยายผลต่อไป

จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ในที่เกิดเหตุ พบเพียงปลอกกระสุนอาก้า (AK) เอ็ม16 (M16) จำนวนหนึ่ง และพบรอยเลือดของผู้ตาย จำนวน 4 จุด ภายในสวนยางพารา ซึ่งอยู่ด้านหลังบ้านหลังดังกล่าวประมาณ 300 เมตร ส่วนศพทั้ง 4 รายนั้น เจ้าหน้าที่ได้ทำการชันสูตรพลิกศพ และส่งมอบให้แก่ญาตินำไปประกอบพิธีทางศาสนาเรียบร้อยแล้ว

นอกจากนั้น ภายในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่พบหม้อขนาดเล็ก จำนวน 2 ใบ และหลุ่มที่ใช้ก่อไฟเป็นที่ต้มน้ำใบกระท่อมผสมยาแก้ไอ และน้ำอัดลม หรือยาเสพติดชนิด 4X100 มีเศษสติกเกอร์น้ำอัดลมยี่ห้อหนึ่งกระจัดกระจ่ายทั่วส่วนยาง เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้ตรวจสอบว่าเกี่ยวข้องต่อคดีอย่างไรบ้าง

ส่วนอาวุธปืนอาก้า อาวุธปืนขนาด.38 ม.ม.และลูกระเบิดแบบขว้างนั้น เจ้าหน้าที่ได้เก็บไว้ตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว

 

 
จากกรณีการที่เจ้าหน้าที่ได้มีการวิสามัญคนร้าย 4 รายเสียชีวิตโ ดยอ้างเป็นคดีความมั่นคงนั้น ทำให้ญาติผู้ตาย ตลอดชนประชาชนในพื้นที่ยังรู้สึกเรื่องดังกล่าวเป็นสีเทา ไม่โปร่งใส จึงเกิดการไม่ยอมรับว่าผู้ตายจะมีส่วนเกี่ยวข้องต่อคดีความมั่นคง โดยเฉพาะเรื่องอาวุธปืนสงครามที่พบอยู่กับผู้ตายนั้น ยิ่งทำให้ญาติ ตลอดจนชาวบ้านในพื้นที่รับไม่ได้ จึงอยากเรียกร้องให้หน่วยงานที่รับผิดชอบ โดยเฉพาะสำนักยุติธรรม ศอ.บต.มีการตั้งกรรมการสอบร่วม เพื่อสร้างความจริงให้ปรากฏ และเพื่อคืนความเป็นธรรมให้แก่ผู้ตาย และประชาชนที่นั้น ไม่ควรเร่งสรุปแล้วกล่าวหาว่าผู้ตายเป็นโจรใต้

ด้าน กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า เร่งชี้แจงเหตุเจ้าหน้าที่วิสามัญ 4 คนร้าย ที่ อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี เชื่อเตรียมก่อเหตุดิสเครดิตทุ่งยางแดงโมเดล

ขณะเดียวกัน พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า เปิดเผยว่า จากกรณีเจ้าหน้าที่ 3 ฝ่ายสนธิกำลังเข้าปิดล้อมพื้นที่ต้องสงสัย ต.พิเทน อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี หลังจากมีข่าวว่ากลุ่มแกนนำก่อเหตุรุนแรงระดับปฏิบัติการเข้ามากบดานอยู่ในพื้นที่เพื่อเตรียมก่อเหตุ ซึ่งในขณะที่เจ้าหน้าที่เข้าปิดล้อมบ้านต้องสงสัยได้เกิดการยิงปะทะกับกลุ่มคนร้าย เป็นเหตุให้มีคนร้ายเสียชีวิต 4 ราย พร้อมอาวุธปืนสงครามอาก้า 3 กระบอก ปืนพกสั้น 1 กระบอก และลูกระเบิดชนิดขว้าง 1 ลูก รวมทั้งควบคุมตัวกลุ่มวัยรุ่นต้องสงสัยรวม 22 คน เหตุเกิดเมื่อเวลา 17.55 น.ของวันที่ 25 มีนาคม 2558 ที่ผ่านมา โดยทราบชื่อผู้เสียชีวิต คือ นายสุไฮมี เซ็นและ อายุ 32 ปี นายคอลิด มาแม็ง อายุ 24 ปี นายมะดารี แมเราะ อายุ 23 ปี และนายซัดดัม วานุ อายุ 24 ปี

