กระบี่ - นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองกระบี่ แจงตัดต้นไม้มะหาด ทำประติมากรรมเกิดกระแสอนุรักษ์ พร้อมโวที่แห่งนี้จะเป็นที่สวยงามที่นักท่องเที่ยวได้ถ่ายเซลฟี่ พร้อมตอกย้ำความเป็นเมืองศิลปะ
จากกรณีที่มีการถกเถียงกันอย่างหนักในสังคมออนไลน์ ถึงความเหมาะสมกรณีที่ นายอัครเดช จักรจินดา จากกลุ่มเซฟกระบี่ ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว Akradej Chakjinda ถึงเรื่องราวของการสร้างผลงานศิลปะของ ดร.กมล ทัศนาญชลี ศิลปินแห่งชาติ และ “มูไก” ศิลปินชาวญี่ปุ่น ด้วยการตัดต้นไม้เก่าแก่อายุหลายร้อยปี มาสร้างเป็นงานศิลปะเพื่อจัดแสดงที่บริเวณริมเขื่อนเจ้าฟ้า หน้าเมืองกระบี่ โดยประเด็นดังกล่าวนั้นมีชาวเน็ตเข้ามาวิพากษ์วิจารณ์ และแสดงความคิดเห็นกันเป็นจำนวนมากถึงความไม่เหมาะสมในการทำลายธรรมชาติเพื่อนำมาสร้างงานในลักษณะนี้ ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าล่าสุด วันนี้ (19 ก.พ.) นายกีรติศักดิ์ ภูเก้าล้วน นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองกระบี่ กล่าวว่า สำหรับไม้มะหาด ตำนานประติมากรรมหน้าเมืองกระบี่นั้น ทาง นายสุวรรณ มุคุระ เจ้าของไม้มะหาด อายุ 143 ปี ได้มอบไม้ต้นนี้ที่อยู่ในโฉนดที่ดินของตนเอง ให้แก่เทศบาลเมืองกระบี่เพื่อนำมาแกะสลักเป็นเสาประติมากรรม จำนวน 5 ท่อน โดยมี อาจารย์กมล ทัศนาญชลี ศิลปินแห่งชาติ ร่วมกับ นายมูไก ศิลปินจากประเทศญี่ปุ่น เป็นผู้ดำเนินการสร้างประติมากรรมที่หน้าเมืองกระบี่ ซึ่งถือว่าเกิดประโยชน์ต่อจังหวัดกระบี่ เพราะเสาประติมากรรมชิ้นนี้สามารถอยู่คู่เมืองกระบี่ได้เป็น 100 ปี
นายกีรติศักดิ์ กล่าวด้วยว่า เดิมที่ทางเจ้าของต้นไม้ก็เตรียมจะโค่นอยู่แล้วเพื่อนำไปสร้างบ้าน แต่ตนได้ไปขอมาสร้างประติมากรรม ซึ่งทางเจ้าของก็เห็นด้วย และเห็นว่ามีประโยชน์ จึงได้มอบให้เทศบาลเมืองกระบี่ และไม่คาดคิดว่าจะเกิดกระแสสังคมต่อต้าน และโจมตีอย่างหนักจากบุคคลที่ไม่เห็นด้วย แต่ตนก็ไม่ได้ติดใจเอาความ โดยจะถือว่านี่คือกระแสการอนุรักษ์ที่สังคมแสดงออกมาก และขอให้ต้นไม้ต้นนี้เป็นต้นสุดท้ายที่ถูกกโค่นทำลาย โดยจะตั้งชื่อประติมากรรมชิ้นนี้ว่า “ตายเพื่อเกิด”
สำหรับแนวคิดของตนที่นำต้นไม้มาทำเป็นประติมากรรมชิ้นนี้ ไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง และใครคนใดคนหนึ่ง แต่ทำเพื่อเมืองกระบี่ ตอกย้ำความเป็นเมืองศิลปะของจังหวัดกระบี่ นอกจากนั้น ก็เพื่อจะได้เป็นเครื่องเตือนใจให้เกิดการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติในวงกวางขึ้น เพราะขณะนี้หันไปมองทางไหนของกระบี่ ทั้งป่าชายเลน ป่าสงวนแห่งชาติ ถูกทำลายไปเป็นจำนวนมาก แต่ก็ไม่เคยเกิดกระแสการอนุรักษ์เหมือนครั้งนี้ และว่าขณะนี้ได้ทำการแกะสลักชิ้นงานเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงการตกแต่งอีกเพียงเล็กน้อยก็จะสามารถนำไปวางไว้บริเวณหน้าเมืองกระบี่ได้
นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองกระบี่ ได้กล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า การตัดต้นไม้ในครั้งนี้นอกจากได้กระแสการอนุรักษ์ป่าไม้แล้ว ต่อไปประติมากรรมแห่งนี้ก็จะเป็นสถานที่ให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูปเซลฟี่ ที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดกระบี่เลยทีเดียว และว่างานศิลปะชิ้นนี้เป็นงานที่ตนคิดขึ้น ตัวศิลปินเองเขาเพียงแต่มาทำการแกะสลักตามความต้องการตนให้เท่านั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องการตัดต้นไม้แต่อย่างใด จึงอยากขอความเป็นธรรมให้แก่ศิลปินทั้ง 2 ด้วย
