โดย..เงาศิลป์
(“เงาศิลป์” เกิดทางใต้ แต่เติบโตที่ภาคกลาง และใช้ชีวิตเร่ร่อนในวัยสาวทั่วประเทศไทย เพราะหลงรักเสรีภาพ และการเดินทางมากกว่าทุกสิ่ง เธอจดบันทึกทุกเรื่องราวที่ผ่านเข้ามาในชีวิต จนบัดนี้พยายามปักหลักหยั่งรากบนแผ่นดินอีสาน ทำงานอยู่กับต้นไม้ ยิปซีสาวแห่งทุ่งอักษรผู้แสวงหาอะไรสักอย่างที่ไม่กล้าประกาศออกไป ด้วยความหวังว่าสุดท้าย...อาจได้เจอสิ่งนั้น)
เราไม่ได้กางเต็นท์นอนที่ชายหาดอีก แค่ไปวางตาข่ายช่วงน้ำขึ้นสูงสุดแล้วกลับบ้าน พอถึงช่วงที่น้ำลด ปลาถอยร่นไปตามน้ำติดตาข่าย เราจึงเดินกลับไปปลดปลา คิดเสียว่าเดินเล่นสบายๆ ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง การใช้ชีวิตที่ไม่ต้องใช้เงินมากนัก ทำให้ไม่ต้องเร่งรีบ น้าแกไม่ใช่คนขยันอะไรนัก แต่เป็นคนมีฝีมือในการทำงาน งานแต่ละชิ้นจะต้องเนี้ยบเรียบร้อย ทำแล้วเผลอหลงรักก็ไม่อยากจะขายเสียอีก เรื่องเงินทองถ้าไม่เข้าตาจนจริงๆ ก็ไม่ค่อยอยากจะขยับทำงาน วิถีใครวิถีมันฉันไม่เกี่ยวข้องด้วย เพราะการอยู่ที่เกาะคือ การพักผ่อนหย่อนใจสำหรับฉัน เงินหมดก็ออกไปทำงาน หรือไม่ก็ทำงานหาเงินในเกาะนั่นล่ะ งานฝีมือจำพวกเย็บปักถักร้อย ลูกปัด เปลือกหอย ผ้าฝ้าย ผ้าใยกัญชา ฉันทำได้ทั้งนั้น
ปลายปีนักท่องเที่ยวเริ่มทยอยกันมา จึงมีลูกค้าแวะมาสั่งให้ทำแหวนทำจี้ หรือที่มีตัวอย่างงานที่อยากได้ก็จะเอามาให้ดู งานที่สั่งทำตามแบบน้าแกไม่ค่อยปลื้มเท่าใดนัก แต่มีอยู่ชิ้นหนึ่งที่ฉันเห็นแกทำสุดใจจริงๆ เพราะแบบที่สั่งทำนั้น ได้มาอย่างฉับพลันทันใดจากฝาผนังบ้านนั้นเอง
“นี่ไง”
ฝรั่งหนุ่มน้อยร่างผอมโย่ง ผู้นิยมชมชอบการดำน้ำแต่ก็ชอบของสวยงามด้วย ชี้ไปแมลงตัวหนึ่งที่เกาะนิ่งบนฝาผนังไม่ไกลจากโต๊ะทำงานของเขา น้าแกพยักหน้าหงึกๆ เข้าใจ และยอมรับงาน แกใช้เวลาทำแหวนที่มีหัวแหวนเป็นแมลงตัวนั้นอยู่ราวๆ สองวัน กว่าจะต่อขาต่อหนวดได้ต้องใช้ความตั้งใจจริงๆ เพราะมันคือ แมลงสาบมีขาเยอะหน่อย งานชิ้นเล็กที่สุดที่ฉันเคยเห็น คือ มดแดง ขนาดมันเท่าตัวมดแดงจริงๆ