ซึ่งเรื่องดังกล่าว กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ขอแสดงความเสียใจต่อญาติ และครอบครัวของผู้ที่เสียชีวิตทั้ง 4 คน ในส่วนของผู้ที่ถูกควบคุมตัวทั้ง 22 คน ขณะนี้ได้แยกไปควบคุมตัวที่หน่วยซักถาม ฉก.ทพ.41 6 คน ฉก.ทพ.43 จำนวน 6 คน และหน่วยข่าวกรองทางทหารส่วนหน้า จำนวน 10 คน โดยในขั้นต้นพบว่า บางคนอยู่ในระหว่างประกันตัวคดีความมั่นคง สำหรับอาวุธปืนที่ยึดได้เจ้าหน้าที่จะทำการตรวจสอบหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์เพื่อหาความเชื่อมโยงกับเหตุการณ์อื่นๆ

 
ทั้งนี้ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ผู้บัญชาการทหารบก ได้แสดงความห่วงใยต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยได้เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัย เพื่อป้องกันการตอบโต้ พร้อมทั้งเน้นย้ำให้หน่วยปฏิบัติต่อผู้ถูกควบคุมตัวภายใต้กรอบของกฎหมาย และให้ประสานผู้นำชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินกรรมวิธีต่างๆ ต่อไป

สำหรับการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ในครั้งนี้ เกิดจากการแจ้งเบาะแสของแหล่งข่าวภาคประชาชนในพื้นที่ ซึ่งสอดคล้องต่อภาพข่าวความเคลื่อนไหวของผู้ก่อเหตุรุนแรงหลายคน เตรียมการเข้าโจมตีฐานปฏิบัติการ และสร้างสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ จึงได้จัดกำลังเข้าตรวจสอบบริเวณดังกล่าว โดยใช้มาตรการจากเบาไปหาหนักตามขั้นตอนของกฎหมาย แต่กลุ่มผู้ก่อเหตุได้ใช้อาวุธยิงใส่เพื่อเปิดทางหลบหนี จึงจำเป็นต้องตอบโต้จนนำไปสู่ความสูญเสียดังกล่าว สำหรับผู้ที่ถูกควบคุมตัวจะดำเนินการภายใต้กรอบกฎหมายที่เป็นธรรม โปร่งใส และตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรม โดยผลความคืบหน้าของการดำเนินการ และรายละเอียดเพิ่มเติมจะรายงานให้ทราบเป็นลำดับต่อไป ในส่วนของมาตรการการเฝ้าระวังพื้นที่เพื่อป้องกันการตอบโต้ของกลุ่มคนร้าย ทางแม่ทัพภาค 4 ได้เน้นย้ำในพื้นที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นฐานปฏิบัติการ จุดตรวจจุดสกัดชุมชนต่างๆ ซึ่งได้มีมาตรการป้องกันเอาไว้แล้ว ส่วนการประเมินเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ทุ่งยางแดงในครั้งนี้ ก็มีความเป็นไปได้ว่ากลุ่มคนร้ายต้องการก่อเหตุเพื่อดิสเครดิต ทุ่งยางแดงโมเดล แต่เนื่องจากได้รับความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนในพื้นที่ที่แจ้งเบาะแสของกลุ่มคนร้ายกลุ่มนี้ได้ก่อนที่จะก่อเหตุ

นายนาแซ ดอคอ ผู้ใหญ่บ้าน ม.6 บ้านโต๊ะชุด กล่าวว่า เมื่อวานตอนเกิดเหตุตัวเองไม่อยู่บ้าน ไปทำธุระที่ อ.เมือง จ.ยะลา ผู้ช่วยโทร.หาบอกว่าเกิดเหตุที่บ้าน ก็รีบกลับมาถึงบ้านประมาณ 5 โมง รีบไปที่เกิดเหตุทันที่แต่ไม่สามารถเข้าไปข้างในได้

“ก็เริ่มรู้สึกตั้งคำถามกับตัวว่า มีอะไรทำไมถึงไม่สามารถเข้าจุดเกิดเหตุได้ เราเป็นผู้ใหญ่บ้าน เป็นเจ้าของพื้นที่ไม่ให้เราเข้าไป เขากำลังทำอะไรกัน”



 
กระทั่งปลัดอาวุโส ทุงยางแดงมา ถึงได้เข้าไปประมาณ 3 ทุ่ม พอเข้าไปก็เห็นว่าที่ศพมีอาวุธปืน หันไปเห็นนายซัดดำ ที่ศพเขาก็มีปืน เริ่มตั้งคำถามกับตัวเองอีกครั้ง เด็กคนนี้เพิ่งหลุดจากคดียาเสพติดเองเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เขามีปืนสงครามเลยหรอ ก็คิดในใจอยู่คนเดียวอีกว่า ไม่ใช่แล้ว เรามั่นใจว่า ปืนที่เราเห็นไม่ใช่ของเด็กคนนี้ แต่ของใครก็ไม่รู้ มาอยู่ใกล้ศพเขา

