น่าน - ชาวบ้านห้วยโทน ชุมชนกลางป่าดอยภูคา-ป่าผาแดง กว่า 500 ชีวิตเดือดร้อนหนัก ครวญไม่เคยมีไฟฟ้าใช้ ต้องใช้ชีวิตใต้แสงเทียน-แสงตะเกียงมานาน ล่าสุดยื่นเรื่องขอขยายเขตไฟฟ้า แต่เรื่องติดค้างพิจารณาที่กรมป่าไม้นานกว่า 1 ปีไม่คืบหน้า
วันนี้ (27 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ชาวบ้านห้วยโทน หมู่ 2 ต.ดงพญา อ.บ่อเกลือ จ.น่าน จำนวน 104 ครัวเรือน 506 ชีวิต ได้พากันออกมาเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ไขปัญหา หลังหมู่บ้านไม่เคยมีไฟฟ้าใช้และต้องทนอยู่อย่างลำบากมานาน ล่าสุดเมื่อเริ่มมีความหวังจะได้ใช้ไฟฟ้า แต่ปรากฏว่าเรื่องยังติดค้างการพิจารณาที่กรมป่าไม้นานกว่า 1 ปี เนื่องจากพื้นที่หมู่บ้านห้วยโทนตั้งอยู่ในป่าสงวนแห่งชาติดอยภูคา และป่าผาแดง
นายศุภัทรพงศ์ ศุทธกูลการณ์ ผู้ใหญ่บ้านห้วยโทน หมู่ 2 ต.ดงพญา อ.บ่อเกลือ เปิดเผยว่า หมู่บ้านห้วยโทนเป็นหมู่บ้านบนไหล่เขา ติดชายแดนไทย-ลาว ห่างจากอำเภอบ่อเกลือ 17 กิโลเมตร มีถนนดินลูกรังเข้าหมู่บ้าน 9 กิโลเมตร ประชากร 104 หลังคาเรือน ราษฎรจำนวน 506 คน ทั้งหมู่บ้านไม่เคยมีไฟฟ้าใช้มาก่อน ทำให้ชาวบ้านใช้ชีวิตประจำวันลำบากเป็นอย่างมาก ต้องใช้เทียน ตะเกียงน้ำมัน และไฟฉายเป็นหลัก หลายบ้านต้องเสี่ยงกับไฟไหม้ ไม่สามารถเก็บรักษาถนอมอาหารได้เนื่องจากไม่มีตู้เย็น
“ที่สำคัญไม่สามารถรับรู้ข่าวสารจากภายนอกได้เลย ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ ทำให้เวลาเกิดภัยพิบัติจะประสานข้อมูล และการช่วยเหลือจะเข้าถึงชาวบ้านได้ล่าช้า”
นายศุภัทรพงศ์บอกว่า ช่วงปี 2551 หรือ 5 ปีที่ผ่านมามีการใช้แผงโซลาเซลล์เข้ามาช่วยบรรเทาความเดือดร้อน แต่ก็มีเพียงร้อยละ 30 หรือประมาณ 30 กว่าหลังคาเรือนเท่านั้นที่ได้รับโอกาสติดโซลาร์เซลล์ แต่ทุกวันนี้บ้านที่ติดโซลาร์เซลล์ส่วนใหญ่ก็ไม่มีไฟฟ้าใช้เช่นกัน เนื่องจากชุดโซลาร์เซลล์มีอายุการใช้งานสั้น และมีค่าใช้จ่ายซ่อมบำรุงสูง ส่วนบ้านที่ยังใช้การได้ก็ใช้งานได้เพียงระยะเวลาสั้นๆ เพียงวันละ 30 กว่านาทีเท่านั้น
นอกจากปัญหาเรื่องไฟฟ้าแล้ว ยังมีปัญหาเรื่องถนนเข้าหมู่บ้านระยะทาง 9 กิโลเมตร ที่เป็นดินลูกรัง ในช่วงหน้าฝนชาวบ้านจะได้รับผลกระทบมาก โดยเฉพาะคนป่วย และเด็กนักเรียน 67 คน ที่เป็นทั้งเด็กเล็กระดับอนุบาล-ม.3 ที่ต้องเดินทางออกไปเรียนหนังสือที่โรงเรียนสปัน
นางสาววันเพ็ญ ใจปิง อยู่บ้านเลขที่ 1 หมู่ 2 ต.ดงพญา อ.บ่อเกลือ เล่าว่า ตนต้องดูแลพี่สาวคือ นางสาววันดี ใจปิง อายุ 31 ปี ที่ป่วยเป็นอัมพาตไม่สามารถดูแลตัวเองได้ เนื่องจากตอนอายุ 14 ปีป่วยเป็นไข้มาลาเรีย แต่ออกจากหมู่บ้านไปรักษาตัวไม่ทัน ในที่สุดก็กลายเป็นคนพิการ
