พังงา - เกษตรกรชาวสวนยางพาราในจังหวัดพังงา ยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง หลังราคายางพาราตกต่ำ หันไปปลูกผักไร้ดินส่งขายเขาหลัก แหล่งท่องเที่ยวพังงาเป็นอาชีพเสริม สร้างรายได้เดือนละหลายหมื่นบาท
วันนี้ (16 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้เกษตรกรในพื้นที่บ้านท่าดินแดง ต.ลำแก่น อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา ซึ่งประสบความเดือดร้อนจากปัญหาราคายางพาราตกต่ำอย่างต่อเนื่อง ต้องหันไปหาอาชีพเสริมเพื่อเพิ่มรายได้ให้แก่ครอบครัว โดยชาวสวนยางบ้านท่าดินแดง ได้ลงทุนปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ เพื่อหารายได้เสริม โดยใช้เวลาว่างหลังจากกรีดยาง ทดลองปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ พบว่า สามารถสร้างได้เพิ่มขึ้น เนื่องจากผักไฮโดรโปนิกส์เป็นผักที่ปลูกโดยไม่ใช้ดิน
ส่วนราคาจำหน่ายนั้นขึ้นอยู่กับชนิดของผักที่ปลูก กับปริมาณผลผลิตต่อแปลงต่อรอบ เช่น ผักกาดเขียวกวางตุ้ง, ผักกาดขาว, คะน้า กิโลกรัมละ 40-45 บาท ผักสลัด กิโลกรัมละ 70-80 บาท โดยมีพ่อค้ามารับซื้อถึงที่ จนขณะนี้ผลผลิตที่ได้ไม่พอส่งขายให้ผลิตอาหารปลอดภัยสู่ครัวอันดามัน ตลอดจนเป็นการเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกรทั่วไป และนักท่องเที่ยวบริโภคทั้งในจังหวัดพังงา และจังหวัดภูเก็ต
นายอูหมาด ตะติ อยู่บ้านเลขที่ 30/11 หมู่ 4 ต. ลำแก่น อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา กล่าวว่า ปกติตนจะมีอาชีพทำสวนยางพาราเป็นอาชีพหลัก หลังจากว่างเว้นจากการทำสวนยางในช่วงที่ฝนตกกรีดยางไม่ได้ ประกอบกับราคายางตกต่ำไม่พอต่อรายจ่าย จึงได้ลองทำอาชีพเสริมคือการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ ซึ่งเป็นการผูกผักโดยไม่ใช้ดิน ในช่วงยางราคาตก ตลาดให้การตอบรับดีจึงได้ขยายการปลูกเพิ่มขึ้น ซึ่งตอนนี้ตนได้ปลูกไว้กว่า 50 โต๊ะ (1 โต๊ะคือโรงเรือนกางมุ้งมิดชิดป้องกันแมลงที่มีความยาวกว้าง 1x10 เมตร) ซึ่งการปลูกจะใช้เวลา 45 วัน ก็จะเก็บส่งขายให้แก่พ่อค้าได้ ส่งขายให้แก่พ่อค้าที่ตลาดโคกกลอย กิโลกรัมละ 80 บาท กับที่เขาหลัก ซึ่งมีร้านอาหารอยู่เป็นจำนวนมาก ขายผักไฮโดรโปนิกส์แต่ละครั้งได้เงินหลายหมื่นบาท สร้างรายได้เลี้ยงครอบครัวได้ในช่วงนี้ หลังจากราคายางพาราตกต่ำ ทำให้รายได้ในครัวเรือนหายไป จึงมีแนวคิดว่า ต้องหาอาชีพเสริมเพื่อหารายได้เลี้ยงครอบครัว และอยากให้ชาวสวนยางรายอื่นๆ หันมาช่วยตัวเองด้วยการหาอาชีพเสริมเพื่อเพิ่มรายได้ให้แก่ครอบครัว
