นราธิวาส - “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี ฟังสรุปสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ย้ำเร่งสกัดกั้นเส้นทางการก่อเหตุของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่
วันนี้ (26 ธ.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น. ที่ห้องประชุมท่าอากาศยานนราธิวาส พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ร่วมประชุมติดตามสถานการณ์อุทกภัยในภาพรวมของพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และการดำเนินงานเพื่อแก้ปัญหาความไม่สงบ รวมถึงแนวทางการพัฒนาพื้นที่ โดยมี พล.ท.ปราการ ชลยุทธ์ แม่ทัพภาคที่ 4 นายภานุ อุทัยรัตน์ ผอ.ศอ.บต. นายณัฐพงศ์ ศิริชนะ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส และข้าราชการในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ร่วมประชุม
ในการประชุมครั้งนี้ พล.ท.ปราการ ชลยุทธ์ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้สรุปสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมการดำเนินงานช่วยเหลือในห้วงที่ผ่านมา ตลอดจนการดำเนินงานเพื่อแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ยังพบการเคลื่อนไหวของกลุ่มแนวร่วมในพื้นที่ที่พยายามก่อเหตุก่อกวนเป็นระยะ อีกทั้งนำเสนอแผนการดูแลความปลอดภัยช่วงเทศกาลปีใหม่ เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ได้ร่วมเฉลิมฉลองเนื่องในเทศกาลปีใหม่อย่างมีความสุข
ขณะที่ด้าน นายณัฐพงศ์ ศิริชนะ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส กล่าวถึงแผนการพัฒนาพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ทั้งการเตรียมความพร้อมในการเป็นศูนย์ฮาลาล ปัญหาที่เกิดขึ้นตามแนวชายแดน โดยเฉพาะการก่อสร้างด่านชายแดนบูเกะตา อ.แว้ง ซึ่งด่านชายแดนของไทยยังไม่มีความคืบหน้าในการก่อสร้าง นอกจากนี้ ยังนำเสนอแผนสร้างงานให้แก่ประชาชนในพื้นที่ อีกทั้งการดึงภาคอุตสาหกรรมให้เข้ามาลงทุนในพื้นที่ด้วย
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวหลังจากรับฟังบรรยายสรุปว่า การเดินทางมาครั้งนี้รู้สึกดีใจมาก ซึ่งที่ผ่านมา ห่วงใยการดำเนินงานในพื้นที่มาโดยตลอด และจากที่รับฟังการดำเนินงานเพื่อแก้ปัญหาด้านอุทกภัยสามารถดำเนินการได้ดี เพราะในครั้งนี้ถือว่าความเสียหายเกิดขึ้นมากที่สุดในรอบ 50 ปี จึงขอให้ทุกหน่วยเร่งที่จะหาแนวทางในการพร่องน้ำ ระบายน้ำให้ได้ในระยะสั้นๆ ก่อน ยังไม่ต้องไปวางแผนในระยะยาว ส่วนการก่อเหตุความไม่สงบนั้น ช่วงเกิดสถานการณ์อุทกภัยเป็นช่วงที่เกิดเหตุน้อยลง ซึ่งเจ้าหน้าที่เองต้องรีบสกัดกั้นเส้นทางในการก่อเหตุเพื่อไม่ให้มีกลุ่มเข้ามาก่อเหตุได้ ส่วนแผนการพัฒนาในพื้นที่จังหวัดนราธิวาสนั้นรับที่จะนำไปพิจารณาต่อ โดยเตรียมส่งมอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการพัฒนาแต่ละแผนไปสานต่อ ทั้งนี้ เพื่อพัฒนาความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ให้ดีขึ้น
และในการประชุมครั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้ฝากความห่วงใยกรณีของน้ำมันปาล์มดิบที่รั่วออกจากเรืออินโดนีเซีย โดยย้ำให้เร่งตรวจสอบเพื่อป้องกันไม่ให้กระทบต่อสิ่งแวดล้อม ส่วนกรณีของเรือ และลูกเรือที่ควบคุมตัวได้ก็ให้ดำเนินคดีตามกฎหมาย
