ตรัง - หน.อุทยานฯ หาดเจ้าไหม จ.ตรัง เผยเหตุโผล่คลิปแม่ค้าวัย 60 ปี ริมหาดปากเมง จ.ตรัง ไล่นักท่องเที่ยวนั่งปูเสื่อริมหาดแต่ไม่สั่งอาหาร รับสร้างความเสื่อมเสียต่อการท่องเที่ยวมาก สั่งขึ้นบัญชีดำหากกระทำซ้ำอีกห้ามขายของทันที ด้านแม่ค้าชี้แจงไม่ได้ไล่เพียงแค่ใช้อารมณ์เท่านั้น พร้อมสัญญาจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก
วันนี้ (26 พ.ย.) นายมาโนช วงษ์สุรีย์รัตน์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม จ.ตรัง ได้เข้าพบ นางแมะปะ ดำโหนด อายุ 60 ปี เจ้าของร้านอาหารแห่งหนึ่งที่ชายหาดปากเมง อ.สิเกา หลังมีคลิปจากนักท่องเที่ยวคนหนึ่งซึ่งเดินทางไปเที่ยวที่หาดปากเมง เมื่อวันเสาร์ที่ 22 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ขณะกำลังนั่งชมบรรยากาศที่สวยงาม ได้มี นางแมะปะ เดินมาขับไล่ โดยอ้างว่านั่งหน้าร้านของตนแต่ไม่สั่งอาหาร เนื่องจากบริเวณชายหาดดังกล่าวตนเองเป็นผู้ดูแล สร้างความไม่พอใจให้แก่นักท่องเที่ยวคนดังกล่าวเป็นอย่างมาก จนเกิดการโต้เถียงกันขึ้น ซึ่งเมื่อนักท่องเที่ยวคนดังกล่าวได้นำภาพไปเผยแพร่ทางยูทิวบ์ ก็ยิ่งสร้างความเสื่อมเสียภาพลักษณ์การท่องเที่ยวบริเวณชายหาดปากเมง ซึ่งกำลังเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยว หรือไฮซีซันเป็นอย่างมาก
ทั้งนี้ จากการพูดคุยกับหัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม จ.ตรัง นั้น นางแมะปะ ยอมรับว่า ในวันเกิดเหตุตนได้ใช้อารมณ์ไปบ้างแต่ไม่ถึงกับขับไล่นักท่องเที่ยว และไม่เป็นความจริงตามที่ปรากฏในยูทิวบ์แต่อย่างใด ขณะที่ นายมาโนช วงษ์สุรีย์รัตน์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม กล่าวว่า หลังพูดคุยกันแล้ว นางแมะปะ ยอมรับว่า ได้ใช้อารมณ์กับนักท่องเที่ยวจริง แต่ไม่ถึงกับขับไล่ ซึ่งอาจจะเกิดจากการเข้าใจผิดกัน แต่ตนได้ขึ้นบัญชีดำเอาไว้แล้วว่า หากมีการกระทำผิดซ้ำอีกก็จะให้หยุดขายอาหารทันที พร้อมเชิญชวนนักท่องเที่ยวที่ไปเที่ยวบริเวณทะเลตรัง โดยเฉพาะตลอดแนวชายหาดปากเมงนั้น สามารถปูเสื่อนั่งได้ฟรีตลอดทั้งปี และไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด ซึ่งหากนักท่องเที่ยวรายใดประสบปัญหานี้ให้ร้องเรียนมาได้ที่อุทยานฯ หาดเจ้าไหม
ด้าน นางแมะปะ เจ้าของร้านอาหารชายหาดปากเมงที่ตกเป็นข่าวดัง กล่าวว่า ตนรู้สึกเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และปฏิเสธว่าในวันเกิดเหตุไม่ได้มีการไล่นักท่องเที่ยว แต่รู้สึกดีใจด้วยซ้ำไปที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยว และตนเพียงแค่เดินไปถามว่าจะสั่งอาหารหรือไม่ แต่นักท่องเที่ยวกลับโวยวายอ้างว่าเป็นที่สาธารณะ ซึ่งหากไม่สั่งอาหารตนก็ไม่ได้ว่าอะไร จึงเดินกลับไป แต่นักท่องเที่ยวยังเดินตามมาบันทึกภาพ และเผยแพร่ภาพทางยูทิวบ์ จนทำให้ตนเกิดความเครียด และไม่สบายใจเป็นอย่างมาก จึงอยากขอโทษ และรับปากว่าต่อไปจะไม่เกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้นซ้ำอีก