“ยืนยัน และมั่นใจว่า นายซัดดำ วานุ เป็นแค่เด็กติดยาไม่มีส่วนเกี่ยวของต่อความมั่นคง และนาย มะอูแซ็ง เจะอาแว เจ้าบ้านเกิดเหตุมีส่วนเกี่ยวพันกับการค้ายาเสพติดรายใหญ่ในพื้นที่ ใครๆ ก็รู้กันว่าที่นั่นเป็นแหล่งมั่วสุ่มยาเสพติด ที่สำคัญตลอดที่ผ่านมา ในพื้นที่นี้หลังจากมีกลุ่มแนวร่วมในพื้นที่ถูกดำเนินคดีไป 2 คน และตอนนี้ก็อยู่ระหว่างประกันตัวอีกคนหนึ่ง ทหารบอกเขาเป็นแนวร่วม พรุ่งนี้กำลังจะเข้าโครงการพาคนกลับบ้าน มั่นใจว่าการเคลื่อนไหวของกลุ่มที่มีความคิดเห็นต่างจากรัฐในพื้นที่นี้มีแค่ 3 คนนี้เท่านั้น”

ที่นี่มีบ้านเรือนทั้งหมดประมาณ 300 ลังคาเรือน นับถือศาสนาพุทธอาศัยอยู่ 30 ครัวเรือน มีผู้ช่วยที่เป็นไทยพุทธ 1 คน นับถือศาสนาอิสลาม 288 ลังคาเรือนที่ผ่านมา มีอะไรเราคุยกันตลอด ทุกคนอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข

ตลอดที่ผ่านมา ทหารที่ตั้งฐานอยู่ที่บ้านชุมชนไทยพุทธ จะเข้ามาลาดตระเวน มีอะไรเขาก็จะบอกว่า ผู้ใหญ่ช่วงนี้เกิดเหตุหนักๆ ระวังด้วย มีอะไรก็จะบอก แต่ครั้งนี้อยู่ๆ ก็เข้ามาแถม ยังงงๆต่อข้อมูลที่สื่อเสนอไปว่า มีการปะทะกับคนร้ายกำลังวางแผน แต่ระหว่างที่เข้าตรวจค้นไม่ยอมให้เราเข้าไป ก็รู้สึกว่าเป็นข้อมูลจากด้านเดียว

 

 
ด้านแม่ของนายซัดดำ วานุ กล่าวว่า ตอนแรกที่ได้ยินเสียงปืนก็รู้สึกเฉยๆ กลัวเป็นเรื่องปกติที่ เห็นเจ้าหน้าที่ ยอะขนาดนั้น มาในมือมีอาวุธปืนครบมือ เหมือนพร้อมจะมาฆ่า หลังบ้านก็จะได้ยินเสียงปืนเป็นระยะๆ ผสมกับการรั่วก็ยังอยู่ปกติ นึกในใจว่า ซัดดำ (ลูกชาย) อยู่บ้านกอเซ็ง (นายมะอูเซ็ง แจะอาแว เจ้าของบ้านปะทะ) เขาจะเป็นยังไงบ้าง ก็ได้แต่นั่งคุยกับตัวเองอยู่คนเดียว

“ผู้ใหญ่มาเคาะประตูประมาณเที่ยงคืน บอกว่าอย่าตกใจนะ ตอนนั้นพยายามบอกกับตัวเองว่าไม่ตกใจ พร้อมหันไปพูดกับผู้ใหญ่ว่า จะไม่ตกใจ ผู้ใหญ่บอกว่า ซัดดำเสียชีวิต ในเหตุการณ์เมื่อกี๊ด้วย เท่านั้นเองจากที่นั่งอยู่ก็ลมลงนอนไม่รู้อะไรเลย”

