โดย...กฤษณะ ทิวัตถ์สิริกุล
อยากเขียน อยากบอกตรงๆ เพิ่งพบตัวเองคืนนี้
อาชีพ “นักข่าว” ครับ เป็นนักข่าวที่อยู่ในจังหวัดนครศรีธรรมราช เข้ามาสู่วงการนี้เมื่อเกือบ 20 ปีที่แล้ว แบบจับพลัดจับผลู แต่บอกเลยว่าตลอดเกือบ 20 ปีที่ผ่านมา เพิ่งพบว่านี่คืออาชีพที่รักเอาเมื่อเวลาล่วงเลยมานานโข มารู้จักตัวเอง พบตัวเองจังๆ เอาเมื่อคืน ๕ มีนาคม ๒๕๕๘ วันนักข่าวประจำปีนี้นี่เอง
เรื่องของเรื่องคือว่า ก่อนหน้านั้น ๑ วัน คือ วันที่ ๔ มีนาคม มีเสียงโทรศัพท์จากพี่ชายที่นับถือคนหนึ่งโทร.บอกว่า มันมีลูกช้างเกิดใหม่พร้อมกับโขลงอีกหลายตัวมาป้วนเปี้ยนอยู่ในสวนของลุงเมือง แห่งบ้านวังลุง รอช้าอยู่ไยครับ แม้ว่าจะเป็นวันนักข่าว โทร.บอกเพื่อนฝูงนักข่าวทันที ซึ่งมีอยู่ไม่กี่คนหรอกครับที่ชื่นชอบในเรื่องการขึ้นเขาลงห้วย ถึงไหนถึงกัน เดินเช้ายันเย็นข้ามภูเขา ๓ ยอดก็ทำมาแล้ว
ไม่มีใครปฏิเสธสักคน นัดหมายกันตั้งแต่เช้าตรู่ มุ่งหน้าไปจอดรถทิ้งไว้ที่น้ำตกวังลุง แล้วเดินขึ้นภูเขาไป ราวกับเด็กที่ได้ของเล่นชิ้นใหม่เพื่อไปหาช้าง แต่ไม่ได้หมายว่าจะไปสัมผัสกับน้องช้างโดยตรงหรอกครับ ฤทธิ์เดชของช้างวังลุงนี่ใช่ย่อย ไล่กระทืบเปิงเลย ที่บอกอย่างนี้เพราะโดนมาแล้ว เราหวังเพียงแค่ว่าจะได้บันทึกภาพสวยๆ ด้วยสองมือ สองตาที่เห็นได้เอง สัมผัสเอง
แต่วันรุ่งขึ้นเมื่อเดินไปถึง พบเพียงร่องรอย หลังจากนั้นต้องรีบกลับลงมาเพราะวันนี้เป็นวันนักข่าว รีบกลับไปร่วมทำบุญกับ “มีดีมีเดีย” ในหมู่บ้านราชพฤกษ์ กับพี่กี้ หรือพี่ณรงค์ ธีระกุล ที่ทำเป็นประเพณีนี้ เดินขึ้นลงภูเขาตรงนั้นอยู่ราว ๒ ชั่วโมง ครั้งนี้คงเป็นครั้งที่ ๕ หรือ ๖ ที่เดินเช่นนี้พร้อมกับเพื่อนฝูง
มีครั้งหนึ่งที่ป้ากานต์ แห่งมีดีเดินไปกับเราด้วย หญิงเหล็กจริงๆ ครับ วิ่งกันกระเจิงเมื่อพ่อช้างป่าไล่กระทืบ วันนั้นเสื้อขาด เหงื่อพลั่ก หน้าตาตื่น เธอถูกช้างไล่กระทืบเป็นครั้งแรกในชีวิต ส่วนผมนั้นเป็นหนที่ ๒ หรือ ๓ ที่เจอฤทธิ์เดชของช้าง เล่นเอาหูตาเลือดโชก เพราะหนามหวายไม่ยอมหลีกในขณะเผ่นหนีพี่ท่านที่วิ่งไล่ตามหลังมาพร้อมด้วยท่าทีหูผึ่ง และเป่าแตรแบบยาวๆ “แปร๊นนนนน” แผ่นดินสะเทือนครับ
หลังจากกลับลงมาร่วมงานบุญแล้ว ตกเย็นไปช่วยกันทำบุญเลี้ยงอาหารที่สถานสงเคราะห์เด็กชายบ้านศรีธรรมราช มีเด็กๆ ทุกวัยจริงๆ ครับ ตั้งแต่แต่แรกคลอดไปจนเข้าเรียนในระดับ ปวช.แล้วยังมีอยู่ในความดูแลที่นี่ นี่ล่ะครับจุดเริ่มต้นในการฉุกคิด และทบทวนเส้นทางชีวิตที่เดินมาแล้ว มาเทียบเคียงกับโอกาส และโชคชะตาของเด็กพวกนี้
ผมเริ่มการเป็นนักข่าว พบเห็นสิ่งต่างๆ มามากมาย โดยเฉพาะพฤติกรรมผู้คนทั้งอาชีพเดียวกัน และหลากหลายสาขาอาชีพ มีหลายประเภทนิสัยใจคอ ทั้งพวกบ่างช่างยุ ช่างเสี้ยม พวกหลงตัวเองเป็นเทวดา พวกหลงเงาตัวเอง หรือแม้กระทั่งปากปราศรัย แต่น้ำใจเชือดคอเห็นบ่อยๆ ไปจนเท่าถึงทุกวันนี้