เนื่องจากงานของน้าชาญ ต้องทำตอนหัวค่ำ เพราะไฟฟ้าจะมีในเวลานั้น บ้านอื่นๆ ละแวกใกล้เคียงก็จะดูทีวีเสียงดัง พอถึง 4 ทุ่ม เสียงทุกอย่างนั้นจะเงียบลง ไฟฟ้าดับ คนเข้านอน แต่น้าชาญจะนั่งทำงานต่อไปด้วยแสงตะเกียงน้ำมันก๊าด การทำงานเครื่องเงินใช้แก๊สพ่นไฟฟู่ๆ ทางหัวเผา การทำงานจะเป็นแบบนี้ทุกค่ำคืน
คืนนั้น ฉันอยากจะโทรศัพท์ไปหาแม่ และบนเกาะมีโทรศัพท์สาธารณะแค่สองเครื่อง เครื่องแรกอยู่ที่แม่หาด หรือตลาดตรงท่าเรือ อีกเครื่องอยู่ในชุมชนดั้งเดิมแต่ห่างจากบ้านราวๆ หนึ่งกิโลเมตร ต้องเดินฝ่าความมืดออกไป ถนนหนทางไม่ได้สว่าง ไม่มีใครอยากจะติดไฟฟ้าให้ถนนอยู่แล้วเพราะสิ้นเปลืองเงินทอง
ฉันเลือกเดินไปที่ร้านชำในหมู่บ้านอยู่ใกล้กว่า ขณะที่เดินเรื่อยเปื่อยสบายอารมณ์จวนใกล้จะถึงร้าน ก็มีรถมอเตอร์ไซค์มาจอดปาดหน้าถามฉันว่าจะไปไหน ฉันบอกว่าจะไปโทรศัพท์ ท่าทางหมอนั่นเหมือนจะเมานิดๆ ร่างเล็กๆ ผอมๆ เหมือนคนสุขภาพไม่ดี แต่สายตาที่เห็นในความสลัวรางช่างน่าเกลียดน่าชัง มีแววหื่นกระหายลวนลามทางสายตาแบบไม่เคยพบเคยเห็น
ฉันตั้งสติทำใจดีสู้ ทีแรกเขาถามฉันเป็นภาษากลางฉันตอบไปเป็นภาษาใต้ เพื่อให้เขารู้ว่าฉันเป็นคนใต้นะ และคนใต้ด้วยกันย่อมจะต้องเกรงใจกันบ้าง ใครจะรู้เล่า บางทีฉันอาจเป็นญาติพี่น้องของคนบนเกาะ แต่ดูเหมือนเขาจะไม่สนใจ ยังคงพยายามชวนคุยยืดเยื้อ ด้วยการถามว่าอยู่ที่ไหน ฉันกำลังจะตอบว่าอยู่บ้านใคร แต่ทันใดนั้นมีรถมอเตอร์ไซค์อีกคันมาจอดพรื่ดข้างๆ ฉัน ชายคนมาใหม่เป็นคนร่างใหญ่กว่า เสียงดังกว่า เขาตะคอกหมอนั่นว่า
“มึงอย่ายุ่งกับน้องเขา จะไปไหนก็ไปซะ” เท่านั้นเอง นายคนนั้นสตาร์ทเครื่องรถขับออกไปทางด้านหลังฉันอย่างรวดเร็ว
“ค่ำๆ มืดๆ อย่าเดินคนเดียวนะ อันตราย” พี่ชายใจดีบอก แล้วเขาก็ขับรถตามนายคนแรกไป ฉันถามผู้หญิงเจ้าของร้านโทรศัพท์ว่าชายผอมๆ คนนั้นเป็นใคร เพราะเห็นเขาขับรถออกมาจากร้านค้าแห่งนี้ คำตอบที่ได้ทำให้ฉันอึ้งไปอีกแล้ว
“คนแถวนี้แหละ” เธอตอบสั้นๆ ห้วนๆ เหมือนไม่อยากจะพูดถึง ฉันมารู้ทีหลังว่าเขาคือใคร
นายคนนั้นคืออันธพาลตัวเอ้ของเกาะ และเป็นเจ้าของซ่องหนึ่งเดียวบนเกาะนี้ มีประวัติชั่วมายาวนาน ตั้งแต่สมัยญวนอพยพแล้วมีกรณีผู้หญิงยวนถูกข่มขืน ร่างถูกโยนทิ้งทะเลลอยไปติดที่หาดของเกาะเล็กๆ ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ เกาะนั้นจึงได้ชื่อว่า “เกาะนางยวน”
