ยะลา - จังหวัดยะลา มอบเงินช่วยเหลือเยียวยากรณีผู้เสียชีวิต และทุพพลภาพงวดสุดท้าย ขณะที่ภาครัฐพร้อมดูแลให้ความช่วยเหลือเยียวยาสภาพจิตใจต่อไป เพราะผู้ได้รับผลกระทบฯ คือ “บุคคลพิเศษของเรา”
วันนี้ (11 ธ.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น.ที่หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา อำเภอเมือง จังหวัดยะลา นายสามารถ วราดิศัย ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา เป็นประธานการมอบเงินช่วยเหลือเยียวยาแก่ผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดยะลา กรณีประชาชนเสียชีวิต และทุพพลภาพ งวดสุดท้าย จำนวน 744 ราย โดยมี พล.ต.ต.สันติ มะลิขาว รองผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ นายกู้เกียรติ วงศ์กระพันธุ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา นายยู่สิน จินตภากร รองนายกเทศมนตรีเทศบาลนครยะลา นายประยูร พุทธชาด ผู้แทนจากสำนักการให้ความช่วยเหลือเยียวยา ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตลอดจนหัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่เยียวยาจังหวัดยะลา ผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และทายาทเข้าร่วมงานกว่า 1,200 คน
ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2555 และวันที่ 14 สิงหาคม 2555 เห็นชอบให้มีการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในกรณีเสียชีวิตจากเดิมรายละ 100,000 บาท เพิ่มเป็นรายละ 500,000 บาท และกรณีทุพพลภาพ จากเดิมรายละ 80,000 บาท เพิ่มเป็นรายละ 500,000 บาท โดยให้ทยอยจ่ายปีละ 100,000 บาท ซึ่งจะครบจำนวนในการมอบเงินช่วยเหลือครั้งสุดท้ายภายในปีงบประมาณ พ.ศ.2558 นี้
การมอบเงินช่วยเหลือเยียวยาแก่ผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ กรณีประชาชนเสียชีวิตและทุพพลภาพ ในจังหวัดยะลา ประจำปีงบประมาณ 2558 จำนวนทั้งหมด 744 ราย โดยแยกได้ดังนี้ 1.กรณีเสียชีวิต 633 ราย เป็นจำนวนเงิน 63,300,000 บาท 2.กรณีทุพพลภาพ จำนวน 111 ราย เป็นจำนวนเงิน 11,160,000 บาท
นายสามารถ วราดิศัย ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา กล่าวให้กำลังใจผู้ได้รับผลกระทบฯ ว่า การที่ทุกคนได้เกิดมาเป็นพี่น้องกัน และใช้ชีวิตร่วมกันนั้น อยากให้ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ถึงแม้ว่าการมอบเงินช่วยเหลือเยียวยาจะเสร็จสิ้นแล้ว แต่รัฐบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีความห่วงใย จะไม่ทอดทิ้งผู้ได้รับผลกระทบฯ เพราะทุกคนมีความสำคัญเท่ากัน โดยเฉพาะผู้ได้รับผลกระทบฯ คือ บุคคลพิเศษของเรา อยากจะให้ช่วยกันสร้างความดี เพราะการสร้างความดีจะทำให้เรามีความสุข และอยากให้คนในจังหวัดยะลาช่วยกันพูดสร้างความเข้าใจและสู้ชีวิตต่อไป พร้อมกันนี้ อยากให้ตอบแทนคุณของแผ่นดินด้วยการเป็นพลเมืองที่ดี พร้อมปฏิบัติตามหลักศาสนาที่ตนนับถือ
ด้านนางยาวาเฮ มะโรหบุตร ผู้ได้รับผลกระทบในอำเภอรามัน จังหวัดยะลา กล่าวด้วยว่า ชีวิตเมื่อได้รับผลกระทบฯ เป็นความรู้สึกเจ็บปวดทุกครั้ง ไม่มีสิ่งใดในโลกที่จะมาเทียบเท่าได้ ตอนนั้นไม่มีสติ ไม่คิดว่าจะอยู่อย่างไร แต่วันนี้ดีใจมากที่หน่วยงานภาครัฐให้ความช่วยเหลือให้กำลังใจ ให้ทุนการศึกษาลูก ทำให้มีสติ แล้วรู้ว่าเราจะต้องอยู่ให้ได้ เพราะมีลูกที่ต้องดูแล หลังจากนั้น ดิฉันก็ดีขึ้น อยากขอขอบคุณมาก ถ้าดิฉันไม่ได้รับการดูแลจากภาครัฐ ลูกคงไม่ได้บรรลุเป้าหมาย เพราะลูกถือเป็นเสาหลักของครอบครัว และต้องเป็นคนดีของประเทศ ตอนนี้ลูกใกล้จะสำเร็จการศึกษาแล้ว คนโตเรียนนักเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าฯ และขอบคุณโครงการจ้างงานเร่งด่วน 4,500 บาท ที่ทำให้เราได้มีอาชีพ ได้ดูแลครอบครัว อย่างน้อยก็บรรเทาความเดือดร้อนได้เป็นอย่างดี ดีใจที่ได้ยินท่านผู้ว่าฯ ยะลา พูดว่า ผู้ได้รับผลกระทบฯ เป็นบุคคลที่สำคัญเป็นพิเศษ และจะดูแลต่อไปให้ถึงที่สุด ถึงแม้ว่าวันนี้จะเป็นการมอบเงินงวดสุดท้ายแล้วก็ตาม
ด้านนางกัลยา แววเพชร ประธานกลุ่มเยียวยาอำเภอธารโต/ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่บ้านซาไก/ประธานกองทุนบทบาทสตรี ต.บ้านแหร อ.ธารโต จ.ยะลา กล่าวด้วยว่า รู้สึกดีใจที่มีหน่วยงานภาครัฐให้ความช่วยเหลือเยียวยาลูกจนจบปริญญาตรี ทุกอย่างสามารถเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส เมื่อเกิดเหตุการณ์กับตัวเอง จึงได้เข้ามาทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน คอยประสานงานช่วยเหลืองานเยียวยาควบคู่กันไป ถ้ามีโอกาสจะเข้าไปร่วมกิจกรรม เพราะครั้งหนึ่งเราได้รับความอำนวยความสะดวกจากหน่วยงานต่างๆ ที่ให้ความช่วยเหลือ
ทุกครั้งที่เขาไปติดต่อประสานงานจะเห็นรอยยิ้มของเจ้าหน้าที่ภาครัฐ พร้อมหยิบยื่นช่วยเหลือ ทำให้สภาพจิตใจเราเข้มแข็งขึ้น เมื่อเรารู้สึกว่าเราได้รับความช่วยเหลือมามาก จึงผันตัวเองมาเป็นผู้ให้ ให้สิ่งที่ดีๆ ก็จะมีความรู้สึกว่าเรามีความสุข วันนี้ก็เช่นกัน เจอแต่รอยยิ้มจากทุกคน สัญญาว่าจะทำหน้าที่ของตัวเองให้เต็มที่ ยินดีรับใช้และตอบแทนคุณแผ่นดิน อยากให้ทุกท่านมีความสุข และมีความสามัคคี ไม่อยากให้มีความหวาดระแวง เมื่อไรที่เราหลุดพ้นจากความหวาดระแวงเราจะมีความสุขมากกว่านี้ เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือเรามามากแล้ว เราจะต้องช่วยเหลือตัวเองด้วย