ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตคนใหม่ เผยหลักทำงานยึดการมีส่วนร่วมของประชาชน พร้อมให้ภาคธุรกิจเป็นผู้นำด้านการท่องเที่ยว โดยหน่วยงานภาครัฐเป็นผู้สนับสนุนเสริมศักยภาพในการพัฒนาเพื่อรองรับการเติบโตของเมือง พร้อมย้ำคนภูเก็ตต้องมีความภาคภูมิใจในความเป็นภูเก็ต เพื่อร่วมกันพัฒนาภูเก็ตให้ก้าวหน้า ขณะที่การจัดระเบียบชายหาดต่างๆ ในพื้นที่นั้นยังไม่มีนโยบาย แต่จะต้องทำสิ่งที่ดีที่สุดให้เกิดขึ้นแก่ภูเก็ต
วันนี้ (1 ต.ค.) ที่ท่าอากาศยานภูเก็ต นายนิสิต จันทร์สมวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตคนใหม่ ซึ่งเดินทางมาพร้อมด้วยภริยา นางณัสรี จันทร์สมวงศ์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดภูเก็ต เดินทางมารับตำแหน่งที่จังหวัดภูเก็ตแล้ว โดยมี นายสมเกียรติ สัขข์ขาวสุทธิรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วย นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายประเจียด อักษรธรรมกุล หัวหน้าสำนักงานจังหวัดภูเก็ต ตลอดจนหัวหน้าส่วนราชการ ภาครัฐ เอกชน ร่วมให้การต้อนรับ จากนั้นคณะได้เดินทางไปสักการะศาลหลักเมืองภูเก็ต อนุสาวรีย์ท้าวเทพกระษัตรี-ท้าวศรีสุนทร ต.ศรีสุนทร อ.ถลาง หลวงพ่อแช่มวัดฉลอง ต.ฉลอง อ.เมืองภูเก็ต สักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 5 หน้าศาลากลางจังหวัดภูเก็ต
หลังจากนั้น นายนิสิต จันทร์สมวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต คนใหม่ ได้กล่าวต่อผู้สื่อข่าวถึงแนวนโยบายการบริหารงาน ว่า ในส่วนของการบริหารงานนั้นในส่วนของจังหวัดภูเก็ตวิสัยทัศน์ในการพัฒนา คือ ภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีมาตรฐานระดับโลก ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีอยู่แล้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกคนที่มาก็ต้องยึดถือนโยบาย และทำเพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการพัฒนาจังหวัดเพื่อให้เป็นไปตามวิสัยทัศน์ที่กำหนดไว้ ขณะที่นโยบายของ คสช. เป็นสิ่งที่จังหวัดทำมาแล้ว แต่จะทำอย่างไรเพื่อให้วิถีชุมชนให้สามารถอยู่ร่วมกันได้ เรื่องนี้ก็ต้องมาศึกษามาเรียนรู้ มาศึกษาปัญหาอุปสรรคร่วมกัน ซึ่งเรื่องนี้ก็จะต้องมาคุยกันซึ่งเรื่องของการจัดระเบียบตามนโยบาย คสช.นั้นเป็นเรื่องที่จะต้องทำ แต่หลังจากทำแล้วจะต้องมีคำตอบหลังจากจัดระเบียบว่าจะทำอย่างไรให้ชุมชน สังคมสามารถอยู่ร่วมกันได้ และอยู่ร่วมกันอย่างมีระเบียบ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่คนภูเก็ตจะต้องมานั่งปรึกษาหารือกัน
สำหรับหลักในการบริหารงานราชการของตนนั้น ยึดหลักภายใต้แนวความคิดเดียว คือ “การมีส่วนร่วมของประชาชนในการดำเนินงาน” ซึ่งตนเคยทำมาแล้วในสมัยที่เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี ตนจะบริหารงานเรื่องใดก็จะมีการสอบถามความคิดเห็นของประชาชนก่อน เพื่อให้ประชาชนร่วมกันคิด และเข้ามามีส่วนร่วมในการเสนอแนะและช่วยเหลือ ซึ่งตนคิดว่าวิธีเป็นวิธีที่ถูกต้องในการอยู่ร่วมกัน และเป็นหัวใจสำคัญในการบริหารงานให้ประสบความสำเร็จ ซึ่งเป็นวิธีการที่จะทำอย่างไรให้คนที่อยู่ในภูเก็ต หรือคนที่เข้ามาอยู่ในภูเก็ตมีความภาคภูมิใจในจังหวัดของเขาเอง อย่าลืมว่าคนที่อยู่ในภูเก็ตนั้นเป็นคนพื้นถิ่นประมาณ 3 แสนกว่าคน และมีคนจากที่อื่นอีกจำนวนมาก จะทำอย่างไรให้คนที่มาอยู่ในภูเก็ตรู้สึกรักภูเก็ต เมื่อคนเหล่านี้มีความรู้สึกรักบ้านรักเมือง คนเหล่านี้ก็จะเข้ามาทำประโยชน์ และช่วยเหลือดูแลภูเก็ตร่วมกัน คนที่มาอยู่ภูเก็ตก็ต้องมีหัวใจเป็นคนภูเก็ต และพร้อมที่จะทำอะไรให้แก่จังหวัดภูเก็ตซึ่งจุดนี้ถือว่าเป็นพื้นฐานสำคัญที่จะทำให้การพัฒนาภูเก็ตเดินหน้าไปได้
นายนิสิต ยังได้กล่าวต่อไปว่า สิ่งที่อยากฝาก และจะต้องยึดถือปฏิบัติคือ เรื่องของการสร้างค่านิยมของชาติ ซึ่งอาจจะใช้คำว่าค่านิยม 12 ประการ หรือค่านิยมอื่นใดก็ได้ที่จะเป็นค่านิยมที่ทำให้คนไทยมีความรัก ความสามัคคี มีความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ มีวินัย สิ่งต่างๆเหล่านี้มีธรรมาภิบาล สิ่งต่างๆ เหล่านี้เป็นสิ่งที่ต้องร่วมมือกันทำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจังหวัดภูเก็ตเป็นจังหวัดที่มีองค์กร หรือส่วนราชการไม่มาก ตนเชื่อว่าความเข้มแข็งต่างๆ เป็นเรื่องที่เป็นไปได้
ขณะที่แนวทางในการพัฒนาทางด้านการท่องเที่ยวนั้น นายนิสิต กล่าวว่า ในเรื่องของการพัฒนาท่องเที่ยวในภูเก็ตต้องให้ภาคเอกชนเป็นผู้นำ เพราะเขาเจริญก้าวหน้าไปถึงระดับโลกหมดแล้ว ซึ่งในส่วนราชการก็เข้ามาทำหน้าที่ในการสนับสนุน และทำหน้าที่ในการเพิ่มสมรรถภาพเพื่อให้รองรับความเติบโตของภูเก็ตให้ได้ ซึ่งปัจจุบันภูเก็ตมีนักท่องเที่ยวเข้ามาภูเก็ตกว่า 11 ล้านคน เพราะมีนักท่องเที่ยวที่ชื่นชมหลงใหล และต้องการที่จะเข้ามาท่องเที่ยวที่ภูเก็ต ในฐานะที่เป็นส่วนราชการเราก็มีหน้าที่ที่จะต้องมาคิดว่าจะต้องทำอย่างไรในการเพิ่มศักยภาพรองรับนักท่องเที่ยวที่จะเพิ่มเข้ามา และรองรับความเติบโตของนักท่องเที่ยว ทำอย่างไรให้นักท่องเที่ยวมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ทำอย่างไรให้บ้านเมืองมีความสะอาดมากยิ่งขึ้น รวมทั้งจะทำอย่างไรให้คนที่อยู่ในภูเก็ต และชาวภูเก็ตมีอัธยาศัยไมตรีในการต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วยความพอเพียง
ซึ่งความพอเพียงของตนนั้นหมายถึงความสุภาพ ความอ่อนน้อม การไหว้ การยิ้มทักทายนักท่องเที่ยว การช่วยเหลือดูแลนักท่องเที่ยว ไม่คิดค้ากำไร ไม่เห็นแก่ได้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถ้าทำได้จะสร้างความพึงพอใจให้แก่นักท่องเที่ยว อัธยาศัยไมตรีถือว่าเป็นสิ่งที่จะต้องสร้างสรรค์ให้เกิดขึ้น โดยส่วนตัวคิดว่าการที่จะให้ภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยวมาตรฐานระดับโลก ที่จะทำให้คนเข้ามาท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น มาตรฐานทางด้านจิตใจ มาตรฐานทางอัธยาศัยไมตรีก็ต้อถึง มาตรฐานความปลอดภัยก็ได้ ความเป็นเมืองสะอาดต้องทำให้ได้ ประชาชนก็ต้องอยู่ได้ในสภาวะค่าครองชีพที่สูงขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่อยากเห็น แต่สิ่งเหล่านี่จะเกิดได้คนภูเก็ตจะต้องมีความภาคภูมิใจในจังหวัดของเขา คนภูเก็ตจะต้องภาคภูมิใจที่จะทำให้ภูเก็ตมีสิ่งอื่นเข้ามาดึงดูดนักท่องเที่ยวนอกเหนือจากแหล่งท่องเที่ยวที่มีความสวยงาม นั่นก็คือความมีน้ำใจ และอัธยาศัยที่ดีของคนภูเก็ตถ้าทำได้จะให้ภูเก็ตก้าวต่อไปได้อย่างแน่นอน