จริงเท็จแค่ไหนอย่างไรไม่รู้เรื่องชื่อเกาะ แต่เรื่องการพยายามจะข่มขืนผู้หญิงญวนมีการเล่าขานกันมากมาย ย่อมไม่ใช่เรื่องโกหก เพราะตัวละครมีชื่อชัดเจนทั้งผู้ร้าย และพระเอก
วันหนึ่ง มีเรือชาวเวียดนามลอยมาถึงเกาะ บนเรือมีทั้งเด็ก คนแก่ และหญิงสาว เมื่อพวกเขามาขึ้นบนเกาะตรงแม่หาด (ท่าเรือ) อันธพาลราวๆ (คนเล่าว่ามาอย่างนั้น) 3 คน พยายามจะลวนลามหญิงสาว แต่มีพระเอกเข้ามาขวางเอาไว้ เขาประกาศให้ทุกคนที่มายืนดูเหตุการณ์ และคนชั่วพวกนั้นให้ถอยไป ถ้าใครเข้ามาใกล้คนเวียดนามกลุ่มนี้อีก เขาจะยิง
หนึ่งในคนเลวคือชายคนนี้ และพระเอกคนนั้น คือเจ้าของเกาะนางยวน สมัยนั้นยังไม่มีบ้านพักหรูหราดูดีเหมือนตอนนี้ เขาเพิ่งมาทำธุรกิจ แต่เรียกได้ว่าเป็นจอมยุทธ์อีกคนหนึ่งที่ไม่มีใครกล้าแตะ
พี่ผู้ชายใจดีที่มาช่วยฉัน คือ คนขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ได้รู้จักกันตอนที่ฉันมาอยู่เกาะใหม่ๆ มีเรื่องบางอย่างที่ทำให้เราได้รู้จักกัน เรื่องนั้นสำคัญไม่ใช่น้อยในเวลาต่อมา
(อ่านต่อตอนที่ 7)
(“เงาศิลป์” เกิดทางใต้ แต่เติบโตที่ภาคกลาง และใช้ชีวิตเร่ร่อนในวัยสาวทั่วประเทศไทย เพราะหลงรักเสรีภาพ และการเดินทางมากกว่าทุกสิ่ง เธอจดบันทึกทุกเรื่องราวที่ผ่านเข้ามาในชีวิต จนบัดนี้พยายามปักหลักหยั่งรากบนแผ่นดินอีสาน ทำงานอยู่กับต้นไม้ ยิปซีสาวแห่งทุ่งอักษรผู้แสวงหาอะไรสักอย่างที่ไม่กล้าประกาศออกไป ด้วยความหวังว่าสุดท้าย...อาจได้เจอสิ่งนั้น)
เราไม่ได้กางเต็นท์นอนที่ชายหาดอีก แค่ไปวางตาข่ายช่วงน้ำขึ้นสูงสุดแล้วกลับบ้าน พอถึงช่วงที่น้ำลด ปลาถอยร่นไปตามน้ำติดตาข่าย เราจึงเดินกลับไปปลดปลา คิดเสียว่าเดินเล่นสบายๆ ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง การใช้ชีวิตที่ไม่ต้องใช้เงินมากนัก ทำให้ไม่ต้องเร่งรีบ น้าแกไม่ใช่คนขยันอะไรนัก แต่เป็นคนมีฝีมือในการทำงาน งานแต่ละชิ้นจะต้องเนี้ยบเรียบร้อย ทำแล้วเผลอหลงรักก็ไม่อยากจะขายเสียอีก เรื่องเงินทองถ้าไม่เข้าตาจนจริงๆ ก็ไม่ค่อยอยากจะขยับทำงาน วิถีใครวิถีมันฉันไม่เกี่ยวข้องด้วย เพราะการอยู่ที่เกาะคือ การพักผ่อนหย่อนใจสำหรับฉัน เงินหมดก็ออกไปทำงาน หรือไม่ก็ทำงานหาเงินในเกาะนั่นล่ะ งานฝีมือจำพวกเย็บปักถักร้อย ลูกปัด เปลือกหอย ผ้าฝ้าย ผ้าใยกัญชา ฉันทำได้ทั้งนั้น
