xs
xsm
sm
md
lg

แม่ “น้องเกมส์” นักเรียนชั้น ป.4 โร่เคลียร์ครูเฆี่ยนก้นลูกเป็นแผลปริ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ตรัง - ครอบครัว “น้องเกมส์” นักเรียนชั้น ป.4 โรงเรียนอนุบาลตรัง โร่เคลียร์ครูกรณีถูกครูสอนภาษาอังกฤษเฆี่ยนก้นเป็นแผลปริ เผยผลการเจรจาราบรื่น และไม่ติดใจเอาความ ด้านครูยอมรับลงโทษรุนแรงเกินไป เหตุเพราะ “น้องเกมส์” ไม่สนใจทำข้อสอบ

วันนี้ (30 ก.ย.) ที่โรงเรียนอนุบาลตรัง อ.เมือง จ.ตรัง นายนิวรณ์ แสงวิสุทธิ์ รอง ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การประถมศึกษาเขต 1 นายกิตติศักดิ์ นานช้า ผอ.โรงเรียนอนุบาลตรัง นายทวี ชัยแก้ว รอง ผอ.โรงเรียนอนุบาลตรัง นางจินดา วิริยะศักด์สกุล และนายมานิตย์ แก้วเพ็ง ในฐานะตัวแทนผู้ปกครอง ได้ร่วมเจรจาเพื่อหาข้อยุติกรณี ด.ช.ศิรัสพล วิริยะศักดิ์สกุล หรือ “น้องเกมส์” อายุ 9 ปี นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนอนุบาลตรัง ถูกครูสอนภาษาอังกฤษลงโทษ ด้วยการใช้ไม้กระบี่กระบองเฆี่ยนตีบริเวณก้นจนเป็นแผลปริขนาดใหญ่ ก่อนที่จะมีการนำภาพออกเผยแพร่ทางโซเชียลมีเดีย

นายมานิตย์ แก้วเพ็ง อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 225/229 หมู่ 9 ต.คูคด อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ซึ่งเป็นน้าของ น้องเกมส์ กล่าวว่า หลังจากที่หลานชายถูกครูสอนภาษาอังกฤษลงโทษ ด้วยการเฆี่ยนตีจนเป็นแผลไปทั่วก้น นางจินดา ซึ่งเป็นแม่ได้ส่งภาพมาให้ตนดู และตนมองว่าเป็นการทำโทษที่เกินกว่าเหตุ จึงนำภาพออกเผยแพร่ในเฟซบุ๊ก ต่อมาทางโรงเรียนออกมาให้ข่าวในลักษณะว่า เด็กที่ถูกทำโทษไม่มีตัวตนอยู่จริงส่งผลให้ครอบครัวตนได้รับความเสียหาย ทั้งๆ ที่ น้องเกมส์ ไม่ควรถูกครูลงโทษด้วยวิธีที่ไม่เหมาะสมแบบนั้น จึงต้องมาเคลียร์กับทางโรงเรียนให้ชัดเจน และให้ครูที่ลงโทษออกมายอมรับว่าได้ลงโทษจริง ไม่เช่นนั้นสังคมจะเข้าใจผิดว่าตนกรุเรื่อง และกลายเป็นจำเลยของสังคมเสียเอง ทั้งๆ ที่ฝ่ายตนเองเป็นผู้เสียหายในเรื่องนี้

ต่อมา นายนิวรณ์ พร้อมกับ นายกิตติศักดิ์ นางจินดา นายมานิตย์ และครูสอนภาษาอังกฤษได้เข้าพูดคุยเจรจาโดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้ารับฟัง และผลของการเจรจาเป็นที่น่าพอใจ โดยนายมานิตย์ กล่าวว่า การพูดคุยเป็นที่น่าพอใจ โดยครูยอมรับว่าได้ทำโทษนักเรียนในชั้นเรียนเป็นกลุ่มๆ เนื่องจากนักเรียนไม่สนใจที่จะทำข้อสอบ อย่างไรก็ตาม ครูคนดังกล่าวให้เหตุผลว่า การลงโทษไม่ได้ใช้ไม้กระบี่กระบองตีก้น แต่เป็นไม้หวายที่ทางผู้ปกครองฝากไว้ลงโทษ พร้อมยอมรับว่า การลงโทษที่ทำไปมีความรุนแรง แต่ต่อไปจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก ซึ่งตนก็ไม่ได้ติดใจเอาความ และไม่ประสงค์ที่จะทำให้ทางโรงเรียนเกิดความเสื่อมเสียชื่อเสียง

 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น