ในวันนี้เป็นวันนักข่าวพอดี คือ วันที่ ๕ มีนาคม ความเหนื่อยล้าในช่วงเช้าบนภูเขา รวมทั้งคิดไปถึงการเดินเข้าไปในราวป่า ๕-๖ ครั้ง การลงสนามไปติดตามข่าวคลื่นลมถล่มแถบชายฝั่งอ่าวไทย ที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า หรือการขึ้นไปบนกรุงชิง นบพิตำ แบบ ๔ x๔ หลายคราวบนเส้นทางวิบาก จนได้ภาพที่สวยงามมาด้วยสองมือ หรือคราววิกฤตการชุมนุมที่ควนหนองหงส์ ชะอวด ที่เราเฝ้าสถานการณ์ที่อันตราย เสี่ยง และวิกฤตการณ์ไฟป่าที่ตะลอนอยู่ในป่าพรุร่วมเดือน เพื่อให้ได้ภาพโทรทัศน์ที่แสนวิเศษในสายตาของผม เหล่านี้แหละครับทำให้ผมคิดทบทวน
เราเดินทางไปยังพื้นที่ข่าวเหล่านี้แบบไม่เคยพลาดด้วยตัวเอง ที่บอกว่าเรานั้น เพราะว่าเราจะมีเพื่อนร่วมทางเสมอ ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกัน ใช้รถส่วนตัวแบบไม่เคยเป็นภาระของใคร ถึงไหนถึงกัน มีแค่ไม่กี่คนหรอกครับ ตลอดเส้นทางมีแต่เสียงหัวเราะ เสียงทะลึ่ง ฮาไปตามประสาอย่างมีความสุขในการทำงาน ตกเย็นตกค่ำหลายครั้งเราต่อกันจนดึกดื่น นั่งคุยนั่งหัวเราะกัน หันไปดูอีกทีให้ตายเถอะครับ ขวดเบียร์เป็นลังๆ ที่หมดไปแล้ว
แต่ที่มากกว่านั้น ความเป็นเพื่อนที่ซึมซับนั้น มันสัมผัสได้ถึงความจริงใจ ไม่มีใครเป็นภาระของใคร ต่างคอยช่วยเหลือเติมเต็ม ท่ามกลางมิตรภาพในอาชีพนี้
ข่าวสารที่ดูแล้วใหญ่สำหรับเรานั้น เราไม่เคยมโนปั้นแต่งข้อมูลข่าวสาร หรือรอคอยอยู่กับที่ แต่เราต้องไปถึงที่กันครับ อย่างเรื่องช้างจนแทบจะถึงก้นช้างเลยทีเดียว ภาพที่ออกมาทุกช็อตมันคือความตั้งใจจริง งานที่ออกมาไม่ว่าข่าวใหญ่ ข่าวเล็ก ข่าวน้อยที่เผยแพร่ไปนั้น มันจึงมีคุณค่ายิ่งในสายตาของพวกผม เพราะมันผ่านความตั้งใจในการทำขึ้น ผ่านเหงื่อทุกหยด ผ่านความอ่อนล้า บ้างเปียก บ้างร้อน เสี่ยงกับกล้องบันทึกภาพพังชำรุด โดยที่พวกเราไม่รู้ตัวจริงๆ รู้เอาเมื่อมันออกมาเป็นผลงานแล้ว
มันจึงเป็นสิ่งที่มีคุณค่า มันจึงเป็นงานที่เรารัก หลายคนที่ไม่ผ่านกระบวนการอย่างเช่นพวกเราคงไม่สามารถเข้าใจมันได้เลย
วันนี้ผมจึงพบว่า พวกเราอยู่ในระหว่างยุคการเปลี่ยนผ่านจากยุคแอนะล็อก สู่ยุคดิจิตอล ทั้งวิธีการทำงาน วิธีคิด การจำกัดวงคิดในกรอบแคบๆ ของคำว่านักข่าวนั้น คงเป็นเรื่องที่ล้าสมัยไปเสียแล้ว ในกระแสของข้อมูลข่าวสารที่เชี่ยวกราก
นอกเหนือจากคำว่านักข่าวในอาชีพที่เราทำ ท่ามกลางแนวคิดของแต่ละคนที่หลากหลาย หรือสิ่งที่ผมเรียกว่า หน้าไหว้หลังหลอก ปากอย่างใจอย่าง หรือเข้าใจว่าตัวเองคืออาญาสิทธิ์ ที่เจอมาหลายๆ คนมันเหนื่อย แต่เมื่อคิดอีกทีหายเหนื่อยครับ เพราะผมรู้ทันมัน
และสิ่งที่ผมเจอมาในช่วงหลายปีมานี้ ความจริงใจของเพื่อนฝูง ความสุขกับงานที่ทำเองพร้อมกับเพื่อนสหายร่วมวิชาชีพ รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ เสียงทะลึ่งโปกฮา ความจริงใจต่อกันตลอดเส้นทางที่ไปไหนต่อไหน นี่สิคือสิ่งที่เพิ่งรู้ตัว และค้นพบในวันนักข่าววันนี้เอง