ชุมพร - ยกย่อง! สองสามี-ภรรยาที่หลังสวน จ.ชุมพร พิการขาลีบทั้งคู่ สู้ชีวิตไม่ย่อท้อเลี้ยงลูกสาววัย 9 ขวบ เรียนหนังสือ ทั้งทำอาชีพประมง เย็บเสื้อผ้า ขายของชำ
ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า มีสองสามีภรรยาขาพิการทั้งสองข้างไม่สามารถเดินได้ แต่สู้ชีวิตหาเลี้ยงครอบครัวจนเป็นที่ยกย่องของชาวบ้านไปทั่ว จึงได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบทราบชื่อคือ นายนพรัตน์ โรมรัญ อาย 40 ปี สภาพร่างกายพิการขาลีบทั้งสองข้างไม่สามารถเดินได้ แต่แขนทั้งสองข้างยังใช้การได้ปกติ เวลาที่จะขยับตัวไปไหนต้องใช้มือทั้งสองข้างดันตัวไป ส่วนภรรยาชื่อ นางเงาะ ชาภักดี อาย 39 ปี พิการลีบทั้งสองข้างเช่นกัน แต่ยังสามารถใช้ไม้เท้าพยุงตัวเดินได้ แต่มือทั้งสองข้างหงิกงอ โดยทั้งคู่อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 46 หมู่ 19 ต.นาพญา อ.หลังสวน จ.ชุมพร ประกอบอาชีพเย็บผ้า ขายของชำ และดักปูดำในคลองขายเลี้ยงชีพ และสามารถซ่อมเครื่องใช้สอยภายในบ้าน และรถจักรยานยนต์ของตนเองโดยไม่ต้องพึ่งพาใครอย่างไม่ท้องต่อชะตาชีวิตตนเอง จนเป็นที่ชื่นชมของชาวบ้านที่พูดกันปากต่อปากถึงความมุ่งมั่นขยันอดทนของสองสามีภรรยาที่พิการขาเดินไม่ได้ทั้งสองคน
นายนพรัตน์ ผู้เป็นสามีเปิดเผยว่า ตนเองเป็นโปลิโอขาลีบมาตั้งแต่อายุได้ 6 ขวบ และพยายามสู้ชีวิตมาโดยตลอดช่วงที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าจะขาของตนจะพิการทั้งสองข้าง แต่ก็ไม่เคยคิดที่จะยึดอาชีพขอทาน ซึ่งที่ผ่านมา เคยไปยึดอาชีพขายลอตเตอรี่อยู่ที่กรุงเทพฯ จนเจอกับนางเงาะภรรยาจึงได้ตกลงมาใช้ชีวิตคู่กันจนถึงทุกวันนี้ โดยมีลูกสาว 1 คนชื่อ ด.ญ.พิมพ์วิภา โรมรัญ อายุ 9 ปี หรือ “น้องชมพู่” หลังเจอวิกฤตภาวะเศรษฐกิจ ปี 2548 ลอตเตอรี่ขายไม่ดี จึงพากันกลับมาอยู่บ้านที่ ต.นาพญา อ.หลังสวน จ.ชุมพร ตอนนั้นลูกสาวเพิ่งอายุได้ 2 เดือน
“ช่วงแรกๆ ที่กลับมาอยู่บ้านเราสองสามีภรรยายอมรับว่าชีวิตลำบากมาก ต้องสู้ชีวิตแบบหัวชนฝา ตนยึดอาชีพทำประมงโดยจะนำอวนไปวางหาปลากับพ่อที่ชายทะเล โดยพ่อจะอยู่ตรงที่น้ำลึกๆ ส่วนตนก็จะอยู่ตรงที่น้ำตื้นๆ และใช้มือทั้งสองข้างดันตัวไปเรื่อยๆ บางครั้งก็เจอทั้งเศษแก้วบาดจนเลือดไหลแต่ก็ต้องยอมเพราะว่าไม่มีเงิน ส่วนตอนเช้าๆ ก็จะนำเรือออกไปวางลอบดักปูดำที่ในลำคลองซึ่งห่างจากบ้านเกือบ 5 กิโลเมตร เพื่อหารายเสริมอีกทางหนึ่ง และยอมรับว่าเป็นสิ่งที่ยากมากสำหรับคนพิการขาทั้งสองข้างอย่างตน เพราะต้องขับรถจักรยานยนต์พ่วงข้างออกมาจากบ้านเอง และต้องพายเรือลงไปในคลองอีก บางครั้งน้ำไหลเชี่ยวจนเกือบตกเรือก็ยังมีแต่ที่ก็ต้องสู้เพื่ออนาคตของลูกสาว"
ส่วนภรรยาของตนยึดอาชีพขายขนม และของกินเล่นตามงานศพ และตลาดนัดต่างๆ ที่อยู่ใกล้บ้าน โดยตนเองจะเป็นคนขับรถจักรยานยนต์พ่วงข้างไปส่ง และไปหาซื้อสินค้ามาให้เตรียมไว้ขาย จนต่อมามีส่วนราชการ คือ อบต.นาพญา และ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.ชุมพร ทราบเรื่องจึงเข้ามาให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นแก่ตน โดยบอกว่าอาชีพทำประมงไม่เหมาะสำหรับคนขาพิการทั้งสองข้าง พร้อมกับมอบเบี้ยยังชีพ และเงินกู้ปลอดดอกเบี้ยให้จำนวน 40,000 บาท และผ่อนใช้เป็นรายเดือนๆ ละ 800 บาท มีกำหนด 5 ปี ให้เอาเงินมาซื้อจักรเย็บผ้า และซื้อของชำมาขายแทนอาชีพประมง ทำให้มีรายได้อยู่ที่ 200 บาทต่อวัน แต่ก็ไม่มั่นคงมากนัก แล้วแต่ลูกค้าในแต่ละวัน
ทุกวันนี้ที่เป็นห่วงมากที่สุดคือ อนาคตของลูกสาวปัจจุบันอายุ 9 ขวบแล้ว และกำลังอยู่ในช่วงวัยเรียน หากใครที่ต้องการจะช่วยเรื่องทุนการศึกษาของลูกตนก็ยินดี โดยสามารถโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารกรุงไทย สาขาหลังสวน เลขที่บัญชี 804-0-26828-1 ชื่อบัญชี น.ส.เงาะ ชาภักดี และอยากฝากถึงคนพิการทั้งหลายที่ท้อแท้ต่อชะตาชีวิต ขอให้สู้ต่อไป และขอเป็นกำลังใจให้แก่ผู้พิการทุกๆ คน