ยิ่งมารู้ว่าข้างศพเขามีปืนด้วย ทหารบอกว่าเขาเป็นคนร้ายก็ยิ่งคุมตัวเองไม่ได้เลย ช็อกมากกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะซัดดำ เป็นเด็กไม่เคยไปยุ้งเกี่ยวกับเรื่องแบบนั้น อยู่บ้านช่วยงานที่บ้านซื้อขี่ยาง ว่างๆ ก็จะไปดื่มน้ำกระท่อม แต่สองสามวันนี้ กอเซ็งชวน ซัดดำไปสร้างบ้านให้เขา แลกกับน้ำกระท่อม แต่ทำไมเขาถูกใส่ร้ายว่าเป็นคนร้าย เขาแค่ผิดที่ติดน้ำกระท่อม ถึงขนาดต้องยิงเขาเลยเหรอ สัปดาห์ที่แล้วเองที่ไปขอเงินประกันจากศาล เพราะก่อนหน้านี้เขาถูกดำเนินคดียาเสพติด เขามีประวัตรเรื่องยาเสพติด เราก็รู้ และยอมรับมาตลอด ว่าลูกเราเป็นแบบนี้ ทุกคนที่นี้ก็รู้ ซัดดำเป็นคนยังไงเคยถูกจับคดียาเสพติดมาแล้วหลายครั้ง เชื่อว่าตำรวจก็รู้ว่าซัดดำ เป็นยังไง แต่ทำไม มาว่าซัดดำเป็นคนร้ายแบบนี้ คิดว่า เกิดความจริงมาก ร้ายแรงมากสำหรับตัวเอง และเชื่อว่าที่เขาวิ่งเพราะกลัว จะจับได้ว่าเขามาดื่มน้ำกระท่อมอีก เพราะพี่ชายของเขาได้พูดขู่เขาก่อนที่จะไปถอนประกันออกว่า ถ้าโดนดำเนินคดีอีกครั้ง จะไม่ไปช่วยอะไรแล้วจะปล่อยให้อยู่ข้างใน แต่ไม่คาดคิดว่า สุดท้ายชีวิตของเขาจะถูกกล่าวหาว่าเป็นคนร้าย

“ซัดดำ เป็นคนที่ 3 จากลูกทั้งหมด 6 คน ซัดดำ ไม่ได้เรียนหนังสือ ที่ผ่านมาเขาจะใช้ชีวิตอยู่ในหมู่บ้านส่วนใหญ่ เพราะเขาไม่ชอบออกไปไหน โดยเฉพาะในเมืองเขาไม่ค่อยชอบ”

 
กลุ่มผู้หญิงในพื้นที่กล่าวว่า เมื่อวานไม่ได้ออกไปนอกบ้านเลย จะเปิดประตูดูว่าเกิดอะไรขึ้นก็ถูกทหารบอกว่า ห้ามออก ปิดประตู้ให้อยู่ในบ้าน ก็นอนฟังเสียงปืน รั่วบ้าง ดังเป็นระยะบ้าง ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ไม่คิดว่าจะมีคนตายเยอะ และจับไปเยอะแบบนั้น เพราะที่นั่นเป็นร้านขายน้ำกระท่อม คิดว่าเขาคงไล่ล่าพวกดื่มกระท่อม ทุกคนในหมู่บ้านก็รู้กันว่า บ้านหลังนั้นเขามีอาชีพอะไร เราไม่อยากมีปัญหากับเขาด้วยเลยนอน พยายามไม่คิดอะไร แต่ก็กลัวเสียงปืนมาก ลูกๆนอนกอดกันบอกว่ากลัว

พ.ต.อ.มานะ เดชาวิริษฏ์ ผู้กำกับสถานีตำรวจทุงยางแดง จ.ปัตตานี กล่าวว่า ไม่ปฏิเสธว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่มั่วสุ่มยาเสพติดเป็นหลัก และข้อมูลเชิงลึกของสายข่าวก็พบว่ามีเรื่องของกลุ่มก่อความไม่สงบเข้ามาเคลื่อนไหวอยู่ ก่อนหน้านี้ มีการพบการเคลื่อนไหว

“สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นไปได้ว่ามีทั้งวงที่รวมตัวประชุมวางแผนที่จะก่อเหตุและตั้งวงดื่มน้ำกระท่อมอยู่ กลุ่มที่นี้ที่เสียชีวิตทั้งหมดยังไม่พบข้อมูลว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดี ป.วิอาญาในพื้นที่ มี 2 คนที่พบประวัติเกี่ยวพันกับยาเสพติด และเกี่ยวกับคดี ป.วิอาญา เรื่องส่วนตัว”

นายปริญวัตร เกื้อพูน ปลัดอาวุโสทุ้งยางแดง กล่าวว่า ที่ผ่านมาพื้นที่ ม.6 มีการเคลื่อนไหวเรื่องยาเสพติดมาตลอด แต่ก็มีมุมของความมั่นคงอยู่ยอมรับว่าพื้นที่เกิดเหตุ ชาวบ้านจะรู้ว่าเกี่ยวข้องกับยาเสพติด

นายวีรพงษ์ แก้วสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี กล่าวระหว่างนำคณะเจ้าหน้าที่ ทหาร ตำรวจ เข้าพบปะชาวบ้านเพื่อทำความเข้าใจ และอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าจะต้องให้ความเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย เชื่อว่าทุกฝ่ายทำงานอย่างเต็มที่ สำหรับข้อเท็จจริงขณะนี้ต้องรอผลพิสูจน์ออกมา จงเชื่อมั่นในกระบวนการของความยุติธรรม
 
 
 
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น