ปลายปีนักท่องเที่ยวเริ่มทยอยกันมา จึงมีลูกค้าแวะมาสั่งให้ทำแหวนทำจี้ หรือที่มีตัวอย่างงานที่อยากได้ก็จะเอามาให้ดู งานที่สั่งทำตามแบบน้าแกไม่ค่อยปลื้มเท่าใดนัก แต่มีอยู่ชิ้นหนึ่งที่ฉันเห็นแกทำสุดใจจริงๆ เพราะแบบที่สั่งทำนั้น ได้มาอย่างฉับพลันทันใดจากฝาผนังบ้านนั้นเอง
“นี่ไง”
ฝรั่งหนุ่มน้อยร่างผอมโย่ง ผู้นิยมชมชอบการดำน้ำแต่ก็ชอบของสวยงามด้วย ชี้ไปแมลงตัวหนึ่งที่เกาะนิ่งบนฝาผนังไม่ไกลจากโต๊ะทำงานของเขา น้าแกพยักหน้าหงึกๆ เข้าใจ และยอมรับงาน แกใช้เวลาทำแหวนที่มีหัวแหวนเป็นแมลงตัวนั้นอยู่ราวๆ สองวัน กว่าจะต่อขาต่อหนวดได้ต้องใช้ความตั้งใจจริงๆ เพราะมันคือ แมลงสาบมีขาเยอะหน่อย งานชิ้นเล็กที่สุดที่ฉันเคยเห็น คือ มดแดง ขนาดมันเท่าตัวมดแดงจริงๆ
เนื่องจากงานของน้าชาญ ต้องทำตอนหัวค่ำ เพราะไฟฟ้าจะมีในเวลานั้น บ้านอื่นๆ ละแวกใกล้เคียงก็จะดูทีวีเสียงดัง พอถึง 4 ทุ่ม เสียงทุกอย่างนั้นจะเงียบลง ไฟฟ้าดับ คนเข้านอน แต่น้าชาญจะนั่งทำงานต่อไปด้วยแสงตะเกียงน้ำมันก๊าด การทำงานเครื่องเงินใช้แก๊สพ่นไฟฟู่ๆ ทางหัวเผา การทำงานจะเป็นแบบนี้ทุกค่ำคืน
คืนนั้น ฉันอยากจะโทรศัพท์ไปหาแม่ และบนเกาะมีโทรศัพท์สาธารณะแค่สองเครื่อง เครื่องแรกอยู่ที่แม่หาด หรือตลาดตรงท่าเรือ อีกเครื่องอยู่ในชุมชนดั้งเดิมแต่ห่างจากบ้านราวๆ หนึ่งกิโลเมตร ต้องเดินฝ่าความมืดออกไป ถนนหนทางไม่ได้สว่าง ไม่มีใครอยากจะติดไฟฟ้าให้ถนนอยู่แล้วเพราะสิ้นเปลืองเงินทอง
ฉันเลือกเดินไปที่ร้านชำในหมู่บ้านอยู่ใกล้กว่า ขณะที่เดินเรื่อยเปื่อยสบายอารมณ์จวนใกล้จะถึงร้าน ก็มีรถมอเตอร์ไซค์มาจอดปาดหน้าถามฉันว่าจะไปไหน ฉันบอกว่าจะไปโทรศัพท์ ท่าทางหมอนั่นเหมือนจะเมานิดๆ ร่างเล็กๆ ผอมๆ เหมือนคนสุขภาพไม่ดี แต่สายตาที่เห็นในความสลัวรางช่างน่าเกลียดน่าชัง มีแววหื่นกระหายลวนลามทางสายตาแบบไม่เคยพบเคยเห็น