นายนิสิต ยังได้กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้นโยบายที่สำคัญที่สุดของ คสช. คือ การจัดตั้งศูนย์ดำรงธรรม เพื่อคืนความสุขให้แก่ประชาชน ประชาชนจะมีความสุขได้ก็ต้องแก้ไขปัญหาความเดือดเนื้อร้อนใจให้แก่ประชาชนได้ ถ้าทุกส่วนราชการสามารถผนึกกำลังเข้าไปแก้ไขปัญหาให้แก่ประชาชนได้ ประชาชนก็จะพอใจ และชื่นใจต่อการทำงานของส่วนราชการที่ร่วมมือกันทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน ซึ่งงานแบบนี้เป็นงานที่ต้องการส่วนร่วม ซึ่งในการทำงานของตนนั้นอาจจะทำให้หลายหน่วยงานต้องมีการเปลี่ยนแปลงการทำงาน ซึ่งจะต้องทำอย่างไรให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นทุกคนหันมาเสียสละเพื่อให้เกิดความร่วมไม้ร่วมมือในการแก้ไขปัญหาให้แก่จังหวัดภูเก็ต ซึ่งจังหวัดภูเก็ตเป็นจังหวัดที่คนรู้จักมาก จึงอยากจะสื่อไปยังคนภูเก็ตว่า คนภูเก็ตจะสร้างความภาคภูมิใจให้เกิดขึ้นอย่างไร จะทำอย่างไรให้ทุกคนเข้ามาร่วมกันแก้ไขปัญหาอย่างไร ซึ่งปัญหาภูเก็ตเป็นปัญหาที่ลึกซึ่ง ถึงวันนี้ตนยังไม่ลงลึกเพราะเป็นเรื่องที่สำคัญการจะทำอะไรต้องมีการปรึกษาหารือกันก่อน
“การทำงานนั้นตนไม่สามารถทำงานคนเดียวได้ การทำอะไรต้องมีการปรึกษาหารือกับทุกส่วนราชการ ซึ่งจะต้องมีการบูรณาการทุกส่วนมาทำงานร่วมกัน จะต้องให้เกียรติทุกส่วนราชการ ตนไม่สามารถทำงานคนเดียวได้ ตนยังไม่เก่งพอ ตนเพิ่งเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดเพียงแค่ปีเดียว ยังไม่เก่งพอ แต่สัญญากับคนภูเก็ตว่าจะทำให้บ้านเมืองนี้ดีที่สุด และตั้งใจทำให้ทุกคนมีความสุข ซึ่งทุกเรื่องมีความสำคัญเท่าเทียมกันหมด สิ่งที่อยากเห็นคือ เห็นคนภูเก็ตบริหารจัดการภูเก็ตเอง”
นายนิสิต ยังได้กล่าวต่อไปถึงการจัดระเบียบชายหาด ว่า เรื่องนี้ตนยังไม่มีนโยบาย แต่คิดว่าจะต้องมีการประชุมร่วมกันทั้งฝ่ายรัฐ เอกชน ผู้ประกอบการโรงแรม องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประชาชนที่เดือดร้อน ซึ่งจะต้องมาคุยกันเพื่อให้ทราบข้อเท็จจริง ซึ่งแต่ละหาดปัญหาไม่เหมือนกัน มีความแตกต่างกันออกไป ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะต้องมาคุยกัน เพื่อให้เกิดสิ่งที่ดีที่สุดแก่ภูเก็ต การทำสิ่งที่ดีที่สุดก็ต้องมีผู้เสียสละบ้าง คนที่ได้ประโยชน์บ้าง ที่สำคัญทุกคนจะต้องมีจุดยืนร่วมกันเพื่อให้เกิดสิ่งที่ดีที่สุดแก่ภูเก็ต
สำหรับ นายนิสิต จันทร์สมวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต คนใหม่ เกิดเมื่อ 24 กันยายน 2505 จบการศึกษาปริญญาโท รัฐศาสตรมหาบัณฑิต (รางวัลวิทยานิพนธ์ดีเด่น) : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (2530) ประวัติการดำรงตำแหน่ง 2 มิ.ย.2546 บุคลากร 8 ว กลุ่มงานวางแผนอัตรากำลังและพัฒนาระบบงาน กองการเจ้าหน้าที่ สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย 2 ต.ค.2546 เจ้าหน้าที่วิเคราะห์นโยบายและแผน 8 ว กลุ่มงานสังคม สำนักบริหารการประชุมคณะรัฐมนตรี 18 ก.พ.2548 ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนายุทธศาสตร์และระบบการบริหารงาน (เจ้าหน้าที่วิเคราะห์นโยบายและแผน 9 ชช ) กลุ่มพัฒนาระบบบริหาร 18 ต.ค.2549
