ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ภูเก็ต สนธิกำลังทุกหน่วยตรวจสอบแหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง “อ่าวหาดนุ้ย” หลังชาวบ้านร้องศูนย์ดำรงธรรม มีกลุ่มบุคคลเข้ายึดอ่าวหาดนุ้ยเป็นของส่วนตัว ขณะที่ผู้ถูกร้องอ้างมีเอกสารสิทธิยืนยันไม่ใช่ผู้มีอิทธิพล ส่วนผลการตรวจสอบเจ้าหน้าที่ยึดอาวุธปืนได้ 2 กระบอก ด้านเจ้าท่าสั่งรื้อสิ่งปลูกสร้างบนชายหาดออกทันที
วันนี้ (5 ก.พ.) หน่วยงานต่างๆ ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนลงพื้นที่อ่าวหาดนุ้ย ม.2 ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีมีชาวบ้านร้องเรียนมายังผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ผ่านทางศูนย์ดำรงธรรม ว่า มีกลุ่มบุคคลเข้าไปยึดครองอ่าวหาดนุ้ยเป็นหาดส่วนตัว และมีการเรียกเก็บค่าหัวในการเข้าไปบริเวณหาดดังกล่าว รวมทั้งยังมีการยิงปืนในช่วงเวลากลางคืนบ่อยครั้ง ซึ่งการลงพื้นที่ในครั้งนี้ นำโดย นายสมเกียรติ สังข์ขาวสุทธิรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วย น.อ.บวร พรมแก้วงาม รองผู้อำนวยการ กอ.รมน.จังหวัดภูเก็ต นายภาคภูมิ อินทรสุวรรณ ปลัดจังหวัดภูเก็ต นายประเจียด อักษรธรรมกุล หัวหน้าสำนักงานจังหวัดภูเก็ต นายสุพจน์ ชนะกิจ นายอำเภอเมืองภูเก็ต พ.ต.อ.สมาน ชัยณรงค์ รอง ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต นายภูริพัฒน์ ธีระกุลพิศุทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาภูเก็ต นายประพันธ์ ขันธ์พระแสง หัวหน้าศูนย์ดำรงธรรมภูเก็ต นายสมปอง ดาบเพชร รองนายเทศมนตรีตำบลกะรน นายวินัย ชิดเชี่ยว กำนันตำบลกะรน รวมทั้งเจ้าหน้าที่จากสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมภูเก็ต สำนักงานปฎิรูปที่ดินภูเก็ต เจ้าหน้าที่ป่าไม้ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กะรน เจ้าหน้าที่ชุดควบคุม กองทัพเรือที่ 13 ทัพเรือภาคที่ 3 นำโดย น.ต.ฉัตรชัย ดวงมณี หัวหน้าชุดฯ และกำลังกองร้อยอาสาสมัคร อ.เมืองภูเก็ต
จากการเข้าตรวจสอบ พบ นายชโลธร โชติพนัง หรือบอย อายุ 46 ปี แสดงตัวเป็นเจ้าของสถานที่ดังกล่าว และยินดีให้เข้าตรวจสอบ พร้อมยืนยันไม่ใช่ผู้มีอิทธิพลตามที่มีการกล่าวอ้าง และที่ดินดังกล่าวก็มีเอกสารพร้อมยืนยัน สำหรับพื้นที่ดังกล่าวอยู่ห่างจากถนนสายรอบเกาะ เข้าไปทางซอยแหลมมุมนอก ม.2 ต.กะรน อ.เมืองภูเก็ต ระยะทางประมาณ 4-5 กิโลเมตร เป็นถนนลูกรัง คดเคี้ยว และลาดชัน ก่อนที่จะถึงชายหาดจะพบอาคารสิ่งปลูกสร้างเพื่อต้อนรับผู้เข้าไปใช้บริการ และอาคารบริการอื่นๆ รวมถึงเต็นท์ เครื่องออกกำลังกาย โต๊ะ เก้าอี้บริการริมชายหาด นอกจากนี้ยังมีเจ๊ตสกีไว้บริการด้วย
นายสมเกียรติ ได้กล่าวชี้แจ้งถึงการเข้าตรวจสอบในครั้งนี้ว่า เนื่องจากได้มีการร้องเรียนผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตผ่านทางศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดภูเก็ต ว่า พื้นที่ดังกล่าวมีการครอบครองไม่ถูกต้อง มีการยึดครองเก็บค่าหัวนักท่องเที่ยวเข้าชายหาด มีการยึดชายหาดเป็นของส่วนตัว ปักร่มขายของ ไม่ให้ชาวบ้าน หรือผู้ที่ต้องการเที่ยวสัญจรผ่านลงในพื้นที่ ทำตัวเป็นมาเฟีย มีอิทธิพล และกลางคืนก็มีการยิงปืน มีการอ้างข้าราชการชั้นทหารคุ้มครอง และที่ดินดังกล่าวก็ไม่มีเอกสารสิทธิ ขอให้ทางจังหวัดเข้ามาตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อความปลอดภัยของคนในพื้นที่ หลังจากได้รับการร้องเรียน ทางผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบ เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริง เพราะเป็นพื้นที่ที่ค่อนข้างล่อแหลม และพร้อมที่จะให้ความเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย
อย่างไรก็ตาม หลังการชี้แจงรายละเอียดต่างๆ แล้วทางเจ้าหน้าที่โดยชุดควบคุม กองทัพเรือที่ 13 ทัพเรือภาคที่ 3 ได้ให้นายชโลธร นำค้นอาคารสิ่งปลูกสร้างต่างๆ รวมทั้งได้มีการตรวจปัสสาวะของพนักงานด้วย ซึ่งผลการตรวจสอบ และการตรวจปัสสาวะของพนักงาน พบมีสีม่วง จำนวน 5 ราย มีการตรวจยึดปืนได้ 2 กระบอก โดยเป็นของ นายจักรพงษ์ สวัสดิ์ทวี อายุ 30 ปี ซึ่งเป็นพนักงานของทางร้าน 1 กระบอก พร้อมด้วยกระสุน 9 มม. 11 นัด อุปกรณ์เสพยา และเงินสดจำนวนหนึ่ง และของนายชโลธร 1 กระบอก อ้างว่ามีใบ ป.4 แต่หาไม่เจอเจ้าหน้าที่จึงตรวจยึดไว้ก่อน นอกจากนี้ ยังมีการตรวจยึดเจ็ตสกี จำนวน 2 ลำ และ เจ็ตเหาะอีก 2 ลำ เนื่องจากไม่มีใบอนุญาต
ขณะที่ทางเจ้าท่าภูมิภาค สาขาภูเก็ต ได้สั่งให้ทำการรื้อถอนอาคารที่ก่อสร้างบนพื้นที่ชายหาดออก พร้อมกันนี้ ได้ให้เทศบาลตำบลกะรน ตรวจสอบการก่อสร้างอาคารต่างๆ ว่าได้รับอนุญาตถูกต้องหรือไม่ รวมทั้งการตรวจสอบเอกสารสิทธิว่าถูกต้องหรือไม่ และอยู่ในพื้นที่ของหน่วยงานใด ส่วนของความผิดที่มีการตรวจพบซึ่งหน้าก็ให้ดำเนินการไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น การสร้างสิ่งปลูกสร้างในที่สาธารณะ เป็นต้น