ระนอง - เกิดเหตุเพลิงไหม้เรือบรรทุกสินค้าสัญชาติพม่าวอดทั้งลำ ขณะจอดลำเลียงสินค้าบริเวณท่าเทียบเรือในพื้นที่ที่ระนอง รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 15 ล้านบาท คาดสาเหตุเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร
เมื่อเวลา 11.30 น. วันนี้ (13 ก.พ.) สารวัตรเวรสอบสวน สภ.ปากน้ำเมืองระนอง รับแจ้งมีเหตุเพลิงไหม้เรือบรรทุกสินค้า จำนวน 1 ลำ เหตุเกิดที่บริเวณท่าเทียบเรือมานิต หมู่ที่ 5 ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.ระนอง หลังรับแจ้งจึงเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยรถดับเพลิงเทศบาลเมืองระนอง เทศบาลปากน้ำท่าเรือ เรือของตำรวจน้ำระนอง และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิระนองสงเคราะห์ เข้าทำการสกัดเพลิง
ในที่เกิดเหตุพบเพลิงกำลังโหมไหม้เรือบรรทุกสินค้าอย่างรวดเร็ว และลามไปติดสินค้าประเภทพลาสติกที่อยู่บนหลังคาเรือ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงพร้อมรถดับเพลิงกว่า 10 คัน ได้ช่วยกันฉีดน้ำสกัดไม่ให้เพลิงลุกไหม้ไปยังจุดต่างๆ ของเรืออย่างเต็มที่ แต่ไม่สามารถฉีดน้ำเข้าสกัดเพลิงได้ ซึ่งเพลิงได้โหมลุกไหม้อย่างต่อเนื่องนานกว่า 2 ชั่วโมง จึงควบคุมเพลิงได้ ทำให้เรือ และสินค้าที่อยู่บนเรือเสียหายวอดทั้งลำ
จากการสอบถามลูกเรือยาตานาเพียวชุน ทราบว่า ขณะที่กำลังพักรับประทานอาหารอยู่บริเวณใกล้เคียงนั้น เห็นเพลิงไหม้จากห้องเครื่องใต้ท้องเรือลำดังกล่าว จากนั้นเพลิงได้ลุกลามขึ้นไปยังดาดฟ้าเรือไหม้สินค้าจำพวกพลาสติก และสินค้าอุปโภคบริโภคอย่างรวดเร็ว จึงได้แจ้งผู้จัดการเรือชื่อ นายซันนี่ ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเข้าช่วยมาทำการสกัดเพลิงที่กำลังลุกไหม้
จากการสอบสวนทราบว่า เรือสินค้าลำนี้จดทะเบียนที่จังหวัดย่างกุ้ง ประเทศพม่า ชื่อเรือ ยาตานาเพียวชุน เป็นเรือขนาด 258.94 ตันกรอส มารับส่งสินค้าจากจังหวัดระนอง ไปยังจังหวัดเกาะสองและจังหวัดมะริด ประเทศพม่า ก่อนเกิดเหตุคนขับเรือชื่อได้ ได้เรือมาจอดเพื่อลำเลียงสินค้าที่บริเวณท่าเทียบเรือมานิต บรรทุกส่งสินค้าจำพวกเหล็ก ปูนซีเมนต์ วัสดุก่อสร้าง พลาสติก และสินค้าอุปโภคบริโภค
สำหรับสาเหตุในเบื้องต้น พ.ต.อ.เรืองเดช สุวรรณพิกุล ผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรปากน้ำ ได้ลงพื้นที่ร่วมกับร้อยเวรสอบสวน สภ.ปากน้ำเมืองระนอง และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบ คาดว่าสาเหตุมาจากระบบไฟฟ้าเกิดลัดวงจรจากในห้องเครื่องใต้ท้องเรือก่อนลุกลามยังตัวเรือ และสินค้าที่อยู่บนเรือทำให้เพลิงไหม้วอดทั้งลำ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จะได้ประสานเจ้าของเรือมาสอบสวน และประสานเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบเพื่อหาสาเหตุเพลิงไหม้ที่แท้จริงต่อไป