ผู้อำนวยการสำนักพัฒนายุทธศาสตร์และติดตามนโยบายพิเศษ (เจ้าหน้าที่วิเคราะห์นโยบายและแผน 9) 2 ต.ค.2551 ผู้อำนวยการสำนัก (เจ้าหน้าที่วิเคราะห์นโยบายและแผน 9) สำนักนโยบายและแผน สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย 16 ต.ค.2552 รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ 16 ก.พ.2553 รองอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน 30 พ.ย.2554 ผอ.ศบภ. สำนักนายกรัฐมนตรี อีกตำแหน่งหนึ่ง 2 เม.ย.2555 ที่ปรึกษาด้านการบริหารงานจังหวัดแบบบูรณาการ สป.มท. (รกน.) 25 มิ.ย.2555
รอง ผอ.สำนักงานคณะกรรมการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีแห่งชาติสำนักนายกรัฐมนตรี อีกตำแหน่งหนึ่ง 2 ต.ค.2551 ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย 26 ต.ค.2552 รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ 16 ก.พ.2553 รองอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน 17 ต.ค.2555 ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย รับผิดชอบเขตตรวจราชการที่ 1(นนทบุรี ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา สระบุรี) และรับผิดชอบเขตตรวจราชการที่ 18 (กำแพงเพชร พิจิตร นครสวรรค์ อุทัยธานี) 1 ต.ค.2556 ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคิรีขันธ์ 2 ต.ค.2556 ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี
วันนี้ (1 ต.ค.) ที่ท่าอากาศยานภูเก็ต นายนิสิต จันทร์สมวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตคนใหม่ ซึ่งเดินทางมาพร้อมด้วยภริยา นางณัสรี จันทร์สมวงศ์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดภูเก็ต เดินทางมารับตำแหน่งที่จังหวัดภูเก็ตแล้ว โดยมี นายสมเกียรติ สัขข์ขาวสุทธิรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วย นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายประเจียด อักษรธรรมกุล หัวหน้าสำนักงานจังหวัดภูเก็ต ตลอดจนหัวหน้าส่วนราชการ ภาครัฐ เอกชน ร่วมให้การต้อนรับ จากนั้นคณะได้เดินทางไปสักการะศาลหลักเมืองภูเก็ต อนุสาวรีย์ท้าวเทพกระษัตรี-ท้าวศรีสุนทร ต.ศรีสุนทร อ.ถลาง หลวงพ่อแช่มวัดฉลอง ต.ฉลอง อ.เมืองภูเก็ต สักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 5 หน้าศาลากลางจังหวัดภูเก็ต
