ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - รองผู้ว่าฯ สงขลา เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการกองทุนพัฒนาโรงไฟฟ้าจะนะ เพื่อหารืองบประมาณช่วยเหลือชุมชนรอบๆ โรงไฟฟ้าจะนะ อันมุ่งสู่การสร้างสรรค์มิติใหม่ของการอยู่ร่วมกันระหว่างโรงไฟฟ้า กับชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้า
วันนี้ (9 มี.ค.) ที่ห้องประชุม CEO ศาลากลางจังหวัดสงขลา นายชัยวัฒน์ ศิรินุพงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการกองทุนพัฒนาไฟฟ้าโรงไฟฟ้าจะนะ (คพรฟ.) จังหวัดสงขลา ซึ่งจัดโดยโรงไฟฟ้าจะนะ เพื่อสรุปผลการดำเนินงาน และชี้แจงงบประมาณด้านต่างๆ ที่มีส่วนต่อกองทุน และหารือในแนวทางความช่วยเหลือแก่ชุมชนรอบโรงไฟฟ้า โดยมีคณะกรรมการ คพรฟ. ซึ่งเป็นผู้แทนจากทุกชุมชนรอบๆ โรงไฟฟ้า หัวหน้าส่วนราชการ และผู้แทนโรงไฟฟ้าจะนะ เข้าร่วมในการประชุม
สำหรับคณะกรรมการกองทุนพัฒนาไฟฟ้าโรงไฟฟ้าจะนะ (คพรฟ.) จังหวัดสงขลา เกิดขึ้นจากคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ในการประชุมเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2550 ได้มีมติเห็นชอบแนวทาง และขั้นตอนการจัดตั้งกองทุนพัฒนาชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้า ซึ่งต่อมา คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2550 เห็นชอบตามมติ กพช. ดังกล่าว
ต่อมา สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ได้ขอความร่วมมือจากผู้ว่าราชการจังหวัด (ใน 39 จังหวัดที่มีโรงไฟฟ้าที่มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าตั้งแต่ 6 เมกะวัตต์ขึ้นไปตั้งอยู่) ดำเนินการจัดตั้งกองทุนพัฒนาชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้าตามแนวทางที่คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้นจำนวน 75 กองทุน เพื่อสร้างสรรค์มิติใหม่ของการอยู่ร่วมกันระหว่างโรงไฟฟ้ากับชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้า
อันจะเป็นแนวทางการพัฒนาพลังงานอย่างยั่งยืน และเป็นแบบอย่างที่ดีสำหรับอุตสาหกรรมอื่นๆ ในอนาคตต่อไป กระทรวงพลังงาน ได้กำหนดให้มีการจัดตั้งกองทุนพัฒนาชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้า โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อจัดหาเงินทุนในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน และสิ่งแวดล้อมในชุมชนพื้นที่รอบโรงไฟฟ้า ซึ่งได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างโรงไฟฟ้า หรือการผลิตไฟฟ้า
โดยโรงไฟฟ้าที่ตั้งอยู่ในราชอาณาจักร และมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าตั้งแต่ 6 เมกะวัตต์ขึ้นไป จะต้องดำเนินการจัดตั้งกองทุนเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้านั้นๆ ในกรณีที่มีหลายโรงไฟฟ้าอยู่ในบริเวณขอบเขตพื้นที่เดียวกัน หรืออยู่ในนิคมอุตสาหกรรมเดียวกันให้มีเพียงกองทุนเดียว