นราธิวาส - ระดับน้ำท่วมในพื้นที่ จ.นราธิวาส ยังคงอยู่ในสภาวะวิกฤต น้ำป่าจาก “เทือกเขาสันกาลาศีรี” ไหลลงพื้นที่ราบลุ่มอย่างต่อเนื่อง เคราะห์ร้าย “จ.ส.อ.ชาญณรงค์ มะลิชื่น” เจ้าหน้าที่ทหารถูกกระแสน้ำพัดจมหายขณะเข้าช่วยเหลือชาวบ้านอพยพ ขณะที่ด่านพรมแดนไทย-มาเลย์ ด้าน อ.สุไหลโก-กล ปิดไม่มีกำหนด
วันนี้ (18 ธ.ค.) สำหรับความคืบหน้าเกี่ยวกับสภาวะน้ำท่วมจากพื้นที่ จ.นราธิวาส แจ้งว่า ล่าสุดสภาวะฝนที่ตกลงมาอย่างหนักในพื้นที่ทั้ง 13 อำเภอ ได้เบาบางลงบางแล้วในบางพื้นที่ แต่ปริมาณน้ำท่วมขังบ้านเรือน และพื้นที่ทางการเกษตรของราษฎรยังคงมีปริมาณน้ำท่วมขังสูงขึ้นจากช่วงเช้าอย่างต่อเนื่อง อันเป็นผลพวงของมวลน้ำป่าบนเทือกเขาสันกาลาคีรี ในพื้นที่ อ.สุคิริน ไหลทะลักลงสู่แม่น้ำสายหลัก 3 สาย คือ แม่น้ำสุไหงโก-ลก แม่น้ำบางนรา และแม่น้ำสายบุรี ซึ่งมีระดับล้นสูงกว่าตลิ่งในภาพรวมกว่า 2 เมตร เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในแต่ละพื้นที่อำเภอ ต่างต้องเร่งใช้เรือท้องแบนทยอยอพยพชาวบ้านไปอาศัยอยู่ที่ศูนย์อพยพของแต่ละอำเภอจัดเตรียมไว้ให้เป็นการชั่วคราวแล้ว
ส่วนผลพวงจากการเร่งอพยพชาวบ้านที่อาศัยอยู่บริเวณชุมชนหัวสะพาน เขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก ในช่วงคืนที่ผ่านมา เมื่อเวลา 23.50 น. นั้น ส่งผลทำให้ จ.ส.อ.ชาญณรงค์ มะลิชื่น เจ้าหน้าที่ทหารสังกัดกองร้อยทหารราบที่ 1914 ชุดเฉพาะกิจนราธิวาส 36 ที่นั่งเรือท้องแบนร่วมกับเพื่อนทหารไปช่วยอพยพชาวบ้านได้เกิดเรือล่ม จากกระแสน้ำของแม่น้ำสุไหงโก-ลกที่เชี่ยวกราก พัดเรือไปกระแทกกับสะพานเหล็กของรถไฟที่สร้างข้ามแม่น้ำสุไหงโก-ลก หายไปกับกระแสน้ำ โดยเจ้าหน้าที่ได้ขอสนับสนุนนักประดาน้ำจากหน่วยเฉพาะนาวิกโยธิน มาทำการค้นหาแต่ยังไม่พบแต่อย่างใดในขณะนี้ และได้ยกเลิกภารกิจ
นอกจากนี้ ผลพวงจากสภาวะน้ำท่วมในครั้งนี้ยังส่งผลทำให้ด่านพรมแดนด้าน อ.สุไหงโก-ลก ปิดทำการชั่วคราวโดยไม่มีกำหนด เนื่องจากอาคารศูนย์ราชการชายแดนเมืองรันตูปันยัง รัฐกลันตัน ซึ่งอยู่ตรงข้าม อ.สุไหงโก-ลก มีน้ำท่วมอาคารที่ทำการ โดยเจ้าหน้าที่ทั้ง 2 ประเทศได้ประกาศประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนที่มีความประสงค์จะเดินทางเข้า-ออก ระหว่าง 2 ประเทศ ให้ไปใช้ด่านพรมแดนด้านอำเภอตากใบแทนเป็นการชั่วคราว เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน โดยมีประชาชนที่ไม่ทราบข่าวดังกล่าวนี้ต่างเดินทางมาด้วยความผิดหวัง
แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ในช่วงฝนตกลงมาติดต่อกันอย่างหนักเป็นระยะเวลา 5 วันนี้โดยภาพรวมพื้นที่ อ. แว้ง มีปริมาณฝนตกหนักสุดวัดได้ 193.4 ม.ม. รองลงมาพื้นที่ อ.สุคิริน วัดได้ 145.2 มม. และพื้นที่ที่มีปริมาณฝนตกน้อยที่สุด คือ อ.ตากใบ วัดได้ 10.2 มม.
