ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ไกด์อันดามันทุกภาษาเดือดร้อนหนัก ถูกไกด์เถื่อนแย่งงาน รุกยื่นหนังสือผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ปัญหาก่อนอดตาย จี้จับกุมดำเนินคดีขั้นเด็ดขาด เผยขณะนี้ต่างชาติเข้ามาแย่งงานคนไทยเกือบทุกอาชีพไม่เว้นแม้แท้อาชีพขับรถจักรยานยนต์รับจ้าง
เมื่อเวลาประมาณ 10.00 น. วันนี้ (3 พ.ย.) ที่ศาลากลาง จ.ภูเก็ต ตัวแทนผู้ประกอบอาชีพมัคคุเทศก์ภาคใต้อันดามัน (ภูเก็ต พังงา กระบี่) ประมาณ 50 คน นำโดย นายภูมิภัทร รณกรกุล ตัวแทนตัวแทนมัคคุเทศก์ฝั่งอันดามัน (ภูเก็ต พังงา กระบี่ ) นายกฤช เทพบำรุง ตัวแทนมัคคุเทศก์ฝั่งอันดามัน (ภูเก็ต พังงา กระบี่ ) เดินทางเข้ายื่นหนังสือร้องเรียนถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รวมทั้งผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เพื่อเรียกร้องให้แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของผู้ประกอบอาชีพไกด์ทุกภาษาที่ทำงานอยู่ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต พังงา และจังหวัดกระบี่ ที่ปัจจุบันกำลังได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก ไม่มีงานทำ เพราะถูกไกด์เถื่อนเข้ามาแย่งงานทำ รวมทั้งผู้ประกอบการทางด้านการท่องเที่ยวเองก็ไม่ยอมที่จะจ้างไกด์คนไทยเข้าทำงาน
อย่างไรก็ตาม ในการเดินทางเข้ายื่นหนังสือในครั้งนี้ นายนิสิต จันทร์สมวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ติดราชการ จึงมอบหมายให้ นายสมเกียรติ สังข์ขาวสุทธิรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต รวมทั้งผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น พ.อ.สมชาย โพนะทอง เสนาธิการมณฑลทหารบกที่ 41 ค่ายวชิราวุธ จังหวัดนครศรีธรรมราช นายสันติ ป่าหวาย ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดภูเก็ต นายประพันธ์ ขันพระแสง หัวหน้าศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดภูเก็ต และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วม
นายภูมิภัทร รณกรกุล ตัวแทนตัวแทนมัคคุเทศก์ฝั่งอันดามัน (ภูเก็ต พังงา กระบี่ ) กล่าวถึงการเดินทางมายื่นหนังสือร้องเรียนในครั้งนี้ ว่า ต้องการมาเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ปัญหาความเดือดร้อนของผู้ประกอบอาชีพมัคคุเทศก์ และแก้ไขปัญหาให้เป็นรูปธรรม ซึ่งปัญหานี้เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมายาวนาน และกำลังลุกลามไปในทุกภาษา ปัจจุบัน ไกด์เถื่อนเข้ามาทำงานจำนวนมาก บริษัทนำเที่ยวเองก็เลือกที่จะจ้าไกด์เถื่อนแทนมัคคุเทศก์คนไทย ทำให้ทุกวันนี้ ผู้ประกอบอาชีพมัคคุเทศก์ต่างก็ได้รับความเดือดร้อนจากชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงาน ทั้งๆ อาชีพมัคคุเทศก์เป็นอาชีพสงวนสำหรับคนไทย แต่ตอนนี้อาชีพดังกล่าวกำลังเข้าไปอยู่ในมือต่างชาติ
ทางกลุ่มมัคคุเทศก์ภาคใต้ฝั่งอันดามัน (ภูเก็ต พังงา กระบี่) จึงขอเสนอข้อร้องเรียนดังนี้ 1.ขอให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พิจารณาจับกุมชาวต่างชาติที่เข้ามาสวมรอยทำงานทั้งๆ ที่รู้ว่าอาชีพมัคคุเทศก์เป็นอาชีพสงวนไว้สำหรับคนไทย 2.เรื่องการจับกุมจากผู้มีอำนาจหน้าที่ เจ้าหน้าที่ตำรวจมาเข้มงวดเรื่องบัตรต่างสีเพียงเพื่อต้องการสร้างผลงาน แต่กลับละเลยการตรวจสอบชาวต่างชาติที่ทำหน้าที่แทนมัคคุเทศก์อย่างโจ่งแจ้ง และสามารถพบเห็นได้เพียงยืนรอที่สนามบิน มีการเรียกตรวจบัตรมัคคุเทศก์ต่อหน้าชาวต่างชาติซึ่งใส่เครื่องแบบของบริษัทต่างชาติโดยไม่เคยพบว่ามีการขอใบอนุญาตทำงานในประเทศ ทำให้มัคคุเทศก์คนไทยรู้สึกไม่เป็นธรรม
3.เรื่องของนายทุน และเอกชนซึ่งอนุญาตและว่าจ้างชาวต่างชาติมาเป็นมัคคุเทศก์แทน ไม่มีแม้กระทั่งมัคคุเทศก์ไทยตามประกบ ซึ่งเรื่องนี้เคยร้องเรียนไปบ่อยครั้ง แต่บริษัทก็คงกระทำผิดซ้ำซากต่อเนื่อง เพียงเพราะต้องการลดต้นทุนจากการจ้างมัคคุเทศก์ซ้ำ ทั้งๆ ที่มัคคุเทศก์ชาวไทยที่มีความชำนาญในภาษาเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นภาษาจีน ภาษารัสเซีย ภาษาเกาหลี ภาษาญี่ปุ่น หรืออื่นๆ จำนวนมากที่ไม่ได้รับการว่าจ้างอย่างไม่เป็นธรรม
นายภูมิภัทร ยังได้กล่าวต่อไปว่า การใช้มัคคุเทศก์ชาวต่างชาติมาทำหน้าที่แทนคนไทยนั้นได้สร้างความเสียหายให้แก่การท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก ซึ่งสามารถพบเห็นได้ง่ายตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ในจังหวัดภูเก็ต พังงา กระบี่ เนื่องจากคนเหล่านี้ขาดความรู้ความเข้าใจในเรื่องของประวัติศาสตร์ความเป็นมา เรื่องของขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรม เช่น กรณีไกด์เถื่อนชาวรัสเซีย จีน และเกาหลี นำนักท่องเที่ยวเข้าไปเที่ยวที่วัดถ้ำคูหา จ.พังงา โดยให้นักท่องเที่ยวสวมใส่ชุดว่ายน้ำเข้าไปถ่ายรูปในวัด ซึ่งการกระทำดังกล่าวคิดว่ามีเจ้าหน้าที่รู้เห็นแต่กลับเพิกเฉย
เช่นเดียวกับ นายกฤช เทพบำรุง ตัวแทนมัคคุเทศก์ฝั่งอันดามัน (ภูเก็ต พังงา กระบี่) กล่าวว่า ปัจจุบันผู้ประกอบอาชีพมัคคุเทศก์กำลังได้รับความเดือดร้อนในทุกภาษา และปัญหานี้ได้ขยายไปยังอาชีพอื่นๆ แล้ว เช่น อาชีพขับรถรับส่งนักท่องเที่ยว หรือแต่แม้แท้อาชีพขับรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างที่ปัจจุบันกำลังถูกชาวต่างชาติเข้ามาแย่งอาชีพแล้วเช่นกัน การมาร้องเรียนในครั้งนี้ของกลุ่มมัคคุเทศก์เพื่อเรียกร้องให้มีการบังคับใช้กฎหมายให้เต็มที่เพื่อช่วยกันปิดช่องว่างต่างๆ ให้หมดไป
ขณะที่ นายกานต์ มุกดี ตัวแทนไกด์ภาษาเกาหลี กล่าวว่า ในส่วนของไกด์ภาษาเกาหลีนั้นได้รับความเดือดร้อนมานานแล้ว และขณะนี้มัคคุเทศก์คนไทยกำลังได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักเพราะถูกแย่งงานจากชาวต่างชาติ จึงอยากขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ปัญหาอย่างจริงจังและเร่งด่วน เพราะขณะนี้คนไทยกำลังได้รับผลกระทบอย่างหนัก
ส่วน น.ส.อรทัย อายุพงศ์ ตัวแทนไกด์ภาษาอังกฤษ กล่าวว่า ตอนนี้ชาวต่างชาติเข้ามาแย่งงานไกด์คนไทยเกือบทุกชาติทุกภาษา บางภาษาเข้ามานานแล้ว แต่บางภาษาก็เพิ่งเข้ามา ซึ่งถ้าปล่อยไว้แบบนี้อาชีพสงวนของคนไทยก็จะถูกแย่ง และหายไปหมด และภูเก็ตก็จะถูกครอบครองโดยชาวต่างชาติ ที่สำคัญชาวต่างชาติไม่สามารถที่จะถ่ายทอดข้อมูลให้แก่นักท่องเที่ยวได้อย่างถูกต้องเหมือนคนไทย จึงจำเป็นที่เราจะต้องมาแสดงพลังให้หน่วยงานราชการเห็นว่าเราต้องการที่จะรักษาอาชีพของเราไว้เพื่อให้คนไทย อย่าปล่อยให้ชาวต่างชาติเข้ามาทำลายด้วยการเข้ามาแย่งอาชีพคนไทยเลย
ด้าน นายสมเกียรติ สังข์ขาวสุทธิรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ทางจังหวัดรับเรื่องไว้ ซึ่งยอมรับว่าปัญหานี้เกิดขึ้นมายาวนานแล้ว ซึ่งการแก้ไขปัญหายังไม่สำเร็จ เนื่องจากมีหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งหลังจากรับเรื่องไว้ให้ทางกลุ่มมัคคุเทศก์แต่งตั้งตัวแทนเข้าประชุมร่วมกับทางผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เพื่อนำเสนอปัญหา และข้อเท็จจริงต่างๆ เพื่อให้การแก้ไขปัญหาเป็นไปด้วยความถูกต้อง และตรงจุด
ต่อมา ทางกลุ่มมัคคุเทศก์ฝั่งอันดามัน (ภูเก็ต พังงา กระบี่) ได้ส่งตัวแทนประชุมหารือร่วมกับนายนิสิต จันทร์สมวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต และหน่วยงานงานราชการที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ สาขาภาคใต้ เขต 2 ตำรวจท่องเที่ยว ตรวจคนเข้าเมืองสนามบินภูเก็ต ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต เป็นต้น เพื่อนำเสนอปัญหาที่เกิดขึ้น และแนวทางการแก้ไข ทั้งนี้ ภาพรวมตัวแทนมัคคุเทศก์ได้นำเสนอปัญหาว่า ปัญหาการใช้มัคคุเทศก์เถื่อนนั้นมีมานานแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง ส่งผลให้ปัจจุบันปัญหาลุกลามไปในกลุ่มมัคคุเทศก์หลายสาขา ทั้งรัสเซีย จีน เกาหลี สเปน และอื่นๆ ซึ่งมีลักษณะไม่ต่างกัน คือ ทางผู้ประกอบการไม่ยอมใช้มัคคุเทศก์ที่เป็นคนไทย โดยอ้างว่าไม่สามารถสื่อสารกับนักท่องเที่ยวได้ และไม่ยอมให้มัคคุเทศก์ที่รู้ภาษานั้นได้ทำหน้าที่ ส่งผลกระทบต่อมัคคุเทศก์คนไทยที่มีบัตรมัคคุเทศก์อย่างถูกต้อง
นอกจากนี้ ยังมีในส่วนของทัวร์ลีดเดอร์ซึ่งปกติจะเข้ามากับนักท่องเที่ยว และกลับออกไปพร้อมกับนักท่องเที่ยว แต่ปัจจุบันกลุ่มนี้จะไม่ยอมเดินทางกลับไป และยังมีพนักงานชาวต่างชาติของบริษัทแต่งชุดยูนิฟอร์มไปรอรับนักท่องเที่ยวที่สนามบิน โดยไม่มีการดำเนินการใดๆ รวมทั้งยังมีการตั้งข้อสังเกตว่า กรณีของชาวต่างชาติที่ทำหน้าที่ไกด์แล้วถูกจับกุม เมื่อได้รับการปล่อยตัวกลับมาก็จะกลับมาทำหน้าที่ได้อีก โดยปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นกระทบกันไปเป็นลูกโซ่ ไม่เฉพาะกับมัคคุเทศก์เท่านั้น แต่ยังลุกลามไปถึงร้านจำหน่ายที่ระลึก ร้านอาหาร ที่พัก คนขับรถจักรยานยนต์รับจ้าง ร้านขายผลไม้ และอื่นๆ รวมถึงขยายวงไปยังพื้นที่เขาหลัก จ.พังงา ด้วย นอกจากนี้ ยังขออนุโลมกรณีบัตรมัคคุเทศก์สีเหลือง กับบัตรสีชมพู
นายนิสิต กล่าวภายหลังรับฟังปัญหาของมัคคุเทศก์ ว่า จากที่รับฟังปัญหาต่างๆ พบว่าเป็นปัญหาที่หมักหมมมานาน ซึ่งก็ต้องแก้ค่อยๆ แก้กันไป และคงไม่สามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จ 100% แต่อย่างน้อยก็จะต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นบ้าง เพราะหน่วยงานของรัฐเองก็ต้องการที่จะดูแล และรักษาอาชีพไว้ให้แก่คนไทย และส่วนไหนที่จะดำเนินการได้ในระดับจังหวัดก็ทำทันที ซึ่งทราบจากทางหัวหน้าสำนักทะเบียนฯ ว่า ได้มีการพูดคุยกับกลุ่มผู้ประกอบการท่องเที่ยวใน 3 ตลาดหลัก คือ จีน รัสเซีย และเกาหลี เพื่อขอให้ปฏิบัติตามกฎหมายไทย และในการนำเที่ยวก็จะต้องใช้มัคคุเทศก์คนไทย
ในเร็วๆ นี้ จะให้ทุกบริษัทมาลงนามข้อตกลงร่วมกันในการที่จะปฏิบัติให้ถูกต้อง หากตรวจพบว่าไม่ปฏิบัติตามก็จะมีบทลงโทษ เช่น กรณีบริษัทนำเที่ยวใดใช้มัคคุเทศก์ชาวต่างชาติก็จะมีการสั่งพักใบอนุญาต หรือสั่งปิด ซึ่งสามารถดำเนินการได้ทันทีตามอำนาจของนายทะเบียนฯ และผู้ที่จะลงนามประกอบด้วย ผู้ว่าฯ ผู้การฯ นายทะเบียนฯ และผู้ประกอบการซึ่งต้องเป็นตัวเอง หลังจากลงนามแล้วก็จะใช้เวลา 3-4 เดือน มาทำการประเมินผล ส่วนกรณีของการออกบัตรมัคคุเทศก์นั้นเป็นอำนาจของส่วนกลาง ซึ่งในคราวที่มีการประชุมร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ทางกรมท่องเที่ยวรั บปากว่าจะไปเร่งดำเนินการในส่วนนี้ให้
ขณะที่ในส่วนของมัคคุเทศก์หลังจากฟังคำชี้แจงของผู้ว่าฯ แล้วต่างพอใจ และจะติดตามผลตามที่ผู้ว่าฯ แจ้ง รวมทั้งจะช่วยแจ้งเบาะแสกรณีชาวต่างชาติที่เข้ามาทำหน้าที่ไม่ถูกต้องด้วย จากนั้นก็ได้แยกย้ายกันกลับ
เมื่อเวลาประมาณ 10.00 น. วันนี้ (3 พ.ย.) ที่ศาลากลาง จ.ภูเก็ต ตัวแทนผู้ประกอบอาชีพมัคคุเทศก์ภาคใต้อันดามัน (ภูเก็ต พังงา กระบี่) ประมาณ 50 คน นำโดย นายภูมิภัทร รณกรกุล ตัวแทนตัวแทนมัคคุเทศก์ฝั่งอันดามัน (ภูเก็ต พังงา กระบี่ ) นายกฤช เทพบำรุง ตัวแทนมัคคุเทศก์ฝั่งอันดามัน (ภูเก็ต พังงา กระบี่ ) เดินทางเข้ายื่นหนังสือร้องเรียนถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รวมทั้งผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เพื่อเรียกร้องให้แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของผู้ประกอบอาชีพไกด์ทุกภาษาที่ทำงานอยู่ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต พังงา และจังหวัดกระบี่ ที่ปัจจุบันกำลังได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก ไม่มีงานทำ เพราะถูกไกด์เถื่อนเข้ามาแย่งงานทำ รวมทั้งผู้ประกอบการทางด้านการท่องเที่ยวเองก็ไม่ยอมที่จะจ้างไกด์คนไทยเข้าทำงาน
อย่างไรก็ตาม ในการเดินทางเข้ายื่นหนังสือในครั้งนี้ นายนิสิต จันทร์สมวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ติดราชการ จึงมอบหมายให้ นายสมเกียรติ สังข์ขาวสุทธิรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต รวมทั้งผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น พ.อ.สมชาย โพนะทอง เสนาธิการมณฑลทหารบกที่ 41 ค่ายวชิราวุธ จังหวัดนครศรีธรรมราช นายสันติ ป่าหวาย ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดภูเก็ต นายประพันธ์ ขันพระแสง หัวหน้าศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดภูเก็ต และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วม
นายภูมิภัทร รณกรกุล ตัวแทนตัวแทนมัคคุเทศก์ฝั่งอันดามัน (ภูเก็ต พังงา กระบี่ ) กล่าวถึงการเดินทางมายื่นหนังสือร้องเรียนในครั้งนี้ ว่า ต้องการมาเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ปัญหาความเดือดร้อนของผู้ประกอบอาชีพมัคคุเทศก์ และแก้ไขปัญหาให้เป็นรูปธรรม ซึ่งปัญหานี้เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมายาวนาน และกำลังลุกลามไปในทุกภาษา ปัจจุบัน ไกด์เถื่อนเข้ามาทำงานจำนวนมาก บริษัทนำเที่ยวเองก็เลือกที่จะจ้าไกด์เถื่อนแทนมัคคุเทศก์คนไทย ทำให้ทุกวันนี้ ผู้ประกอบอาชีพมัคคุเทศก์ต่างก็ได้รับความเดือดร้อนจากชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงาน ทั้งๆ อาชีพมัคคุเทศก์เป็นอาชีพสงวนสำหรับคนไทย แต่ตอนนี้อาชีพดังกล่าวกำลังเข้าไปอยู่ในมือต่างชาติ
ทางกลุ่มมัคคุเทศก์ภาคใต้ฝั่งอันดามัน (ภูเก็ต พังงา กระบี่) จึงขอเสนอข้อร้องเรียนดังนี้ 1.ขอให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พิจารณาจับกุมชาวต่างชาติที่เข้ามาสวมรอยทำงานทั้งๆ ที่รู้ว่าอาชีพมัคคุเทศก์เป็นอาชีพสงวนไว้สำหรับคนไทย 2.เรื่องการจับกุมจากผู้มีอำนาจหน้าที่ เจ้าหน้าที่ตำรวจมาเข้มงวดเรื่องบัตรต่างสีเพียงเพื่อต้องการสร้างผลงาน แต่กลับละเลยการตรวจสอบชาวต่างชาติที่ทำหน้าที่แทนมัคคุเทศก์อย่างโจ่งแจ้ง และสามารถพบเห็นได้เพียงยืนรอที่สนามบิน มีการเรียกตรวจบัตรมัคคุเทศก์ต่อหน้าชาวต่างชาติซึ่งใส่เครื่องแบบของบริษัทต่างชาติโดยไม่เคยพบว่ามีการขอใบอนุญาตทำงานในประเทศ ทำให้มัคคุเทศก์คนไทยรู้สึกไม่เป็นธรรม
3.เรื่องของนายทุน และเอกชนซึ่งอนุญาตและว่าจ้างชาวต่างชาติมาเป็นมัคคุเทศก์แทน ไม่มีแม้กระทั่งมัคคุเทศก์ไทยตามประกบ ซึ่งเรื่องนี้เคยร้องเรียนไปบ่อยครั้ง แต่บริษัทก็คงกระทำผิดซ้ำซากต่อเนื่อง เพียงเพราะต้องการลดต้นทุนจากการจ้างมัคคุเทศก์ซ้ำ ทั้งๆ ที่มัคคุเทศก์ชาวไทยที่มีความชำนาญในภาษาเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นภาษาจีน ภาษารัสเซีย ภาษาเกาหลี ภาษาญี่ปุ่น หรืออื่นๆ จำนวนมากที่ไม่ได้รับการว่าจ้างอย่างไม่เป็นธรรม
นายภูมิภัทร ยังได้กล่าวต่อไปว่า การใช้มัคคุเทศก์ชาวต่างชาติมาทำหน้าที่แทนคนไทยนั้นได้สร้างความเสียหายให้แก่การท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก ซึ่งสามารถพบเห็นได้ง่ายตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ในจังหวัดภูเก็ต พังงา กระบี่ เนื่องจากคนเหล่านี้ขาดความรู้ความเข้าใจในเรื่องของประวัติศาสตร์ความเป็นมา เรื่องของขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรม เช่น กรณีไกด์เถื่อนชาวรัสเซีย จีน และเกาหลี นำนักท่องเที่ยวเข้าไปเที่ยวที่วัดถ้ำคูหา จ.พังงา โดยให้นักท่องเที่ยวสวมใส่ชุดว่ายน้ำเข้าไปถ่ายรูปในวัด ซึ่งการกระทำดังกล่าวคิดว่ามีเจ้าหน้าที่รู้เห็นแต่กลับเพิกเฉย
เช่นเดียวกับ นายกฤช เทพบำรุง ตัวแทนมัคคุเทศก์ฝั่งอันดามัน (ภูเก็ต พังงา กระบี่) กล่าวว่า ปัจจุบันผู้ประกอบอาชีพมัคคุเทศก์กำลังได้รับความเดือดร้อนในทุกภาษา และปัญหานี้ได้ขยายไปยังอาชีพอื่นๆ แล้ว เช่น อาชีพขับรถรับส่งนักท่องเที่ยว หรือแต่แม้แท้อาชีพขับรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างที่ปัจจุบันกำลังถูกชาวต่างชาติเข้ามาแย่งอาชีพแล้วเช่นกัน การมาร้องเรียนในครั้งนี้ของกลุ่มมัคคุเทศก์เพื่อเรียกร้องให้มีการบังคับใช้กฎหมายให้เต็มที่เพื่อช่วยกันปิดช่องว่างต่างๆ ให้หมดไป