หลังจากนั้น นายนิสิต จันทร์สมวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต คนใหม่ ได้กล่าวต่อผู้สื่อข่าวถึงแนวนโยบายการบริหารงาน ว่า ในส่วนของการบริหารงานนั้นในส่วนของจังหวัดภูเก็ตวิสัยทัศน์ในการพัฒนา คือ ภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีมาตรฐานระดับโลก ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีอยู่แล้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกคนที่มาก็ต้องยึดถือนโยบาย และทำเพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการพัฒนาจังหวัดเพื่อให้เป็นไปตามวิสัยทัศน์ที่กำหนดไว้ ขณะที่นโยบายของ คสช. เป็นสิ่งที่จังหวัดทำมาแล้ว แต่จะทำอย่างไรเพื่อให้วิถีชุมชนให้สามารถอยู่ร่วมกันได้ เรื่องนี้ก็ต้องมาศึกษามาเรียนรู้ มาศึกษาปัญหาอุปสรรคร่วมกัน ซึ่งเรื่องนี้ก็จะต้องมาคุยกันซึ่งเรื่องของการจัดระเบียบตามนโยบาย คสช.นั้นเป็นเรื่องที่จะต้องทำ แต่หลังจากทำแล้วจะต้องมีคำตอบหลังจากจัดระเบียบว่าจะทำอย่างไรให้ชุมชน สังคมสามารถอยู่ร่วมกันได้ และอยู่ร่วมกันอย่างมีระเบียบ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่คนภูเก็ตจะต้องมานั่งปรึกษาหารือกัน
สำหรับหลักในการบริหารงานราชการของตนนั้น ยึดหลักภายใต้แนวความคิดเดียว คือ “การมีส่วนร่วมของประชาชนในการดำเนินงาน” ซึ่งตนเคยทำมาแล้วในสมัยที่เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี ตนจะบริหารงานเรื่องใดก็จะมีการสอบถามความคิดเห็นของประชาชนก่อน เพื่อให้ประชาชนร่วมกันคิด และเข้ามามีส่วนร่วมในการเสนอแนะและช่วยเหลือ ซึ่งตนคิดว่าวิธีเป็นวิธีที่ถูกต้องในการอยู่ร่วมกัน และเป็นหัวใจสำคัญในการบริหารงานให้ประสบความสำเร็จ ซึ่งเป็นวิธีการที่จะทำอย่างไรให้คนที่อยู่ในภูเก็ต หรือคนที่เข้ามาอยู่ในภูเก็ตมีความภาคภูมิใจในจังหวัดของเขาเอง อย่าลืมว่าคนที่อยู่ในภูเก็ตนั้นเป็นคนพื้นถิ่นประมาณ 3 แสนกว่าคน และมีคนจากที่อื่นอีกจำนวนมาก จะทำอย่างไรให้คนที่มาอยู่ในภูเก็ตรู้สึกรักภูเก็ต เมื่อคนเหล่านี้มีความรู้สึกรักบ้านรักเมือง คนเหล่านี้ก็จะเข้ามาทำประโยชน์ และช่วยเหลือดูแลภูเก็ตร่วมกัน คนที่มาอยู่ภูเก็ตก็ต้องมีหัวใจเป็นคนภูเก็ต และพร้อมที่จะทำอะไรให้แก่จังหวัดภูเก็ตซึ่งจุดนี้ถือว่าเป็นพื้นฐานสำคัญที่จะทำให้การพัฒนาภูเก็ตเดินหน้าไปได้
นายนิสิต ยังได้กล่าวต่อไปว่า สิ่งที่อยากฝาก และจะต้องยึดถือปฏิบัติคือ เรื่องของการสร้างค่านิยมของชาติ ซึ่งอาจจะใช้คำว่าค่านิยม 12 ประการ หรือค่านิยมอื่นใดก็ได้ที่จะเป็นค่านิยมที่ทำให้คนไทยมีความรัก ความสามัคคี มีความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ มีวินัย สิ่งต่างๆเหล่านี้มีธรรมาภิบาล สิ่งต่างๆ เหล่านี้เป็นสิ่งที่ต้องร่วมมือกันทำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจังหวัดภูเก็ตเป็นจังหวัดที่มีองค์กร หรือส่วนราชการไม่มาก ตนเชื่อว่าความเข้มแข็งต่างๆ เป็นเรื่องที่เป็นไปได้
ขณะที่แนวทางในการพัฒนาทางด้านการท่องเที่ยวนั้น นายนิสิต กล่าวว่า ในเรื่องของการพัฒนาท่องเที่ยวในภูเก็ตต้องให้ภาคเอกชนเป็นผู้นำ เพราะเขาเจริญก้าวหน้าไปถึงระดับโลกหมดแล้ว ซึ่งในส่วนราชการก็เข้ามาทำหน้าที่ในการสนับสนุน และทำหน้าที่ในการเพิ่มสมรรถภาพเพื่อให้รองรับความเติบโตของภูเก็ตให้ได้ ซึ่งปัจจุบันภูเก็ตมีนักท่องเที่ยวเข้ามาภูเก็ตกว่า 11 ล้านคน เพราะมีนักท่องเที่ยวที่ชื่นชมหลงใหล และต้องการที่จะเข้ามาท่องเที่ยวที่ภูเก็ต ในฐานะที่เป็นส่วนราชการเราก็มีหน้าที่ที่จะต้องมาคิดว่าจะต้องทำอย่างไรในการเพิ่มศักยภาพรองรับนักท่องเที่ยวที่จะเพิ่มเข้ามา และรองรับความเติบโตของนักท่องเที่ยว ทำอย่างไรให้นักท่องเที่ยวมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ทำอย่างไรให้บ้านเมืองมีความสะอาดมากยิ่งขึ้น รวมทั้งจะทำอย่างไรให้คนที่อยู่ในภูเก็ต และชาวภูเก็ตมีอัธยาศัยไมตรีในการต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วยความพอเพียง
