ตรัง - เจ้าหน้าที่นำกำลังออกตรวจตรา “แม่น้ำตรัง” หลังพบมีการลักลอบทำประมงผิดกฎหมาย จนเริ่มส่งผลกระทบต่อสัตว์น้ำบางชนิด โดยเฉพาะกุ้งก้ามกราม ซึ่งมีรสชาติดี เนื้อเหนียวแน่น แถมขายได้ราคาดี
วันนี้ (25 ก.ย.) นายบุญครื้น พรเดชอนันต์ ประมงอำเภอกันตัง จังหวัดตรัง ร่วมกับ นายเทิดศักดิ์ มิตรวงศ์ หัวหน้างานป้องกันปราบปรามศูนย์บริหารจัดการประมงทะเลฝั่งอันดามัน ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่พร้อมเรือตรวจการณ์ออกดำเนินการตรวจตรา และปราบปรามผู้กระทำผิดกฎหมายประมง โดยเฉพาะในบริเวณแม่น้ำตรัง ช่วงระหว่างพื้นที่อำเภอเมืองตรัง กับอำเภอกันตัง แม่น้ำสายหลักที่หล่อเลี้ยงประชากรจำนวนนับแสนๆ คนมาอย่างยาวนานแล้ว แต่ในระยะหลังมากลับพบการกระทำที่ผิดกฎหมาย จนเริ่มส่งผลกระทบต่อสัตว์น้ำบางชนิด
โดยเฉพาะกุ้งก้ามกรามในแม่น้ำตรัง ซึ่งได้ชื่อว่ามีรสชาติดี เนื้อเหนียวแน่น เนื่องจากอาศัยอยู่ในแหล่งน้ำลึกที่มีอาหารอุดมสมบูรณ์ และมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นับตั้งแต่สำนักงานประมงจังหวัด ได้จัดทำโครงการคืนกุ้งก้ามกรามสู่แม่น้ำตรัง เมื่อปี 2550 ด้วยการปล่อยลูกกุ้งลงไปปีละ 10 ล้านตัว ควบคู่กับการรณรงค์ใช้เครื่องมือประมงพื้นบ้าน เช่น เบ็ด ลอบ ไซธนู ไซผี ทำให้ชาวบ้านสามารถจับกุ้งได้วันละ 200 กิโลกรัม เพื่อนำส่งขายตามร้านอาหารในราคากิโลกรัมละ 350 บาท หรือเกิดเงินสะพัดจากอาชีพนี้ถึงวันละ 7 หมื่นบาท
อย่างไรก็ตาม ด้วยสภาพของแม่น้ำตรัง ที่มีความเปลี่ยนแปลงในบางช่วง ทำให้เกิดความสกปรก และกระทบต่อระบบนิเวศ ตลอดจนการลักลอบใช้เครื่องมือประมงที่ผิดกฎหมาย เช่น อวนรัง รวมทั้งการใช้สารเคมี หรือยาเบื่อ สำนักงานประมง จึงร่วมกับองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ใน 4-5 ตำบล ที่มีแม่น้ำตรังไหลผ่าน และมีสภาพน้ำกร่อย จนมีกุ้งก้ามกรามมาอาศัย และขยายพันธุ์จำนวนมาก โดยเฉพาะตำบลบางรัก ควนธานี โคกยาง บางหมาก และย่านซื่อ เพื่ออนุรักษ์กุ้งก้ามกรามอย่างจริงจัง และเข้มงวด