ขณะที่ นายกานต์ มุกดี ตัวแทนไกด์ภาษาเกาหลี กล่าวว่า ในส่วนของไกด์ภาษาเกาหลีนั้นได้รับความเดือดร้อนมานานแล้ว และขณะนี้มัคคุเทศก์คนไทยกำลังได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักเพราะถูกแย่งงานจากชาวต่างชาติ จึงอยากขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ปัญหาอย่างจริงจังและเร่งด่วน เพราะขณะนี้คนไทยกำลังได้รับผลกระทบอย่างหนัก
ส่วน น.ส.อรทัย อายุพงศ์ ตัวแทนไกด์ภาษาอังกฤษ กล่าวว่า ตอนนี้ชาวต่างชาติเข้ามาแย่งงานไกด์คนไทยเกือบทุกชาติทุกภาษา บางภาษาเข้ามานานแล้ว แต่บางภาษาก็เพิ่งเข้ามา ซึ่งถ้าปล่อยไว้แบบนี้อาชีพสงวนของคนไทยก็จะถูกแย่ง และหายไปหมด และภูเก็ตก็จะถูกครอบครองโดยชาวต่างชาติ ที่สำคัญชาวต่างชาติไม่สามารถที่จะถ่ายทอดข้อมูลให้แก่นักท่องเที่ยวได้อย่างถูกต้องเหมือนคนไทย จึงจำเป็นที่เราจะต้องมาแสดงพลังให้หน่วยงานราชการเห็นว่าเราต้องการที่จะรักษาอาชีพของเราไว้เพื่อให้คนไทย อย่าปล่อยให้ชาวต่างชาติเข้ามาทำลายด้วยการเข้ามาแย่งอาชีพคนไทยเลย
ด้าน นายสมเกียรติ สังข์ขาวสุทธิรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ทางจังหวัดรับเรื่องไว้ ซึ่งยอมรับว่าปัญหานี้เกิดขึ้นมายาวนานแล้ว ซึ่งการแก้ไขปัญหายังไม่สำเร็จ เนื่องจากมีหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งหลังจากรับเรื่องไว้ให้ทางกลุ่มมัคคุเทศก์แต่งตั้งตัวแทนเข้าประชุมร่วมกับทางผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เพื่อนำเสนอปัญหา และข้อเท็จจริงต่างๆ เพื่อให้การแก้ไขปัญหาเป็นไปด้วยความถูกต้อง และตรงจุด
ต่อมา ทางกลุ่มมัคคุเทศก์ฝั่งอันดามัน (ภูเก็ต พังงา กระบี่) ได้ส่งตัวแทนประชุมหารือร่วมกับนายนิสิต จันทร์สมวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต และหน่วยงานงานราชการที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ สาขาภาคใต้ เขต 2 ตำรวจท่องเที่ยว ตรวจคนเข้าเมืองสนามบินภูเก็ต ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต เป็นต้น เพื่อนำเสนอปัญหาที่เกิดขึ้น และแนวทางการแก้ไข ทั้งนี้ ภาพรวมตัวแทนมัคคุเทศก์ได้นำเสนอปัญหาว่า ปัญหาการใช้มัคคุเทศก์เถื่อนนั้นมีมานานแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง ส่งผลให้ปัจจุบันปัญหาลุกลามไปในกลุ่มมัคคุเทศก์หลายสาขา ทั้งรัสเซีย จีน เกาหลี สเปน และอื่นๆ ซึ่งมีลักษณะไม่ต่างกัน คือ ทางผู้ประกอบการไม่ยอมใช้มัคคุเทศก์ที่เป็นคนไทย โดยอ้างว่าไม่สามารถสื่อสารกับนักท่องเที่ยวได้ และไม่ยอมให้มัคคุเทศก์ที่รู้ภาษานั้นได้ทำหน้าที่ ส่งผลกระทบต่อมัคคุเทศก์คนไทยที่มีบัตรมัคคุเทศก์อย่างถูกต้อง
นอกจากนี้ ยังมีในส่วนของทัวร์ลีดเดอร์ซึ่งปกติจะเข้ามากับนักท่องเที่ยว และกลับออกไปพร้อมกับนักท่องเที่ยว แต่ปัจจุบันกลุ่มนี้จะไม่ยอมเดินทางกลับไป และยังมีพนักงานชาวต่างชาติของบริษัทแต่งชุดยูนิฟอร์มไปรอรับนักท่องเที่ยวที่สนามบิน โดยไม่มีการดำเนินการใดๆ รวมทั้งยังมีการตั้งข้อสังเกตว่า กรณีของชาวต่างชาติที่ทำหน้าที่ไกด์แล้วถูกจับกุม เมื่อได้รับการปล่อยตัวกลับมาก็จะกลับมาทำหน้าที่ได้อีก โดยปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นกระทบกันไปเป็นลูกโซ่ ไม่เฉพาะกับมัคคุเทศก์เท่านั้น แต่ยังลุกลามไปถึงร้านจำหน่ายที่ระลึก ร้านอาหาร ที่พัก คนขับรถจักรยานยนต์รับจ้าง ร้านขายผลไม้ และอื่นๆ รวมถึงขยายวงไปยังพื้นที่เขาหลัก จ.พังงา ด้วย นอกจากนี้ ยังขออนุโลมกรณีบัตรมัคคุเทศก์สีเหลือง กับบัตรสีชมพู
นายนิสิต กล่าวภายหลังรับฟังปัญหาของมัคคุเทศก์ ว่า จากที่รับฟังปัญหาต่างๆ พบว่าเป็นปัญหาที่หมักหมมมานาน ซึ่งก็ต้องแก้ค่อยๆ แก้กันไป และคงไม่สามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จ 100% แต่อย่างน้อยก็จะต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นบ้าง เพราะหน่วยงานของรัฐเองก็ต้องการที่จะดูแล และรักษาอาชีพไว้ให้แก่คนไทย และส่วนไหนที่จะดำเนินการได้ในระดับจังหวัดก็ทำทันที ซึ่งทราบจากทางหัวหน้าสำนักทะเบียนฯ ว่า ได้มีการพูดคุยกับกลุ่มผู้ประกอบการท่องเที่ยวใน 3 ตลาดหลัก คือ จีน รัสเซีย และเกาหลี เพื่อขอให้ปฏิบัติตามกฎหมายไทย และในการนำเที่ยวก็จะต้องใช้มัคคุเทศก์คนไทย
ในเร็วๆ นี้ จะให้ทุกบริษัทมาลงนามข้อตกลงร่วมกันในการที่จะปฏิบัติให้ถูกต้อง หากตรวจพบว่าไม่ปฏิบัติตามก็จะมีบทลงโทษ เช่น กรณีบริษัทนำเที่ยวใดใช้มัคคุเทศก์ชาวต่างชาติก็จะมีการสั่งพักใบอนุญาต หรือสั่งปิด ซึ่งสามารถดำเนินการได้ทันทีตามอำนาจของนายทะเบียนฯ และผู้ที่จะลงนามประกอบด้วย ผู้ว่าฯ ผู้การฯ นายทะเบียนฯ และผู้ประกอบการซึ่งต้องเป็นตัวเอง หลังจากลงนามแล้วก็จะใช้เวลา 3-4 เดือน มาทำการประเมินผล ส่วนกรณีของการออกบัตรมัคคุเทศก์นั้นเป็นอำนาจของส่วนกลาง ซึ่งในคราวที่มีการประชุมร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ทางกรมท่องเที่ยวรั บปากว่าจะไปเร่งดำเนินการในส่วนนี้ให้
ขณะที่ในส่วนของมัคคุเทศก์หลังจากฟังคำชี้แจงของผู้ว่าฯ แล้วต่างพอใจ และจะติดตามผลตามที่ผู้ว่าฯ แจ้ง รวมทั้งจะช่วยแจ้งเบาะแสกรณีชาวต่างชาติที่เข้ามาทำหน้าที่ไม่ถูกต้องด้วย จากนั้นก็ได้แยกย้ายกันกลับ