ศูนย์ข่าวภูเก็ต - นายทะเบียนธุรกิจนำเที่ยว และมัคคุเทศก์ สาขาภาคใต้เขต 2 เอาจริงฟันไกด์เถื่อน บริษัทนำเที่ยวนอมินี เผยสั่งเพิกถอนใบอนุญาตแล้วหลายราย พร้อมเดินหน้าพัฒนาบุคลากรด้านภาษา ป้องกันการใช้ปัญหาไกด์เถื่อน
นายสันติ ป่าหวาย ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดภูเก็ต ในฐานะนายทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ สาขาภาคใต้เขต 2 กล่าวถึงการแก้ไขปัญหาไกด์เถื่อน และบริษัททัวร์ที่ใช้นอมินี ว่า อาชีพมัคคุเทศก์ หรือไกด์ เป็นอาชีพสงวนสำหรับคนไทย แต่ที่ผ่านมา ได้มีการร้องเรียนเกี่ยวกับการใช้มัคคุเทศก์เถื่อน หรือไกด์เถื่อนของบริษัทนำเที่ยวต่างๆ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการประกอบอาชีพของมัคคุเทศก์คนไทย และที่ผ่านมา ทางสำนักงานทะเบียนฯ ได้กำหนดมาตรการ และการตรวจสอบการทำผิดกฎหมายการประกอบธุรกิจนำเที่ยวตามบริเวณชายต่างๆ อย่างจริงจังและต่อเนื่อง
รวมทั้งมีการจับ ปรับ และเพิกถอนใบอนุญาต การลงนามข้อตกลงต่อผู้ประกอบการบริษัทนำเที่ยวภายในจังหวัดภูเก็ตให้มีการใช้มัคคุเทศก์ที่ถูกต้อง ส่งผลให้พื้นที่ชายหาดต่างๆ กว่า 95% ไม่มีปัญหาไกด์เถื่อนแล้ว ส่วนที่เหลืออยู่บ้างเป็นกรณีการนำเที่ยวมาจากต่างประเทศโดยตรง เช่น ไกด์จีน ซึ่งตรวจสอบได้ค่อนข้างยาก และเราไม่มีเจ้าหน้าที่ที่คอยติดตามตลอดเวลา แต่อย่างไรก็ตาม จากการทำงานอย่างจริงจัง ในส่วนของบริษัทนำเที่ยว หรือเคาน์เตอร์ทัวร์ต่างๆ ก็เช่นกัน ได้มีการตรวจสอบ และสั่งเพิกถอนใบอนุญาตประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวไปแล้วหลายบริษัท เช่น พิงค์ แอลเจิ้ล ทราเวล (ป่าตอง) ซึ่งใช้ชาวต่างชาติ (เนปาล) มาขายทัวร์ และเคยเรียกตักเตือนเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยได้สั่งปิดตั้งแต่วันที่ 6 ม.ค.ที่ผ่านมา
“ส่วนใหญ่ปัญหาของบริษัทที่ถูกสั่งปิดนั้น เนื่องจากมีการนำคนต่างชาติมาขายโปรแกรมนำเที่ยว เช่นเดียวกับกรณีของการจัดตั้งบริษัทนำเที่ยวที่เป็นนอมินี ซึ่งก็ได้มีการตรวจสอบ และสั่งเพิกถอนใบอนุญาตไปแล้ว 1-2 ราย และจะมีการเพิกถอนเพิ่มเติมเร็วๆ นี้ โดยลักษณะของการทำผิด คือ กรณีขออนุญาตจัดตั้งบริษัทนำเที่ยวนั้นจะต้องมีผู้ถือหุ้นที่เป็นคนไทย 2 คน และต่างชาติ 1 คน แต่ภายหลังการจัดตั้งแล้วเสร็จจะมีการถอนคนไทยออกจากการเป็นหุ้นส่วน ซึ่งหากมีการตรวจสอบพบก็ต้องมีการลงโทษ คือ ปรับ 500,000 บาท และจำคุก 2 ปี ส่วนกรรมการบริษัทจะถูกเพิกถอนสิทธิ และไม่สามารถที่จะเปิดบริษัทได้อีกเป็นเวลา 5 ปี”
