ฉะเชิงเทรา - พบผู้ใหญ่บ้านเมืองแปดริ้ว ดำเนินชีวิตตามรอยเท้านพ่อภายใต้แนวคิดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ด้วยการใช้พื้นที่บริเวณบ้านที่มีเพียง 1 งานเศษ ดำเนินโครงการศูนย์การเรียนรู้ต้นแบบของชาวบ้าน
วันนี้ (5 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่บ้านคลองแขวงกลั่น หมู่ 7 ตำบลบางเตย อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา หลังได้รับรายงานว่า ผู้ใหญ่บ้านของหมู่บ้านแห่งนี้ได้ใช้อาณาบริเวณบ้านบนเนื้อที่เพียง 1 งานเศษ ในการเพราะเลี้ยงสัตว์น้ำไว้กินเองในบ่อปลอกท่อปูนทรงกลม ทั้งกบ ปลาดุก และปลูกผักสวนครัว พืชสมุนไพร รวมทั้งยังนำของเหลือใช้กลับมารีไซเคิล รวมทั้งหมักก๊าซหุงต้มจากวัชพืชในครัวเรือนไว้ใช้เอง ถือเป็นต้นแบบการดำเนินชีวิตตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงให้แก่ลูกบ้านได้เป็นอย่างดี
นายสันต์ เกษมสุข อายุ 56 ปี เจ้าของบ้านที่นำผู้สื่อข่าวชมสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้น พร้อมบอกว่า ทั้งหมดเกิดจากความคิดหลังได้เคยไปศึกษาดูงานต้นแบบมาจากโครงการพระราชดำริ จนได้ทำการศึกษาเรียนรู้ทฤษฎีตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวง จนสามารถเป็นวิทยากรในการบรรยายถ่ายทอดความรู้ให้แก่ชาวบ้าน และผู้ที่สนใจได้
“ต่อมา ได้เริ่มมีชาวบ้านสนใจในทฤษฎีดังกล่าวมากขึ้น แต่ไม่มีตัวอย่างให้ลูกบ้านดู จึงพัฒนาพื้นที่โดยรอบบริเวณบ้านของตัวเองให้เป็นสถานที่ต้นแบบ และก็ประสบความสำเร็จในกระบวนการต่างๆ ตามทฤษฎีของพ่อหลวง ที่สามารถใช้ประโยชน์ได้จริงอย่างครบวงจร”
จึงทำให้ในวันนี้มีทั้งคณะศึกษาดูงาน นักเรียนนักศึกษา ตลอดจนชาวบ้านทั่วไปจากชุมชนอื่นๆ และคนในหมู่บ้านพากันเข้ามาดูความสำเร็จในโครงการ และพากันเดินตามรอยเท้าพ่อเพิ่มมากขึ้น จากต้นแบบความพอเพียงในระบบครัวเรือนนี้
นายสันต์ เผยต่อไปว่า ภายหลังโครงการดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานทางราชการในระดับอำเภอ ทั้งสำนักงานพัฒนาที่ดิน หน่วยงานประมง และได้สนับสนุนให้เปิดเป็นศูนย์เรียนรู้ชุมชนในระดับหมู่บ้านอย่างเป็นทางการ ภายใต้ชื่อโครงการ “เดินตามรอยพ่อ สู่ความพอเพียง” และในวันอันเป็นมหามงคลวันนี้ จึงถือโอกาสทำพิธีเปิดศูนย์การเรียนรู้ต้นแบบของชาวบ้าน โดยมี นายวิสิทธิ์ สินลือนาม นายอำเภอเมืองฉะเชิงเทรา เป็นประธาน
สำหรับโครงการเศรษฐกิจพอเพียงที่ได้รับความสนใจจากผู้เยี่ยมชมมากที่สุดก็คือ โครงการทำปุ๋ยหมักจากผักตบชวาที่เป็นวัชพืชซึ่งขึ้นปกคลุมร่องน้ำลำคลอง โดยนำมาบดผสมกับกากใบเตยที่เหลือใช้จากการผลิตขนมชั้นซึ่งเป็นอาชีพเสริมของชาวบ้าน มาใช้หมักร่วมกับขี้วัว และสารเร่ง พด.2 จากกรมพัฒนาที่ดิน ซึ่งจะเป็นปุ๋ยหมักที่ไม่มีกลิ่นเหม็น แต่กลับมีกลิ่นหอมของใบเตยผสมอยู่ด้วย ขณะเดียวกัน เศษผักตบชวา และกากใบเตยที่เหลือใช้ยังสามารถนำมาใช้เป็นวัตถุดิบในการหมักก๊าซหุงต้มใช้ในครัวเรือนได้อีกด้วย
นอกจากนี้ ยังได้ใช้ล้อยางรถยนต์มาตัดดัดแปลงเป็นกระถางปลูกผักสวนครัว เพาะเห็ดปลอดสารพิษ ทั้งผักสลัด คะน้า กวางตุ้ง ผักกาด และการเพาะถั่วงอก อีกทั้งจานโฟม หรือชามก๋วยเตี๋ยวโฟมที่แม่ค้าทิ้งแล้วยังสามารถนำกลับมาใส่ดินเพื่อใช้เป็นกระถางปลูกผักได้อีก เช่น ผักสลัดที่ขึ้นงอกงามได้ง่ายมาก ไม่ว่าจะอยู่บนตึก หรือคอนโดฯ ก็สามารถปลูกผักกินเองได้
ภายในบริเวณบ้านยังจัดให้มีการเลี้ยงปลา เลี้ยงกบในปลอกปูน และเลี้ยงเป็ดไข่ไว้ในสระน้ำข้างบ้าน ส่วนบริเวณโดยรอบได้ปลูกพืชสมุนไพร และผลไม้เช่นกล้วยน้ำว้าอีกด้วย
“จึงอยากจะฝากไปถึงชาวบ้านทั่วไปว่า ในผักตามท้องตลาดทั่วไปในขณะนี้นั้นส่วนใหญ่จะมีสารเคมีสารพิษตกค้างปนเปื้อน เมื่อบริโภคเข้าไปแล้วกลับเกิดโทษต่อตัวเอง ถ้าหากพอมีเวลาว่าง จึงอยากแนะนำว่าให้ปลูกผักไว้กินเองจะปลอดภัยจากสารพิษได้อย่างแน่นอน” นายสันต์ กล่าว