ซึ่งความพอเพียงของตนนั้นหมายถึงความสุภาพ ความอ่อนน้อม การไหว้ การยิ้มทักทายนักท่องเที่ยว การช่วยเหลือดูแลนักท่องเที่ยว ไม่คิดค้ากำไร ไม่เห็นแก่ได้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถ้าทำได้จะสร้างความพึงพอใจให้แก่นักท่องเที่ยว อัธยาศัยไมตรีถือว่าเป็นสิ่งที่จะต้องสร้างสรรค์ให้เกิดขึ้น โดยส่วนตัวคิดว่าการที่จะให้ภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยวมาตรฐานระดับโลก ที่จะทำให้คนเข้ามาท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น มาตรฐานทางด้านจิตใจ มาตรฐานทางอัธยาศัยไมตรีก็ต้อถึง มาตรฐานความปลอดภัยก็ได้ ความเป็นเมืองสะอาดต้องทำให้ได้ ประชาชนก็ต้องอยู่ได้ในสภาวะค่าครองชีพที่สูงขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่อยากเห็น แต่สิ่งเหล่านี่จะเกิดได้คนภูเก็ตจะต้องมีความภาคภูมิใจในจังหวัดของเขา คนภูเก็ตจะต้องภาคภูมิใจที่จะทำให้ภูเก็ตมีสิ่งอื่นเข้ามาดึงดูดนักท่องเที่ยวนอกเหนือจากแหล่งท่องเที่ยวที่มีความสวยงาม นั่นก็คือความมีน้ำใจ และอัธยาศัยที่ดีของคนภูเก็ตถ้าทำได้จะให้ภูเก็ตก้าวต่อไปได้อย่างแน่นอน
นายนิสิต ยังได้กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้นโยบายที่สำคัญที่สุดของ คสช. คือ การจัดตั้งศูนย์ดำรงธรรม เพื่อคืนความสุขให้แก่ประชาชน ประชาชนจะมีความสุขได้ก็ต้องแก้ไขปัญหาความเดือดเนื้อร้อนใจให้แก่ประชาชนได้ ถ้าทุกส่วนราชการสามารถผนึกกำลังเข้าไปแก้ไขปัญหาให้แก่ประชาชนได้ ประชาชนก็จะพอใจ และชื่นใจต่อการทำงานของส่วนราชการที่ร่วมมือกันทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน ซึ่งงานแบบนี้เป็นงานที่ต้องการส่วนร่วม ซึ่งในการทำงานของตนนั้นอาจจะทำให้หลายหน่วยงานต้องมีการเปลี่ยนแปลงการทำงาน ซึ่งจะต้องทำอย่างไรให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นทุกคนหันมาเสียสละเพื่อให้เกิดความร่วมไม้ร่วมมือในการแก้ไขปัญหาให้แก่จังหวัดภูเก็ต ซึ่งจังหวัดภูเก็ตเป็นจังหวัดที่คนรู้จักมาก จึงอยากจะสื่อไปยังคนภูเก็ตว่า คนภูเก็ตจะสร้างความภาคภูมิใจให้เกิดขึ้นอย่างไร จะทำอย่างไรให้ทุกคนเข้ามาร่วมกันแก้ไขปัญหาอย่างไร ซึ่งปัญหาภูเก็ตเป็นปัญหาที่ลึกซึ่ง ถึงวันนี้ตนยังไม่ลงลึกเพราะเป็นเรื่องที่สำคัญการจะทำอะไรต้องมีการปรึกษาหารือกันก่อน
“การทำงานนั้นตนไม่สามารถทำงานคนเดียวได้ การทำอะไรต้องมีการปรึกษาหารือกับทุกส่วนราชการ ซึ่งจะต้องมีการบูรณาการทุกส่วนมาทำงานร่วมกัน จะต้องให้เกียรติทุกส่วนราชการ ตนไม่สามารถทำงานคนเดียวได้ ตนยังไม่เก่งพอ ตนเพิ่งเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดเพียงแค่ปีเดียว ยังไม่เก่งพอ แต่สัญญากับคนภูเก็ตว่าจะทำให้บ้านเมืองนี้ดีที่สุด และตั้งใจทำให้ทุกคนมีความสุข ซึ่งทุกเรื่องมีความสำคัญเท่าเทียมกันหมด สิ่งที่อยากเห็นคือ เห็นคนภูเก็ตบริหารจัดการภูเก็ตเอง”
