กระบี่ - กฟผ.นำกำลังทหาร ตำรวจ อส. และชุดควบคุมฝูงชน พร้อมอาวุธครบมือร่วม 500 นาย คุ้มกันเวที ค.3 ท่าเรือบ้านคลองรั้ว หวั่นถูกล้มเวที
เมื่อเวลา 13.30 น. วันนี้ (28 ก.ย.) นายกริช รังสิเสนา ณ อยุธยา รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ เป็นประธานประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชน และผู้มีส่วนได้เสีย เพื่อทบทวนร่างรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (Public Review) ครั้งที่ 3 (ค.3) โครงการท่าเทียบเรือบ้านคลองรั้ว จ.กระบี่ ณ ศาลาประชาคม อ.เหนือคลอง จ.กระบี่ โดยมี นายเผ่าพงษ์ เต็มสัมฤทธิ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการชุมชนสัมพันธ์และสิ่งแวดล้อมโครงการ (ชพฟช.) และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และประชาชนเข้าร่วมกว่า 1,500 คน
นายเผ่าพงษ์ เต็มสัมฤทธิ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการชุมชนสัมพันธ์และสิ่งแวดล้อมโครงการ กล่าวว่า การจัดประชุมเพื่อรับฟังความคิดเห็นของประชาชน (Public Review) ครั้งที่ 3 (ค.3) ของโครงการท่าเทียบเรือบ้านคลองรั้วในวันนี้ เป็นการทบทวนร่างรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมของโครงการท่าเทียบเรือบ้านคลองรั้วให้ครบถ้วน และสมบูรณ์มากที่สุด โดยเปิดโอกาสให้ผู้มีส่วนได้เสียได้ร่วมแสดงความคิดเห็น และเสนอแนะได้อย่างเต็มที่ เพื่อให้การรับฟังความคิดเห็นและการทบทวนร่างรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และสุขภาพครบถ้วนมากที่สุด
ด้านนายพิบูลย์ สาระวารี ตัวแทนชาวบ้านที่คัดค้านโครงการท่าเทียบเรือบ้านคลองรั้ว กล่าวว่า การเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นของ กฟผ.ในครั้งนี้ ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร เจ้าหน้าที่ตำรวจ อาสาสมัคร และชุดควบคุมฝูงชน ร่วม 500 นาย มาควบคุมสถานการณ์ภายในเวที ค.3 และมีการตั้งด่านตรวจตามจุดต่างๆ อีกหลายจุด และเปิดให้ประชาชนเข้าออกเพียงทางเดียว ซึ่งไม่เคยมีในประเทศนี้ ดูแล้วคล้ายกับประเทศที่มีการทำสงคราม หรือการยึดอำนาจ และไม่ยอมให้กลุ่มชาวบ้านที่ไม่เห็นด้วยเข้าไปในเวทีเพื่อได้แสดงความคิดเห็น โดยให้ชาวบ้านที่เป็นคนของการไฟฟ้าเท่านั้นได้เข้าไปนั่งฟัง ซึ่งเป็นการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนอย่างเห็นได้ชัด
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศ เวที ค.3 ด้วยว่า บรรยากาศข้างนอกเวทีเป็นไปอย่างเคร่งเครียด โดยมีกลุ่มชาวบ้านจำนวนมากที่ไม่เห็นด้วยต่อการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน ของ กฟผ.มานั่งรวมตัวกันบริเวณปากทางเข้าเวที พร้อมถือป้ายสัญลักษณ์ไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหิน และใช้ผ้าสีขาว ซึ่งมีเครื่องหมายกากบาทปิดปาก เพื่อคัดค้านการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็น ค.3 ท่ามกลางเจ้าหน้าที่ชุดควบคุมฝูงชนตั้งแถวกันไม่ให้ชาวบ้านบุกเข้าไปล้มเวที เหมือนกับการทำเวที ค.1 และ ค.2 ที่ผ่านมา และในส่วนของการผ่านเข้าไปเวทีนั้น เจ้าหน้าที่ได้นำเครื่องตรวจอาวุธ และมีการตรวจบัตรประชาชนทุกคนที่ผ่าน
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ต่อมาทางกลุ่มคัดค้านได้อ่านแถลงการณ์เพื่อยืนยันไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหิน และไม่เห็นด้วยต่อการนำกำลังผสม ทหาร ตำรวจ และ อส.ตร มากำกับเวทีให้เป็นไปตามที่ กฟผ.ต้องการ ทำให้ประชาชนไม่สามารถใช้สิทธิการแสดงความเห็นได้ตามกฎหมาย และมีการเกณฑ์ชาวบ้านเพื่อมาสนับสนุนโรงไฟฟ้าถ่านหิน ลักษณะดังกล่าวเป็นการใช้อำนาจให้ได้มาซึ่งโรงไฟฟ้าถ่านหินของ กฟผ.หลังจากอ่านแถลงการณ์เสร็จกลุ่มชาวบ้านที่คัดค้านได้แยกย้ายไป