หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด จัดประชุมชาวประมงอวนลาก-อวนรุน-คราดหอย

ตราด - หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด จัดประชุมรับฟังความคิดเห็นจากชาวประมงอวนลาก อวนรุน และคราดหอย หลังจากมีการร้องเรียนที่เข้ามาทำประมงเขต 3,000 เมตรจากชายฝั่ง ส่งผลให้เครื่องมือทำประมงพื้นบ้านได้รับความเสียหาย

วันนี้ (18 ก.ย.) ที่วัดแหลมหิน ต.หนองคันทรง อ.เมือง จ.ตราด นาวาเอกเลอศักดิ์ คชนันท์ ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด เป็นประธานประชุมรับฟังความคิดเห็นชาวประมงอวนลาก อวนรุน และคราดหอย ต.หนองคันทรง ต.ห้วงน้ำขาว ต.อ่าวช่อ ต.น้ำเชี่ยว ต.ท่าพริก และ ต.ลำราก โดยมีนายไชยันต์ การสมเนตร ประมงจังหวัดตราด นายสุปรีชา สุขเงิน หัวหน้าหน่วยบริหารจัดการประมงทะเลเกาะช้าง และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม

ทั้งนี้ การรับฟังความคิดเห็นในครั้งนี้เนื่องจากชาวประมงพื้นบ้านบ้านแหลมกลัด พร้อมด้วยนายกองค์การบริหารส่วนตำบลแหลมกลัด ร้องเรียนที่หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด ระบุว่ากลุ่มประมงอวนลาก อวนรุน และคราดหอย ได้เข้ามาทำประมงในเขต 3,000 เมตรจากชายฝั่ง ส่งผลให้เครื่องมือทำประมงของกลุ่มประมงพื้นบ้าน เช่น ลอบปู และลอบปลาได้รับความเสียหาย จึงเดินทางมาร้องเรียนขอความเป็นธรรม ทั้งนี้ในประชุมได้เปิดโอกาสให้กลุ่มประมงอวนลาก อวนรุน และคราดหอย ได้ชี้แจงกรณีดังกล่าว พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้นำเสนอปัญหาที่เกิดขึ้น

ตัวแทนกลุ่มประมงอวนลาก อวนรุน และคราดหอย กล่าวว่า ปัญหาการทำประมงในขณะนี้ คือ พื้นที่ทำประมงที่มีจำนวนจำกัด พื้นที่บริเวณช่องช้าง ที่ 1 ตั้งแต่เกาะช้างน้อย-ปากคลองน้ำเชี่ยว ก็ปิดตลอดทั้งปี ส่วนพื้นที่ที่ 2 ตั้งแต่ปากคลองน้ำเชี่ยว-แหลมน้ำ หรือแหลมศอก ก็ปิดถึง 6 เดือน ตั้งแต่ 1 มิถุนายน ถึง 31 พฤศจิกายนของทุกปี ซึ่งตราดเป็นจังหวัดเดียวที่ปิดถึง 6 เดือน จังหวัดอื่นปิดแค่ 2-3 เดือนเท่านั้น ส่วนการจะเดินทางไปทำประมงในประเทศเพื่อนบ้านก็ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากเรือส่วนใหญ่ยังไม่มีอาชญาบัตร จึงต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกอาชญาบัตรให้กับเรืออวนลากและอวนรุนในพื้นที่จังหวัดตราด

นาวาเอกเลอศักดิ์ กล่าวว่า การประชุมในครั้งนี้เป็นเพียงการรับฟังปัญหาในที่เกิดขึ้นเท่านั้น ส่วนการแก้ไขปัญหาในระยะสั้น จะเชิญตัวแทนของกลุ่มประมงอวนลาก อวนรุน และคราดหอย มาประชุมร่วมกับกลุ่มประมงพื้นบ้านบ้านแหลมกลัดซึ่งเป็นคู่กรณีกัน โดยมีสำนักงานประมงจังหวัดตราด หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด และทางตำรวจร่วมเป็นเจ้าภาพ ทั้งนี้เพื่อแนวทางในการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ โดยไม่เกิดข้อขัดแย้ง ส่วนการแก้ปัญหาในระยะยาวจะตั้งคณะทำงานขึ้นมาดูแล 1 ชุด