กระบี่ - กลุ่ม Save Krabi ร้องผู้ว่าราชการจังหวัด ขอตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบของนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองกระบี่ หลังถูกทีมงานโพสต์เฟชบุ๊กข่มขู่คุกคาม แถมอ้างตัดไม้มะหาดทำงานศิลป์ใช้เงินส่วนตัว เผยชาวกระบี่เริ่มรับไม่ได้ หลายโครงการเหลวไม่เป็นท่า เตรียมแสดงออกต่อต้าน
วันนี้ (23 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอัครเดช ฉากจินดา ผู้ประสานงานกลุ่ม Save Krabi ได้ทำหนังสือด่วนที่สุด ลงวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2558 เรื่อง ขอตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบของ นายกีรติศักดิ์ ภูเก้าล้วน นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองกระบี่ เนื่องด้วยโครงการสร้างประติมากรรม “ตายแล้วเกิด”
โดยในหนังสือดังกล่าวระบุว่า เรียน ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ เนื่องจาก นายกีรติศักดิ์ ภูเก้าล้วน นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองกระบี่ ได้มีการโพสต์ภาพการตัดต้นมะหาดในหน้าเฟซบุ๊กส่วนตัวชื่อ กีรติศักดิ์ ภูเก้าล้วน เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2558 และมีการกล่าวอ้างว่า เป็นต้นมะหาดอายุ 143 ปี ที่ได้รับบริจาคจาก นายสุวรรณ มุคุระ โดยข้าพเจ้าได้นำรูปกับข้อความดังกล่าวมาโพสต์บนเฟซบุ๊กส่วนตัวของข้าพเจ้าชื่อ Akradej Chakjinda แสดงความเห็นต่อถึงความไม่เหมาะสมของโครงการเรื่องการตัดต้นไม้ที่มีอายุมากมาทำงานศิลปะจนนำไปสู่กระแสวิพากษ์วิจารณ์เป็นวงกว้างในระดับประเทศนั้น
ได้มีกลุ่มผู้สนับสนุนศิลปิน และนายกเทศมนตรีเข้ามาโพสต์ข้อความ หรือคอมเมนต์ในสเตตัสเฟซบุ๊กของข้าพเจ้าในเชิงข่มขู่คุกคาม ซึ่งต่อมา นายกีรติศักดิ์ ภูเก้าล้วน นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองกระบี่ ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อสาธารณะต่างๆ เช่น ผู้จัดการออนไลน์ ว่า ได้รับการบริจาคเงินจาก นายชวน ภูเก้าล้วน เพื่อสร้างประติมากรรมชื่อ “ตายแล้วเกิด” ซึ่งตนเป็นผู้ออกแบบเอง และได้ศิลปินชาวไทยคือ นายกมล ทัศนาญชลี และนายมูไก ศิลปินชาวญี่ปุ่นเป็นผู้สร้างตามแบบ โดยมีแผนจะนำไปติดตั้ง ณ บริเวณริมเขื่อนหน้าเมืองกระบี่
อย่างไรก็ดี มีประชาชนชาวกระบี่จำนวนมากที่แสดงความไม่เห็นด้วย และไม่เคยรับรู้เรื่องโครงการการสร้างประติมากรรมนี้มาก่อนจนกระทั่งตกเป็นข่าว ทั้งเรื่องที่มาที่ไปรวมถึงสถานที่จัดวาง
ทั้งนี้ เนื่องจากเทศบาลเมืองกระบี่ ซึ่งเป็นองค์กรที่รับผิดชอบบริเวณริมเขื่อนหน้าเมืองกระบี่นั้นไม่ได้ติดป้ายประกาศโครงการ หรือมีการแจ้งเรื่องการจัดซื้อจัดจ้างโครงการสร้างประติมากรรม “ตายแล้วเกิด” แต่อย่างใด ซึ่งถือได้ว่าเป็นขาดความโปร่งใส และไม่มีการเปิดเผยข้อมูล หรือประกาศต่อสาธารณะ ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าโครงการประติมากรรม “ตายแล้วเกิด” นี้ผิดขั้นตอนการปฏิบัติหรือไม่ ถือเป็นการละเมิดสิทธิชุมชนหรือไม่ และนายกเทศมนตรีได้ลุแก่อำนาจในการจัดทำโครงการนี้หรือไม่อย่างไร จึงใคร่ขอความเป็นธรรมจากผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ในการตรวจสอบการโครงการ ประติมากรรม “ตายแล้วเกิด” ดังกล่าวนี้โดยด่วน
อนึ่ง ข้าพเจ้าได้เคยยื่นหนังสือร้องเรียนนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองกระบี่ ต่อนายประสิทธิ์ โอสถานนท์ เมื่อครั้งยังดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ รวมทั้งยื่นหนังสือร้องเรียนนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองกระบี่ หลายเรื่องตั้งแต่ปี 2557 ต่อสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติประจำจังหวัดกระบี่ โดยแม้จะได้รับการเชิญเพื่อให้ปากคำ และยื่นหลักฐานประกอบการร้องเรียน แต่จนปัจจุบันยังไม่ได้รับการตอบกลับถึงความคืบหน้าในการตรวจสอบเรื่องร้องเรียนแต่อย่างใด จึงใคร่ขอความช่วยเหลือจากผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ในการเร่งรัดการทำงานของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติประจำจังหวัดกระบี่ ในเรื่องการตรวจสอบเรื่องที่ได้ร้องเรียนไปแล้วด้วย
เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายอัครเดช เปิดเผย “ASTVผู้จัดการภาคใต้” ว่า ขณะนี้ได้ยื่นหนังสือให้แก่ นายทรงพล สวาสดิ์ธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และกำลังรอว่าทางผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ จะมีการตอบรับหนังสือเมื่อใด
“แต่เรื่องนี้ชาวบ้านไม่ยอม นายกฯ อ้างพี่ชายบริจาคเงินส่วนตัว แต่ตามหลักการต้องจัดทำโครงการแต่ไม่ได้ทำครับ ทุกครั้งเวลานายกฯ ทำอะไรพลาด จะอ้างเงินพี่ชายตัวเองตลอดชาวบ้านเตรียมแสดงออกต่อต้านเร็วๆ นี้ครับ โดยเฉพาะในประเด็นละเมิดสิทธิชุมชนที่เกิดขึ้นมาโดยตลอด เขาชอบทำไปก่อนแล้วมาแก้ไข หรือแก้ตัวทีหลังประจำ เท่ากับมัดมือชกโครงการต่างๆ ของเทศบาลไม่เคยเสร็จตามสัญญาเลย ประเด็นนี้ชัดและแรง งานค้างคาเต็มเมืองชาวบ้านที่นี่รู้ดี และเริ่มรับไม่ได้ครับ” นายอัครเดช กล่าว