“ทุกวันนี้ก็ลำบากมาก เนื่องจากไม่มีไฟฟ้าใช้ ต้องใช้เทียนไขแทน ซึ่งต้องคอยเฝ้าระวังตลอด กลัวว่าพี่สาวที่ป่วยจะคลานไปโดนเทียนไขจนไฟไหม้บ้าน นอกจากนี้ก็ยังพาพี่สาวออกไปรับการรักษาและทำกายภาพบำบัดได้อย่างยากลำบากด้วย เนื่องจากถนนเข้าออกหมู่บ้านไม่ดี”
นายเขียว ใจปิง อายุ 92 ปี อยู่บ้านเลขที่ 25 หมู่บ้านเดียวกัน บอกว่า ต้องใช้ชีวิตยากลำบาก เนื่องจากเป็นผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัวเป็นมะเร็งลำไส้ ต้องได้รับการรักษาที่โรงพยาบาลน่าน ก็ต้องใช้ชีวิตท่ามกลางความมืด ไม่มีไฟฟ้าใช้ ต้องมีลูกหลานดูแลใกล้ชิด โดยเฉพาะกลางคืนที่ต้องเข้าห้องน้ำ และการใช้เทียนไขให้แสงสว่างก็ทำให้เสี่ยงต่อเหตุไฟไหม้
นอกจากนี้ยังต้องเข้าไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลน่าน โดยเหมารถรับจ้างครั้งละประมาณ 2,500 บาท เพื่อออกจากหมู่บ้านไปนอนค้างในตัวเมืองด้วย เพื่อรอการรักษาในอีกวันเนื่องจากระยะทางไกล
นายเมธวัฒน์ พุทธิธาดากุล นายก อบต.ดงพญา กล่าวว่า พยายามร้องขอขยายเขตไฟฟ้าเข้าสู่บ้านห้วยโทน หมู่ 2 มานานหลายปี จนชาวบ้านห้วยโทน นำโดยพระธนศักดิ์ ธมฺมทีโป ได้ร่วมกันยื่นถวายฎีกา เมื่อคราวองค์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมโรงเรียนบ้านสะปัน หมู่ 1 ต.ดงพญา 10 มีนาคม 2557
ซึ่งความคืบหน้าล่าสุด คือการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค สาขาปัว มีความพร้อมที่จะเข้าดำเนินการขยายเขตไฟฟ้าและติดตั้งหม้อแปลงเพื่อจ่ายกระแสไฟฟ้าเข้าหมู่บ้านห้วยโทน โดยจะใช้ระยะเวลาประมาณ 3 เดือน และได้ขออนุญาตเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่เขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าดอยภูคา และป่าผาแดง และสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 3 สาขาแพร่ ได้ตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าวแล้ว ไม่ขัดต่อระเบียบกรมป่าไม้ เห็นควรอนุญาตดำเนินการได้ พร้อมกับส่งเรื่องไปยังกรมป่าไม้เพื่อพิจารณาอนุญาตตั้งแต่เดือนตุลาคม 2556 แต่จนถึงขณะนี้เป็นระยะเวลานานกว่า 1 ปีแล้วที่เรื่องดังกล่าวยังค้างอยู่ที่กรมป่าไม้
“ความเดือดร้อนเรื่องไฟฟ้าและถนนยังคงเป็นปัญหาหลักของ 7 หมู่บ้านหลักและ 10 หมู่บ้านสาขา ในพื้นที่ตำบลดงพญา อ.บ่อเกลือ โดยเฉพาะ บ้านขุนน้ำจร หมู่ 5 ต.ดงพญา ที่ยังไม่มีทั้งถนนและไฟฟ้า”