ศูนย์ข่าวภูเก็ต - เรือบรรทุกสินค้าสัญชาติเวียดนาม ชนเรือประมงไทยล่ม ขณะทอดสมออยู่กลางทะเลใกล้สนามบินภูเก็ต โชคดีลูกเรือปลอดภัย หลังเกิดเหตุเรือบรรทุกสินค้าแล่นต่อไปไม่ยอมจอด เจ้าท่าตรวจสอบระบบ VTS พบเป็นเรือออกจากท่าที่กันตัง ประสานทุกหน่วยสกัดให้เรือจอดได้ที่พังงา พร้อมแจ้งเอเยนต์ดำเนินการ
วันนี้ (13 ม.ค.) เมื่อเวลาประมาณ 10.30 น. ตำรวจน้ำ 3 กก.8 บก.รน. ได้รับแจ้งจากนายอารมณ์ ศรีอิ่ม อายุ 58 ปี เจ้าของเรือประมงปั่นไฟชื่อ วาสนาวารี หมายเลขทะเบียน 3177 02588 ขนาดยาวประมาณ 10 เมตร × 2 เมตร ว่า เมื่อเวลาประมาณ 08.40 น. เรือของตนทอดสมออยู่ในทะเลห่างฝั่ง (สนามบินภูเก็ต) ประมาณ 10 ไมล์ทะเล ถูกเรือขนสินค้าชื่อ PHUONG NAM69 แล่นเข้าชนบริเวณด้านส่วนหัวของเรือ ทำให้เรือจมลงทะเล ส่วนลูกเรือได้รับการช่วยเหลือจากเรือประมงบริเวณใกล้เคียงทุกคนปลอดภัย ส่วนเรือลำที่ชนนั้นได้แล่นต่อไปโดยไม่จอดดูแต่อย่างใด
หลังรับแจ้งทางตำรวจน้ำได้ประสานหน่วยงานใน ศรชล.เพื่อติดตามเรือลำดังกล่าว และประสานข้อมูลเรือเพื่อมอบให้ พงส. ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ขณะที่ นายภูริพัฒน์ ธีระกุลพิศุทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานขนส่งทางน้ำภูมิภาค สาขาภูเก็ต กล่าวว่า หลังจากได้รับแจ้งก็ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ควบคุมการจรจารทางน้ำ หรือ phuket VTS (Phuket vessel traffic monitoring system) ซึ่งตั้งอยู่ที่ท่าเทียบเรืออ่าวฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต ตรวจสอบการจราจรทางเรือจนพบว่า เรือลำที่ขับไปชนเรือประมงจนล่มกลางทะเลนั้นเป็นเรือสัญชาติเวียดนาม บรรทุกปูนซีเมนต์ จำนวน 5,000 ตัน ออกเดินทางจากท่าเทียบเรือกันตัง จ.ตรัง เพื่อไปส่งสินค้าที่ประเทศพม่า
ระบบสามารถตรวจจับได้ว่า เรือลำดังกล่าววิ่งอยู่บริเวณใดของทะเลอันดามัน รวมทั้งข้อมูลเกี่ยวกับขนาดเรือ ตัวแทนเจ้าของเรือ (เอเยนต์) และอื่นๆ หลังจากได้ข้อมูลก็ได้ประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ตรวจสอบ และหยุดเรือลำดังกล่าวไว้ในพื้นที่ จ.พังงา เพื่อประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการต่อไป
ขณะนี้ได้มีการติดต่อในส่วนของตัวแทนเจ้าของเรือได้แล้ว ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (14 ม.ค.) จะมีการนัดเจรจาตกลงค่าเสียหายกันระหว่างคู่กรณีทั้ง 2 ส่วนกรณีการแจ้งความดำเนินคดีต่อทางเรือที่ก่อเหตุนั้นเป็นหน้าที่ของเจ้าของเรือ และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งพื้นที่เกิดเหตุอยู่ในพื้นที่ความรับผิดชอบของ สภ.ท่าฉัตรไชย อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ส่วนจุดที่เรือประมงจมนั้นจากการตรวจสอบพบว่า จุดดังกล่าวมีน้ำลึกประมาณ 50 เมตร ไม่ส่งผลกระทบต่อการเดินเรือแต่อย่างใด