จากกรณีที่มีการถกเถียงกันอย่างหนักในสังคมออนไลน์ ถึงความเหมาะสมกรณีที่ นายอัครเดช จักรจินดา จากกลุ่มเซฟกระบี่ ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว Akradej Chakjinda ถึงเรื่องราวของการสร้างผลงานศิลปะของ ดร.กมล ทัศนาญชลี ศิลปินแห่งชาติ และ “มูไก” ศิลปินชาวญี่ปุ่น ด้วยการตัดต้นไม้เก่าแก่อายุหลายร้อยปี มาสร้างเป็นงานศิลปะเพื่อจัดแสดงที่บริเวณริมเขื่อนเจ้าฟ้า หน้าเมืองกระบี่ โดยประเด็นดังกล่าวนั้นมีชาวเน็ตเข้ามาวิพากษ์วิจารณ์ และแสดงความคิดเห็นกันเป็นจำนวนมากถึงความไม่เหมาะสมในการทำลายธรรมชาติเพื่อนำมาสร้างงานในลักษณะนี้ ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าล่าสุด วันนี้ (19 ก.พ.) นายกีรติศักดิ์ ภูเก้าล้วน นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองกระบี่ กล่าวว่า สำหรับไม้มะหาด ตำนานประติมากรรมหน้าเมืองกระบี่นั้น ทาง นายสุวรรณ มุคุระ เจ้าของไม้มะหาด อายุ 143 ปี ได้มอบไม้ต้นนี้ที่อยู่ในโฉนดที่ดินของตนเอง ให้แก่เทศบาลเมืองกระบี่เพื่อนำมาแกะสลักเป็นเสาประติมากรรม จำนวน 5 ท่อน โดยมี อาจารย์กมล ทัศนาญชลี ศิลปินแห่งชาติ ร่วมกับ นายมูไก ศิลปินจากประเทศญี่ปุ่น เป็นผู้ดำเนินการสร้างประติมากรรมที่หน้าเมืองกระบี่ ซึ่งถือว่าเกิดประโยชน์ต่อจังหวัดกระบี่ เพราะเสาประติมากรรมชิ้นนี้สามารถอยู่คู่เมืองกระบี่ได้เป็น 100 ปี
นายกีรติศักดิ์ กล่าวด้วยว่า เดิมที่ทางเจ้าของต้นไม้ก็เตรียมจะโค่นอยู่แล้วเพื่อนำไปสร้างบ้าน แต่ตนได้ไปขอมาสร้างประติมากรรม ซึ่งทางเจ้าของก็เห็นด้วย และเห็นว่ามีประโยชน์ จึงได้มอบให้เทศบาลเมืองกระบี่ และไม่คาดคิดว่าจะเกิดกระแสสังคมต่อต้าน และโจมตีอย่างหนักจากบุคคลที่ไม่เห็นด้วย แต่ตนก็ไม่ได้ติดใจเอาความ โดยจะถือว่านี่คือกระแสการอนุรักษ์ที่สังคมแสดงออกมาก และขอให้ต้นไม้ต้นนี้เป็นต้นสุดท้ายที่ถูกกโค่นทำลาย โดยจะตั้งชื่อประติมากรรมชิ้นนี้ว่า “ตายเพื่อเกิด”
สำหรับแนวคิดของตนที่นำต้นไม้มาทำเป็นประติมากรรมชิ้นนี้ ไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง และใครคนใดคนหนึ่ง แต่ทำเพื่อเมืองกระบี่ ตอกย้ำความเป็นเมืองศิลปะของจังหวัดกระบี่ นอกจากนั้น ก็เพื่อจะได้เป็นเครื่องเตือนใจให้เกิดการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติในวงกวางขึ้น เพราะขณะนี้หันไปมองทางไหนของกระบี่ ทั้งป่าชายเลน ป่าสงวนแห่งชาติ ถูกทำลายไปเป็นจำนวนมาก แต่ก็ไม่เคยเกิดกระแสการอนุรักษ์เหมือนครั้งนี้ และว่าขณะนี้ได้ทำการแกะสลักชิ้นงานเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงการตกแต่งอีกเพียงเล็กน้อยก็จะสามารถนำไปวางไว้บริเวณหน้าเมืองกระบี่ได้
นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองกระบี่ ได้กล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า การตัดต้นไม้ในครั้งนี้นอกจากได้กระแสการอนุรักษ์ป่าไม้แล้ว ต่อไปประติมากรรมแห่งนี้ก็จะเป็นสถานที่ให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูปเซลฟี่ ที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดกระบี่เลยทีเดียว และว่างานศิลปะชิ้นนี้เป็นงานที่ตนคิดขึ้น ตัวศิลปินเองเขาเพียงแต่มาทำการแกะสลักตามความต้องการตนให้เท่านั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องการตัดต้นไม้แต่อย่างใด จึงอยากขอความเป็นธรรมให้แก่ศิลปินทั้ง 2 ด้วย