นายสันติ กล่าวต่อไปว่า อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการแก้ไขปัญหาไกด์เถื่อนนั้น ทางจังหวัดภูเก็ตได้แก้ไขปัญหาด้วยการจัดอบรมให้ความรู้ด้านภาษาต่างๆ เช่น เกาหลี รัสเซีย จีน เป็นกลุ่มภาษาที่มีความต้องการใช้สูง ซึ่งปัจจุบันได้มีการอบรมไปแล้วหลายรุ่น แต่สิ่งที่เป็นห่วง คือ เมื่อผ่านการอบรมไปแล้วไม่มีสถานประกอบการรองรับคนที่ผ่านอบรม ซึ่งเรื่องนี้จะต้องหามาตรการในการแก้ไขต่อไป ซึ่งปัจจุบันมีมัคคุเทศก์ที่ขึ้นทะเบียนถูกต้องประมาณ 4,000 คนเศษ
ส่วนเรื่องการขออนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว นอกจากผู้ประกอบการจะต้องนำเอกสารมายื่นขอตามปกติแล้ว ตั้งแต่ปี 58 เป็นต้นไป ทางสำนักงานทะเบียนฯ จะลงไปตรวจสอบที่ตั้งด้วย เพื่อเป็นการป้องปราม และควบคุมดูแลไม่ให้มีการทำผิด รวมทั้งเป็นการเพิ่มมาตรฐานด้านการให้บริการ และการแข่งขันต่อจากนี้ก็จะเป็นเรื่องของคุณภาพการให้บริการ ไม่ใช่การขยายสาขา เพราะที่ผ่านมาพบว่า บางเคาน์เตอร์ทัวร์มีสาขาถึง 10 สาขา ซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้ ตลอดจนการนำเอาคนต่างชาติมาเป็นคนขายทัวร์ และเป็นไกด์ ซึ่งจะต้องมีการดำเนินการขั้นเด็ดขาดแน่นอน
นายสันติ ป่าหวาย ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดภูเก็ต ในฐานะนายทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ สาขาภาคใต้เขต 2 กล่าวถึงการแก้ไขปัญหาไกด์เถื่อน และบริษัททัวร์ที่ใช้นอมินี ว่า อาชีพมัคคุเทศก์ หรือไกด์ เป็นอาชีพสงวนสำหรับคนไทย แต่ที่ผ่านมา ได้มีการร้องเรียนเกี่ยวกับการใช้มัคคุเทศก์เถื่อน หรือไกด์เถื่อนของบริษัทนำเที่ยวต่างๆ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการประกอบอาชีพของมัคคุเทศก์คนไทย และที่ผ่านมา ทางสำนักงานทะเบียนฯ ได้กำหนดมาตรการ และการตรวจสอบการทำผิดกฎหมายการประกอบธุรกิจนำเที่ยวตามบริเวณชายต่างๆ อย่างจริงจังและต่อเนื่อง
รวมทั้งมีการจับ ปรับ และเพิกถอนใบอนุญาต การลงนามข้อตกลงต่อผู้ประกอบการบริษัทนำเที่ยวภายในจังหวัดภูเก็ตให้มีการใช้มัคคุเทศก์ที่ถูกต้อง ส่งผลให้พื้นที่ชายหาดต่างๆ กว่า 95% ไม่มีปัญหาไกด์เถื่อนแล้ว ส่วนที่เหลืออยู่บ้างเป็นกรณีการนำเที่ยวมาจากต่างประเทศโดยตรง เช่น ไกด์จีน ซึ่งตรวจสอบได้ค่อนข้างยาก และเราไม่มีเจ้าหน้าที่ที่คอยติดตามตลอดเวลา แต่อย่างไรก็ตาม จากการทำงานอย่างจริงจัง ในส่วนของบริษัทนำเที่ยว หรือเคาน์เตอร์ทัวร์ต่างๆ ก็เช่นกัน ได้มีการตรวจสอบ และสั่งเพิกถอนใบอนุญาตประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวไปแล้วหลายบริษัท เช่น พิงค์ แอลเจิ้ล ทราเวล (ป่าตอง) ซึ่งใช้ชาวต่างชาติ (เนปาล) มาขายทัวร์ และเคยเรียกตักเตือนเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยได้สั่งปิดตั้งแต่วันที่ 6 ม.ค.ที่ผ่านมา
“ส่วนใหญ่ปัญหาของบริษัทที่ถูกสั่งปิดนั้น เนื่องจากมีการนำคนต่างชาติมาขายโปรแกรมนำเที่ยว เช่นเดียวกับกรณีของการจัดตั้งบริษัทนำเที่ยวที่เป็นนอมินี ซึ่งก็ได้มีการตรวจสอบ และสั่งเพิกถอนใบอนุญาตไปแล้ว 1-2 ราย และจะมีการเพิกถอนเพิ่มเติมเร็วๆ นี้ โดยลักษณะของการทำผิด คือ กรณีขออนุญาตจัดตั้งบริษัทนำเที่ยวนั้นจะต้องมีผู้ถือหุ้นที่เป็นคนไทย 2 คน และต่างชาติ 1 คน แต่ภายหลังการจัดตั้งแล้วเสร็จจะมีการถอนคนไทยออกจากการเป็นหุ้นส่วน ซึ่งหากมีการตรวจสอบพบก็ต้องมีการลงโทษ คือ ปรับ 500,000 บาท และจำคุก 2 ปี ส่วนกรรมการบริษัทจะถูกเพิกถอนสิทธิ และไม่สามารถที่จะเปิดบริษัทได้อีกเป็นเวลา 5 ปี”
นายสันติ กล่าวต่อไปว่า อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการแก้ไขปัญหาไกด์เถื่อนนั้น ทางจังหวัดภูเก็ตได้แก้ไขปัญหาด้วยการจัดอบรมให้ความรู้ด้านภาษาต่างๆ เช่น เกาหลี รัสเซีย จีน เป็นกลุ่มภาษาที่มีความต้องการใช้สูง ซึ่งปัจจุบันได้มีการอบรมไปแล้วหลายรุ่น แต่สิ่งที่เป็นห่วง คือ เมื่อผ่านการอบรมไปแล้วไม่มีสถานประกอบการรองรับคนที่ผ่านอบรม ซึ่งเรื่องนี้จะต้องหามาตรการในการแก้ไขต่อไป ซึ่งปัจจุบันมีมัคคุเทศก์ที่ขึ้นทะเบียนถูกต้องประมาณ 4,000 คนเศษ
ส่วนเรื่องการขออนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว นอกจากผู้ประกอบการจะต้องนำเอกสารมายื่นขอตามปกติแล้ว ตั้งแต่ปี 58 เป็นต้นไป ทางสำนักงานทะเบียนฯ จะลงไปตรวจสอบที่ตั้งด้วย เพื่อเป็นการป้องปราม และควบคุมดูแลไม่ให้มีการทำผิด รวมทั้งเป็นการเพิ่มมาตรฐานด้านการให้บริการ และการแข่งขันต่อจากนี้ก็จะเป็นเรื่องของคุณภาพการให้บริการ ไม่ใช่การขยายสาขา เพราะที่ผ่านมาพบว่า บางเคาน์เตอร์ทัวร์มีสาขาถึง 10 สาขา ซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้ ตลอดจนการนำเอาคนต่างชาติมาเป็นคนขายทัวร์ และเป็นไกด์ ซึ่งจะต้องมีการดำเนินการขั้นเด็ดขาดแน่นอน