นายนิสิต ยังได้กล่าวต่อไปถึงการจัดระเบียบชายหาด ว่า เรื่องนี้ตนยังไม่มีนโยบาย แต่คิดว่าจะต้องมีการประชุมร่วมกันทั้งฝ่ายรัฐ เอกชน ผู้ประกอบการโรงแรม องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประชาชนที่เดือดร้อน ซึ่งจะต้องมาคุยกันเพื่อให้ทราบข้อเท็จจริง ซึ่งแต่ละหาดปัญหาไม่เหมือนกัน มีความแตกต่างกันออกไป ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะต้องมาคุยกัน เพื่อให้เกิดสิ่งที่ดีที่สุดแก่ภูเก็ต การทำสิ่งที่ดีที่สุดก็ต้องมีผู้เสียสละบ้าง คนที่ได้ประโยชน์บ้าง ที่สำคัญทุกคนจะต้องมีจุดยืนร่วมกันเพื่อให้เกิดสิ่งที่ดีที่สุดแก่ภูเก็ต
สำหรับ นายนิสิต จันทร์สมวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต คนใหม่ เกิดเมื่อ 24 กันยายน 2505 จบการศึกษาปริญญาโท รัฐศาสตรมหาบัณฑิต (รางวัลวิทยานิพนธ์ดีเด่น) : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (2530) ประวัติการดำรงตำแหน่ง 2 มิ.ย.2546 บุคลากร 8 ว กลุ่มงานวางแผนอัตรากำลังและพัฒนาระบบงาน กองการเจ้าหน้าที่ สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย 2 ต.ค.2546 เจ้าหน้าที่วิเคราะห์นโยบายและแผน 8 ว กลุ่มงานสังคม สำนักบริหารการประชุมคณะรัฐมนตรี 18 ก.พ.2548 ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนายุทธศาสตร์และระบบการบริหารงาน (เจ้าหน้าที่วิเคราะห์นโยบายและแผน 9 ชช ) กลุ่มพัฒนาระบบบริหาร 18 ต.ค.2549
ผู้อำนวยการสำนักพัฒนายุทธศาสตร์และติดตามนโยบายพิเศษ (เจ้าหน้าที่วิเคราะห์นโยบายและแผน 9) 2 ต.ค.2551 ผู้อำนวยการสำนัก (เจ้าหน้าที่วิเคราะห์นโยบายและแผน 9) สำนักนโยบายและแผน สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย 16 ต.ค.2552 รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ 16 ก.พ.2553 รองอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน 30 พ.ย.2554 ผอ.ศบภ. สำนักนายกรัฐมนตรี อีกตำแหน่งหนึ่ง 2 เม.ย.2555 ที่ปรึกษาด้านการบริหารงานจังหวัดแบบบูรณาการ สป.มท. (รกน.) 25 มิ.ย.2555
รอง ผอ.สำนักงานคณะกรรมการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีแห่งชาติสำนักนายกรัฐมนตรี อีกตำแหน่งหนึ่ง 2 ต.ค.2551 ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย 26 ต.ค.2552 รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ 16 ก.พ.2553 รองอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน 17 ต.ค.2555 ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย รับผิดชอบเขตตรวจราชการที่ 1(นนทบุรี ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา สระบุรี) และรับผิดชอบเขตตรวจราชการที่ 18 (กำแพงเพชร พิจิตร นครสวรรค์ อุทัยธานี) 1 ต.ค.2556 ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคิรีขันธ์ 2 ต.ค.2556 ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี