พังงา - เกษตรกรชาวสวนยางพาราพังงา ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเน้นหลักเศรษฐกิจพอเพียง หลังราคายางพาราตกต่ำ พร้อมส่งเสริมให้เลี้ยงปลาดุก การเลี้ยงไก่ การเลี้ยงจิ้งหรีด การปลูกพืชผักเพื่อเป็นการหารายได้เข้าสู่ครัวเรือน
วันนี้ (27 ส.ค.) ที่กลุ่มสหกรณ์ชาวสวนยางพาราบ้านในโตน หมู่ที่ 3 ต.ป่ากอ อ.เมือง จ.พังงา ผู้สื่อข่าวได้เข้าไปดูการทำแผ่นยางพารา ภายในโรงรมยางพารา สหกรณ์กองทุนสวนยางในโตน จำกัด เพื่อให้เห็นถึงการผลิตยางพาราของกลุ่มได้น้อยมาก หลังจากสมาชิกได้ลดการผลิตเนื่องจากราคายางพาราตกต่ำอย่างต่อเนื่อง พบว่า ราคายางพาราในท้องถิ่นปัจจุบันราคากิโลกรัมละ 48 บาท โดยส่วนใหญ่หันให้ความสนใจผลผลิตอย่างอื่น เช่น การเลี้ยงปลาดุก การเลี้ยงไก่ การเลี้ยงจิ้งหรีด การปลูกพืชผัก เป็นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อเป็นการหารายได้เข้าสู่ครัวเรือน
นอกจากนี้ ยังแนะนำให้สมาชิกได้ให้ความสำคัญต่อการเกษตร เน้นหลักเศรษฐกิจแบบพอเพียง และอาศัยอยู่อย่างประหยัด อดออม บริโภคแต่พอควร ไม่ฟุ่มเฟือย พร้อมส่งเสริมให้เกษตรกรชาวสวนยางพารา ควรมีการรวมกลุ่มในแต่ละพื้นที่เพื่อได้สิทธิประโยชน์ด้านต่างๆ และจะได้นำไปสู่ตลาดที่ดียิ่งขึ้น
โดยนายวิรัติ จรุงการ ผู้จัดการสหกรณ์กองทุนสวนยางในโตน จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันนี้พบว่าสมาชิกของสหกรณ์กองทุนสวนยางในโตน ซึ่งดำเนินการทำยางแผ่น และมีการรมควันยาง ซึ่งได้ช่วยเหลือทั้งด้านต้นทุนในการผลิตของเกษตรกรชาวสวนยางพารามาโดยตลอด แต่มีภาระหนี้สินเพิ่มขึ้นจำนวนมาก เนื่องจากราคายางพาราที่ตกต่ำลงทุกวัน จนล่าสุด ราคายางพาราเหลือกิโลกรัมละ 48 บาท ทำให้เกษตรกรชาวสวนยางพาราประสบปัญหาทั้งค่าครองชีพ ทั้งภาระครอบครัว จึงมีแนวคิดให้เกษตรกรหันมาพึ่งตัวเองโดยให้หลักเศรษฐกิจแบบพอเพียง ตามแนวคิดของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทางกลุ่มสหกรณ์ได้ทำสวนแบบเศรษฐกิจแบบพอเพียงขึ้นมา โดยได้ปลูกพืชผักสวนครัว คือ ปลูกมะนาว เลี้ยงเป็ด เลี้ยงไก่ เลี้ยงปลาดุก เลี้ยงจิ้งหรีด และปลูกผักสวนครัว เพื่อเป็นอาชีพเสริมในช่วงที่ราคายางไม่ดี และสามารถมาเลี้ยงชีพได้ นำมากินได้ ส่วนที่เหลือก็ยังนำไปขายได้ก็จะทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ขอเชิญชวนให้เกษตรกรที่มีสวนยางพาราให้หัดมายึดหลักตามเศรษฐกิจแบบพอเพียงก็สามารถเลี้ยงครอบครัวได้ในช่วงราคายางตกต่ำอีกด้วย