ศูนย์ข่าวศรีราชา - ททท.พัทยา จับมือแหล่งท่องเที่ยว และหน่วยงานภาครัฐ-เอกชน ในจังหวัดชลบุรี จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายกระตุ้นตลาดท่องเที่ยวในกลุ่มคนโรงงานภายใต้ชื่อ “เที่ยวสบายๆ สไตล์ชลบุรี” ครั้งที่ 1 พร้อมนำส่วนลด และจุดขายการท่องเที่ยวใหม่ๆ ดึงกำลังซื้อคนโรงงานที่มีอยู่ในพื้นที่ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนต่างถิ่นให้ได้รู้จักแหล่งท่องเที่ยวใหม่ และใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวในพื้นที่ให้เพิ่มมากขึ้น
เมื่อคืนวันที่ 29 ต.ค.ที่ผ่านมา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานพัทยา ได้ร่วมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ชลบุรี ชมรมแหล่งท่องเที่ยวจังหวัดชลบุรี สมาคมโรงแรมไทยภาคตะวันออก และชมรมผู้บริหารงานบุคคลนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายภายใต้ชื่อ “เที่ยวสบายๆ สไตล์ชลบุรี” ครั้งที่ 1 ที่ห้องประชุมราชพฤกษ์ นิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
โดยมีจุดประสงค์เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในกลุ่มคนวัยทำงานในบริษัท และโรงงานที่ตั้งอยู่ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง ที่จัดการเดินทางท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัลให้แก่พนักงาน และยังเป็นการประสานความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว ด้วยการสร้างการมีส่วนร่วมของทั้งหน่วยงานภาครัฐ และเอกชนในพื้นที่
โดยกิจกรรมในครั้งนี้ นอกจากจะมีผู้ประกอบการแหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดชลบุรี ร่วมเปิดบูทส่งเสริมการขายมากกว่า 30 แห่ง พร้อมจัดส่วนลดมากมายให้แก่ผู้เข้าร่วมงานแล้ว ยังมีกิจกรรมการแสดงจากแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ และการเปิดบูทจำหน่ายสินค้าโอทอปอีกด้วย
น.ส.สุลัดดา ศรุตลาวัณย์ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานพัทยา เผยถึงแนวคิดในการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายในรูปแบบดังกล่าวว่า เป็นเพราะมองเห็นศักยภาพและกำลังซื้อของกลุ่มคนทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ ที่ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมหลายแห่งของจังหวัดชลบุรี โดย ททท.ได้เสนอกิจกรรมการท่องเที่ยวในแบบวันเดียว หรือการเข้าพักแบบ 1-2 วัน สำหรับการจัดกิจกรรมต่างๆ ของกลุ่มโรงงาน โดยชูแหล่งท่องเที่ยวที่มีศักยภาพในเขตเมืองชลบุรี และเมืองพัทยา ที่สามารถตอบโจทย์การเข้าพักของคนในพื้นที่
“ตลาดคนไทยถือว่าเป็นตลาดที่ไม่เคยตก ไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์ใดๆ ขึ้นก็ตาม โดยเฉพาะช่วงหยุดยาว จะเห็นว่าแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ของชลบุรี มีนักท่องเที่ยวกลุ่มครอบครัวเป็นจำนวนมาก จากข้อได้เปรียบเรื่องระยะเวลาการเดินทางที่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ ซึ่งในช่วงไฮซีซันปีนี้เรายังคงเดินหน้าจับตลาดในกลุ่มคนไทย และชาวต่างประเทศควบคู่กันไป โดยเฉพาะในกลุ่มครอบครัว เราได้จัดทำเส้นทางท่องเที่ยวเพื่อเชิญชวนให้ผู้ปกครองพาบุตรหลานไปดูเต่าที่ฐานทัพเรือสัตหีบด้วย”
