จากกรณีที่เจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษได้มีการสนธิกำลัง 3 ฝ่าย เข้าปิดล้อมและตรวจค้นสถาบันศึกษาปอเนาะนัฮฎอตุลอุลูมิดีนียะฮ์ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณ ม.5 บ้านอาโห ต.สะดาวา อ.ยะรัง จ.ปัตตานี และบ้านเรือนชาวบ้านใกล้เคียงกับโรงเรียนปอเนาะดังกล่าว ภายหลังเจ้าหน้าที่จากสืบทราบว่า นายอับดุลเลาะ สาแม บุคคลตามหมายจับ ป.วิอาญา สมาชิกแนวร่วมผู้ก่อความไม่สงบฝ่ายปฏิบัติการใช้เป็นสถานที่หลบซ่อนตัว เหตุเกิดเมื่อวันที่ 18 ก.พ.ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม การเข้าปิดล้อมพื้นที่เป้าหมายของเจ้าหน้าที่ในครั้งนี้ กลับไม่พบตัวผู้ต้องหาที่ทางการต้องการตัวดังกล่าว แต่สามารถตรวจยึดอาวุธปืนอาก้าได้ 2 กระบอก ปืนเอ็ม 16 ได้ 2 กระบอก ปืนพกสั้นอีก 1 กระบอก และเครื่องกระสุนปืนชนิดต่างๆ รวมถึงเสื้อเกราะ และของกลางอื่นๆ อีกจำนวนหลายรายการ พร้อมมีการควบตัวคุม นายมะรอบี นิเซ็ง อายุ 50 ปี โต๊ะครู หรือบาบอเจ้าของปอเนาะ กับช่างที่กำลังซ่อมบ้านให้โต๊ะครู 3 คน
จากปฏิบัติการดังกล่าวเมื่อเป็นข่าวออกไปทำให้ผู้คนเข้าใจได้ว่า ของกลางต่างๆ ที่เจ้าหน้าที่ตรวจยึดนั้นได้จากภายในโรงเรียนปอเนาะ ทั้งๆ ที่ในความจริงแล้วของกลางทั้งหมดไม่ได้พบอยู่ภายในปอเนาะแต่อย่างใด ส่งผลให้เวลานี้ผู้ปกครองนักเรียนบางส่วนไม่กล้าส่งเด็กกลับไปเรียน อีกทั้ง นางคอตีเยาะ นิเซ็ง ภรรยาโต๊ะครูถึงกลับล้มป่วย และกลายเป็นผู้มีปัญหาทางจิตใจอย่างรุนแรง ถึงขั้นต้องไปรับยาที่คลินิกจิตแพทย์ในตัวเมืองปัตตานีต่อเนื่องมาจนวันนี้
เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายมะรอบี นิเซ็ง หรือบาบอมะรอบี โต๊ะครู และเจ้าของโรงเรียนปอเนาะนัฮฎอตุลอุลูมิดีนียะฮ์ บอกเล่าพร้อมลำดับเหตุการณ์ในวันเกิดเหตุให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า วันนั้นเตรงกับวันศุกร์ที่ 18 ก.พ. เวลาประมาณ 14.00 น. ในขณะที่ตน และครอบครัวนั่งพักผ่อนอยู่ภายในบ้านเลขที่ 97/2 ซึ่งตั้งอยู่ภายในปอเนาะ ได้มีเจ้าหน้าที่หลายร้อยคนแต่งชุดดำติดอาวุธครบมือเข้ามาปิดล้อมทั่วบริเวณ แล้วกำลังบางส่วนเดินเข้าไปภายในปอเนาะ ขณะที่อีกจำนวนหนึ่งมุ่งหน้ามายังบ้านของตน
จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้เรียกให้ตนพร้อมคนในบ้านออกมารวมตัวกลางแจ้ง ท่ามกลางแสงแดดร้อนในช่วงเวลาบ่าย ตนกับภรรยา และลูกอีก 3 คน พร้อมด้วยคนงานก่อสร้างที่กำลังซ่อมบ้านรวมทั้งหมด 7 คน ปฏิบัติตามโดยไม่ได้ขัดขืนแต่อย่างใด จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ได้ดำเนินการเข้าตรวจค้นภายในบ้านโดยละเอียดไม่ต่ำกว่า 3 รอบ ในระหว่างที่ได้มีการตรวจค้นบ้านนั้น ทุกครั้งเจ้าหน้าที่ได้ถามย้ำตลอดว่าห้องไหนคือ ห้องนอนของตน เมื่อไม่พบสิ่งใดผิดกฎหมายเจ้าหน้าที่จึงหยุดกันค้น
นายมะรอบี เล่าว่า กระทั่งเวลาประมาณ 16.30 น. เจ้าหน้าที่ได้เรียกตนให้ดูของกลางที่เป็นหมวกแก๊ปตรวจค้นเจอในที่พักของนักเรียนปอเนาะ เจ้าหน้าที่ให้ตนยืนชี้ตรงที่หมวกดังกล่าวก่อนที่จะถ่ายรูปประกอบเป็นหลักฐาน ตนได้ยินเจ้าหน้าที่กล่าวอ้างว่า เป็นหมวกของตำรวจราตาปันยัง ซึ่งก่อนหน้านั้น มีคดีคนร้ายยิบออกมาจากรถของตำรวจที่ภรรยานำไปซื้อกับข้าวที่ตลาดนัด ก่อนจะถูกคนร้ายปล้นฆ่าภรรยาตำรวจคนดังกล่าวแล้วจุดไฟเผา ต่อมา เจ้าหน้าที่ยังได้เรียกตนให้ไปชี้ของกลางเพื่อถ่ายรูปประกอบเป็นหลักฐานเพิ่ม เป็นกล้องส่องทางไกลติดลำปืนอีกด้วย
“ไม่เพียงเท่านั้น เจ้าหน้าที่ได้เรียกผมให้ไปดูปืนอาก้าอีก 2 กระบอก ทั้งๆ ที่ไม่ใช่ยึดได้จากบริเวณปอเนาะแต่อย่างใด โดยจุดที่พบอยู่นอกบริเวณปอเนาะประมาณ 200 เมตร แต่เจ้าหน้าที่ก็ยังเรียกผมให้ไปดูแล้วให้ทำท่าชี้ก่อนถ่ายรูปไป ซึ่งก็ไม่รู้ว่าถ่ายรูปไว้ทำไมทั้งๆ ที่ผมไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง และในระหว่างนั้นก็ไม่มีคนกลางที่จะเป็นพยานให้แม้สักคนเดียว ไม่ว่าจะเป็นผู้นำชุมชุมชนหรือบุคคลที่มีความเกี่ยวข้อง จึงถือว่าไม่ยุติธรรมมากที่ทำแบบนั้น”
บาบอมะรอบี กล่าวด้วยว่า จนกระทั่งช่วงค่ำได้นำตนพร้อมผู้ต้องสงสัยทั้งหมดไปยัง สภ.ยะรังเพื่อลงบันทึกประจำวัน ก่อนส่งต่อไปยังศูนย์ซักถามค่ายวังพญา อ.รามัน จ.ยะลา เวลาประมาณ 21.30 น. เมื่อไปถึงได้แยกผู้ต้องสงสัยไปทำการซักถาม
“ขณะนั้นเกียรติของความเป็นโต๊ะครูผมนั้นหมดไปแล้ว เพราะคำถามแต่ละคำมากมายไปด้วยคำหยาบค่าย กล่าวหาผมว่าเป็นคนไทยได้อย่างไร พูดไทยไม่ชัด ผมก็บอกตั้งแต่ต้นแล้วว่า ผมพูดภาษาไทยไม่ชัด แต่กลับพยายามถามเป็นภาษาไทย” บาบอมะรอบี กล่าวก่อนเสริมว่า
ไม่เพียงเท่านั้น ตลอดเวลายังมีการข่มขู่ของเจ้าหน้าที่บางคนว่า บาบอต้องจะถูกจำคุก 20 ปี และโรงเรียนปอเนาะ ก็จะถูกทางการปิดด้วย ซึ่งในเวลานั้นตนคิดอย่างเดียวว่าไม่ได้ ทำไมต้องใส่ความกันรุนแรงเกินไปแบบนี้ด้วย เพราะตนเองไม่ได้เกี่ยวข้องต่อสิ่งเหล่านั้นเลย ตนจะทำไปทำไม มันมีประโยชน์อะไรต่อนักเรียน หรือกับตนตรงไหน
ถึงตอนนี้ตนอยากเรียกร้องขอให้ความเป็นธรรมกับตน และโรงเรียนปอเนาะนัฮฎอตุลอุลูมิดีนียะฮ์ด้วย เพราะไม่ได้เกิดเรื่องราวอย่างที่เป็นข่าว ปัจจุบัน ทางสำนักงานการศึกษาเอกชน (สช.) เขต 2 ปัตตานี ก็ได้ระงับเงินอุดหนุนงบประมาณ 2 พันบาทต่อเดือนชั่วคราวแล้ว แถมยังไม่อนุญาตให้มีการเรียนการสอนเป็นเวลา 2 เดือน สร้างความคับแค้นใจให้แก่ประชาชนในพื้นที่เป็นอย่างมาก
ด้าน นายแวดือราแม มะมิงจิ ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานี ให้ความเห็นในเรื่องนี้ว่า กรณีการตรวจค้นสถาบันศึกษาปอเนาะของเจ้าหน้าที่บ้านเมือง ในกรณีมีหลักฐานที่ชัดเจน และมีความจำเป็นที่ต้องมีการตรวจค้น ก็ควรที่จะต้องปฏิบัติให้เป็นไปด้วยความระมัดระวัง การพูดจาไม่ควรไปกระทบกระทั่งต่อจิตใจโต๊ะครู หรือประชาชนในพื้นที่ ไม่ควรมีการใช้คำพูดเสียดสีประชดประชัน เพราะนั่นอาจจะกลายเป็นเงื่อนไขเพิ่มขึ้นในพื้นที่
“วันนี้ทุกคนกำลังอยู่ระหว่างการสร้างบรรยากาศของการพูดคุยสันสุขในพื้นที่ ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้ก็มี พล.อ.อัษรา เกิดผล ในฐานะหัวหน้าพูดคุยสันติสุขฝ่ายรัฐนำคณะลงพื้นที่ อีกทั้งยังมีคณะทำงานในพื้นที่อีกหลายคนที่จะมาช่วยการสร้างพื้นที่ตรงให้สงบ ดังนั้น บรรยากาศเช่นนี้จึงไม่อยากให้มีสร้างเงื่อนไขเพิ่มเข้าไปอีก จึงอยากให้ทุกคนทุกฝ่ายช่วยตระหนักในเรื่องนี้เป็นพิเศษ” นายแวดือราแม กล่าว
สำหรับความคืบหน้าทางคดีของการที่เจ้าหน้าที่เข้าตรวจคนปอเนาะนัฮฎอตุลอุลูมิดีนียะฮ์ดังกล่าวนั้น ล่าสุด มีรายงานว่า หลังจากฝ่ายทหารอำนาจตามกฎอัยการศึกควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยไว้ 7 วันที่ศูนย์พิทักษ์สันติ จ.ยะลา จากนั้นก็ได้นำตัวส่งให้ฝ่ายตำรวจรับไปปฏิบัติตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เพื่อการขยายผลทางคดีต่อไป
ด้าน พ.ต.อ.สมบูรณ์ พวงมาลัย ผกก.สภ.ยะรัง กล่าวถึงความคืบหน้าของการสืบสวนคดีดังกล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่า อาวุธปืนของกลางดังกล่าวไม่ได้อยู่ภายในปอเนาะนัฮฎอตุลอุลูมิดีนียะฮ์ แต่อยู่นอกบริเวณปอเนาะ ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการรอผลพิสูจน์ลายนิ้วแฝงและดีเอ็นเอว่าจะตรงกับของใครบ้าง เบื้องต้นยังไม่พบหลักฐานเชื่อมโยงกับนายมะรอบีแต่อย่างใด