วันนี้ (18 ธ.ค.) สำหรับความคืบหน้าเกี่ยวกับสภาวะน้ำท่วมจากพื้นที่ จ.นราธิวาส แจ้งว่า ล่าสุดสภาวะฝนที่ตกลงมาอย่างหนักในพื้นที่ทั้ง 13 อำเภอ ได้เบาบางลงบางแล้วในบางพื้นที่ แต่ปริมาณน้ำท่วมขังบ้านเรือน และพื้นที่ทางการเกษตรของราษฎรยังคงมีปริมาณน้ำท่วมขังสูงขึ้นจากช่วงเช้าอย่างต่อเนื่อง อันเป็นผลพวงของมวลน้ำป่าบนเทือกเขาสันกาลาคีรี ในพื้นที่ อ.สุคิริน ไหลทะลักลงสู่แม่น้ำสายหลัก 3 สาย คือ แม่น้ำสุไหงโก-ลก แม่น้ำบางนรา และแม่น้ำสายบุรี ซึ่งมีระดับล้นสูงกว่าตลิ่งในภาพรวมกว่า 2 เมตร เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในแต่ละพื้นที่อำเภอ ต่างต้องเร่งใช้เรือท้องแบนทยอยอพยพชาวบ้านไปอาศัยอยู่ที่ศูนย์อพยพของแต่ละอำเภอจัดเตรียมไว้ให้เป็นการชั่วคราวแล้ว
ส่วนผลพวงจากการเร่งอพยพชาวบ้านที่อาศัยอยู่บริเวณชุมชนหัวสะพาน เขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก ในช่วงคืนที่ผ่านมา เมื่อเวลา 23.50 น. นั้น ส่งผลทำให้ จ.ส.อ.ชาญณรงค์ มะลิชื่น เจ้าหน้าที่ทหารสังกัดกองร้อยทหารราบที่ 1914 ชุดเฉพาะกิจนราธิวาส 36 ที่นั่งเรือท้องแบนร่วมกับเพื่อนทหารไปช่วยอพยพชาวบ้านได้เกิดเรือล่ม จากกระแสน้ำของแม่น้ำสุไหงโก-ลกที่เชี่ยวกราก พัดเรือไปกระแทกกับสะพานเหล็กของรถไฟที่สร้างข้ามแม่น้ำสุไหงโก-ลก หายไปกับกระแสน้ำ โดยเจ้าหน้าที่ได้ขอสนับสนุนนักประดาน้ำจากหน่วยเฉพาะนาวิกโยธิน มาทำการค้นหาแต่ยังไม่พบแต่อย่างใดในขณะนี้ และได้ยกเลิกภารกิจ
นอกจากนี้ ผลพวงจากสภาวะน้ำท่วมในครั้งนี้ยังส่งผลทำให้ด่านพรมแดนด้าน อ.สุไหงโก-ลก ปิดทำการชั่วคราวโดยไม่มีกำหนด เนื่องจากอาคารศูนย์ราชการชายแดนเมืองรันตูปันยัง รัฐกลันตัน ซึ่งอยู่ตรงข้าม อ.สุไหงโก-ลก มีน้ำท่วมอาคารที่ทำการ โดยเจ้าหน้าที่ทั้ง 2 ประเทศได้ประกาศประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนที่มีความประสงค์จะเดินทางเข้า-ออก ระหว่าง 2 ประเทศ ให้ไปใช้ด่านพรมแดนด้านอำเภอตากใบแทนเป็นการชั่วคราว เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน โดยมีประชาชนที่ไม่ทราบข่าวดังกล่าวนี้ต่างเดินทางมาด้วยความผิดหวัง
แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ในช่วงฝนตกลงมาติดต่อกันอย่างหนักเป็นระยะเวลา 5 วันนี้โดยภาพรวมพื้นที่ อ. แว้ง มีปริมาณฝนตกหนักสุดวัดได้ 193.4 ม.ม. รองลงมาพื้นที่ อ.สุคิริน วัดได้ 145.2 มม. และพื้นที่ที่มีปริมาณฝนตกน้อยที่สุด คือ อ.ตากใบ วัดได้ 10.2 มม.