น.ส.สุลัดดา ยังเผยอีกว่า กลุ่มคนทำงานในโรงงานถือเป็นอีกกลุ่มที่มีศักยภาพ และกำลังซื้อที่น่าสนใจ แต่ที่ผ่านมา ยังไม่มีการเปิดตลาดเพื่อเชิญชวนให้คนกลุ่มนี้ท่องเที่ยวในจังหวัดชลบุรีอย่างจริงจัง ทำให้กลุ่มคนโรงงานที่ส่วนใหญ่เป็นคนต่างถิ่นไม่รู้จักแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ มากนัก ดังนั้นการนำกลุ่มผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว มาพบกับฝ่ายบริหารงานบุคคลของโรงงานต่างๆ และกลุ่มคนทำงานโดยตรงก็จะทำให้ยอดการท่องเที่ยวในพื้นที่เติบโตขึ้นได้
ทั้งนี้ ตัวเลขการท่องเที่ยวโดยรวมของจังหวัดชลบุรี และเมืองพัทยา ในปี 2556 ที่ผ่านมา มียอดนักท่องเที่ยวกว่า 10 ล้านคน แบ่งเป็นชาวไทย 30% และชาวต่างชาติ 70% โดยมีเม็ดเงินจากการท่องเที่ยวถึงหลักแสนล้านบาท และในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2557 เรามียอดนักท่องเที่ยวแล้วกว่า 6 ล้านคน เป็นยอดคนไทยถึง 50% จากผลกระทบจากภาวะการเมืองของไทย และเศรษฐกิจโลกในช่วงกลางปีที่ผ่านมา จึงทำให้ยอดนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะกลุ่มรัสเซียลดลง อย่างไรก็ดี ในช่วงไฮซีซันปีนี้ก็คาดว่านักท่องเที่ยวจะกลับมาคึกคักดังเดิม
“การเปิดตลาดท่องเที่ยวในกลุ่มคนโรงงานถือเป็นครั้งแรกที่ ททท.ทำ จึงยังไม่แน่ใจว่าเราจะได้จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นเท่าใด แต่เพราะเรามองเห็นว่าคนทำงานในโรงงานมีอยู่จำนวนหลายหมื่นคน หากในวันนี้เรานำโปรโมชันพิเศษเข้าทำตลาดก็น่าจะประสบผลสำเร็จได้ ทั้งนี้ โดยเฉลี่ยคนไทยที่มาท่องเที่ยวในเมืองพัทยาจะมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 3.7 พันบาทต่อคนต่อวัน ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายไม่รวมค่าที่พัก โดยจุดขายของพัทยา และชลบุรี ยังคงอยู่ที่เสน่ห์ของหาดทราย และชายทะเล”
ส่วนข่าวความไม่ปลอดภัยในสถานที่ท่องเที่ยวบางแห่งที่กำลังเป็นข่าวอยู่ในขณะนี้ว่า ไม่มีผลกระทบต่อการตัดสินใจเดินทางของนักท่องเที่ยวชาวไทยในเมืองพัทยา และจากข่าวดังกล่าวก็ทำให้รัฐบาล และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ให้ความสนใจดูแลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวในเรื่องต่างๆ มากกว่าที่เป็นอยู่ และพยายามสร้างความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของนักท่องเที่ยวให้มากยิ่งขึ้นด้วย
ขณะที่ นายวสันต์ เต็มศิริพงษ์ ประธานชมรมแหล่งท่องเที่ยวจังหวัดชลบุรี เผยว่า ปัจจุบันตลาดท่องเที่ยวของจังหวัดชลบุรี เริ่มกลับมาดีขึ้นแล้วหลังในช่วงที่ผ่านมาต้องเผชิญต่อสถานการณ์การประท้วง และการทำรัฐประหาร ทำให้คนไทยประหยัดค่าใช้จ่ายเรื่องการเดินทางท่องเที่ยว แต่เมื่อสถานการณ์ทุกอย่างกลับสู่ภาวะปกติ แนวโน้มของตลาดก็เริ่มกลับมาดีดังเดิม