ฉันตั้งสติทำใจดีสู้ ทีแรกเขาถามฉันเป็นภาษากลางฉันตอบไปเป็นภาษาใต้ เพื่อให้เขารู้ว่าฉันเป็นคนใต้นะ และคนใต้ด้วยกันย่อมจะต้องเกรงใจกันบ้าง ใครจะรู้เล่า บางทีฉันอาจเป็นญาติพี่น้องของคนบนเกาะ แต่ดูเหมือนเขาจะไม่สนใจ ยังคงพยายามชวนคุยยืดเยื้อ ด้วยการถามว่าอยู่ที่ไหน ฉันกำลังจะตอบว่าอยู่บ้านใคร แต่ทันใดนั้นมีรถมอเตอร์ไซค์อีกคันมาจอดพรื่ดข้างๆ ฉัน ชายคนมาใหม่เป็นคนร่างใหญ่กว่า เสียงดังกว่า เขาตะคอกหมอนั่นว่า
“มึงอย่ายุ่งกับน้องเขา จะไปไหนก็ไปซะ” เท่านั้นเอง นายคนนั้นสตาร์ทเครื่องรถขับออกไปทางด้านหลังฉันอย่างรวดเร็ว
“ค่ำๆ มืดๆ อย่าเดินคนเดียวนะ อันตราย” พี่ชายใจดีบอก แล้วเขาก็ขับรถตามนายคนแรกไป ฉันถามผู้หญิงเจ้าของร้านโทรศัพท์ว่าชายผอมๆ คนนั้นเป็นใคร เพราะเห็นเขาขับรถออกมาจากร้านค้าแห่งนี้ คำตอบที่ได้ทำให้ฉันอึ้งไปอีกแล้ว
“คนแถวนี้แหละ” เธอตอบสั้นๆ ห้วนๆ เหมือนไม่อยากจะพูดถึง ฉันมารู้ทีหลังว่าเขาคือใคร
นายคนนั้นคืออันธพาลตัวเอ้ของเกาะ และเป็นเจ้าของซ่องหนึ่งเดียวบนเกาะนี้ มีประวัติชั่วมายาวนาน ตั้งแต่สมัยญวนอพยพแล้วมีกรณีผู้หญิงยวนถูกข่มขืน ร่างถูกโยนทิ้งทะเลลอยไปติดที่หาดของเกาะเล็กๆ ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ เกาะนั้นจึงได้ชื่อว่า “เกาะนางยวน”
จริงเท็จแค่ไหนอย่างไรไม่รู้เรื่องชื่อเกาะ แต่เรื่องการพยายามจะข่มขืนผู้หญิงญวนมีการเล่าขานกันมากมาย ย่อมไม่ใช่เรื่องโกหก เพราะตัวละครมีชื่อชัดเจนทั้งผู้ร้าย และพระเอก
วันหนึ่ง มีเรือชาวเวียดนามลอยมาถึงเกาะ บนเรือมีทั้งเด็ก คนแก่ และหญิงสาว เมื่อพวกเขามาขึ้นบนเกาะตรงแม่หาด (ท่าเรือ) อันธพาลราวๆ (คนเล่าว่ามาอย่างนั้น) 3 คน พยายามจะลวนลามหญิงสาว แต่มีพระเอกเข้ามาขวางเอาไว้ เขาประกาศให้ทุกคนที่มายืนดูเหตุการณ์ และคนชั่วพวกนั้นให้ถอยไป ถ้าใครเข้ามาใกล้คนเวียดนามกลุ่มนี้อีก เขาจะยิง
หนึ่งในคนเลวคือชายคนนี้ และพระเอกคนนั้น คือเจ้าของเกาะนางยวน สมัยนั้นยังไม่มีบ้านพักหรูหราดูดีเหมือนตอนนี้ เขาเพิ่งมาทำธุรกิจ แต่เรียกได้ว่าเป็นจอมยุทธ์อีกคนหนึ่งที่ไม่มีใครกล้าแตะ
พี่ผู้ชายใจดีที่มาช่วยฉัน คือ คนขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ได้รู้จักกันตอนที่ฉันมาอยู่เกาะใหม่ๆ มีเรื่องบางอย่างที่ทำให้เราได้รู้จักกัน เรื่องนั้นสำคัญไม่ใช่น้อยในเวลาต่อมา
(อ่านต่อตอนที่ 7)