xs
xsm
sm
md
lg

พบโลมาสีชมพูท้องแก่เกยหาดสิชล คาดกินก้อนปิโตรเลียมจนตาย พายุถล่มบ้านเรือนพังกว่า 50 หลัง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


นครศรีธรรมราช - ฝนตกหนักต่อเนื่องคลื่นซัดแม่โลมาสีชมพูท้องแก่เกยหาดสิชล คาดเป็นผลจากก้อนปิโตรเลียมจำนวนมากในทะเล ขณะที่พายุหางหนูถล่มบ้านเรือนพังกว่า 50 หลัง

 
วันนี้ (20 พ.ย.) ท่ามกลางฝนตกหนักกระแสคลื่นลมแรง มีรายงานการพบโลมาสีขมพูตายมาเกยหาดบริเวณหาดคอเขา ม.5 ต.สิชล อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช ยาวประมาณ 2 เมตร น้ำหนักประมาณ 200 กก. คาดว่าตายมาแล้วมากกว่า 6 ชั่วโมง ลำตัวมีรอยช้ำหลายจุด และพบบาดแผลที่บริเวณหน้าผาก และพบว่า โลมาดังกล่าวเป็นเพศเมีย สภาพสมบูรณ์มาก และท้องแก่ใกล้คลอด อาจเป็นไปได้ว่าเกิดจากก้อนปิโตรเลียมที่แพร่กระจายอยู่ในบริเวณที่หากินอาจเข้าไปในระบบทางเดินอาหารเป็นสาเหตุสำคัญ

 
โดยขณะนี้ นายสันติ นิลวัฒน์ นักวิชาการศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จังหวัดสงขลา กำลังดำเนินการผ่าพิสูจน์แล้ว ส่วนชาวบ้านเชื่อว่าน่าจะมาจากการที่ 2 วันก่อนมีก้อนปิโตรเลียมจำนวนมากลอยมาติดชายหาด ที่ส่งผลต่อโลมา รวมทั้งคลื่นลมแรงที่อาจทำให้โลมาตัวนี้อ่อนกำลัง และกระแทกกับโขดหิน ส่วนก้อนปิโตรเลียมเชื่อว่าส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของปลาโลมาบริเวณนี้เป็นวงกว้าง โดยเฉพาะโลมาฝูงนี้มักจะออกมาหาปลาแถบใกล้กับชายหาดในย่านนี้เป็นประจำ การตายที่เกิดขึ้นสอดคล้องต่อการพบก้อนปิโตรเลียมที่เข้ามาชายฝั่งในเวลาไล่เลี่ยกัน

 
นายพิทักษ์ บริพิตร นายอำเภอสิชล พร้อมด้วยหน่วยทหารจากกองร้อยฝึกรบพิเศษอำเภอสิชล ได้ส่งกำลังพลเข้ามาตรวจสอบจุดพบโลมาตัวนี้ และยังพบอีกว่า มีก้อนปิโตรเลียมที่ตกค้างอยู่บริเวณชายหาดจำนวนมาก โดยยังไม่มีหน่วยงานใดเข้าตรวจสอบ และยืนยันว่าก้อนปิโตรเลียมเหล่านี้มีที่มาจากแหล่งใด เช่นเดียวกับครั้งแรกเมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ที่มีปรากฏการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นมาแล้ว 1 ครั้ง มีเพียงนักวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ได้เข้าตรวจสอบ และเก็บตัวอย่างก้อนปิโตรเลียมเหล่านี้เข้าไปวิเคราะห์องค์ประกอบทางเคมีพบว่าเป็นก้อนน้ำมันดิบ ที่ผ่านกระบวนการทางเคมีบางอย่าง แต่ไม่สามารถระบุที่มาของปิโตรเลียมเหล่านี้ได้ และเป็นที่น่าสังเกตอีกว่า แนวของก้อนปิโตรเลียมที่เข้ามาเกยหาดนั้นเป็นแนวเดิมกับเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งน่าเชื่อว่าจะมาจากแหล่งเดียวกัน

 
ทั้งนี้ เมื่อวานที่ผ่านมา (19 พ.ย.) นายอโณทัย อมรกิจ ประธานชมรมอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล หาดบางดี-เสาเภา กล่าวถึงปัญหาพบคราบน้ำมันลอยมาติดชายหาดว่าว่า ปัญหาดังกล่าวนี้เป็นเรื่องที่ชาวบ้านในพื้นที่เดือดร้อนหนัก ช่วงเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ก็เกิดปัญหาก้อนน้ำมันลอยมาติดริมหาดครั้งหนึ่งแล้ว ส่งผลให้มีปลาโลมามาลอยตายที่หาดสิชลนับ 10 ตัว และปริมาณสัตว์น้ำในทะเลบริเวณนี้ก็ลดลงทันตาเห็น ทางชมรมช่วยกันเก็บคราบน้ำมันเพื่อทำความสะอาดริมหาดให้สวยงาม จนกระทั่งวันนี้ก็มาเกิดปัญหานี้ขึ้นมาอีก และครั้งนี้มีปริมาณมากกว่าครั้งที่แล้ว และยังมีขนาดก้อนน้ำมันใหญ่กว่าเดิมอีก

 
“ซึ่งก่อนหน้านี้ประมาณ 3-4 เดือนที่ผ่านมา จะมีปลาโลมามาเล่นให้เห็นทุกวันไม่เคยเว้น และคาดว่าหลังจากนี้อีกไม่กี่วันจะมีปลาโลมาต้องตายอีกหลายตัวอย่างแน่นอน เพราะปลาโลมาจะกินก้อนน้ำมันดิบเข้าไปเพราะนึกว่าเป็นอาหาร จึงอยากฝากถึงหน่วยงานที่ขุดเจาะน้ำมันกลางทะเลอ่าวไทย ขอให้มีจิตสำนึกรักสิ่งแวดล้อมบ้าง อย่าคิดแต่จะเอาอย่างเดียว และฝากถึงหน่วยงานราชการที่รับผิดชอบลงมาดูปัญหาอย่างจริงจัง เพื่อให้ประชาชน และชาวประมงในพื้นที่ได้มีทรัพยากรที่ดีไว้ทำมาหากินในระยะยาวต่อไป” นายอโณทัย ระบุ

 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สภาพฝนในพื้นที่นครศรีธรรมราช ยังคงตกอย่างหนักในหลายพื้นที่ ขณะที่ชาวบ้านในตำบลปากนคร ตำบลท่าซัก อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช หลายสิบครอบครัวยังรอความช่วยเหลือจากทางการ หลังจากที่ช่วงเช้าของวันนี้ได้เกิดลมพายุหางหนูเข้าพัดบ้านเรือนจนเสียหายจำนวนมาก บางหลังอยู่ในสภาพหลังคาเปิดไปทั้งหมด บางหลังที่ไม่แข็งแรงอยู่ในสภาพโยกคลอน รวมบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหายทั้ง 2 ตำบลมากกว่า 50 หลัง ขณะที่มณฑลทหารบกที่ 41 ได้ส่งกำลังพลเข้าให้ความช่วยเหลือ เก็บกวาดเศษกระเบื้อง ขนย้ายสิ่งของ และพยายามหาผ้าใบขนาดใหญ่เข้าปิดหลังคาที่เสียหายป้องกันลมฝนชั่วคราว
 




 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น