พังงา - อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง สนธิกำลังยึดคืนพื้นที่ป่าชายเลน ซึ่งถูกนายทุนบุกรุกปลูกสวนปาล์มน้ำมัน ในจังหวัดพังงา ขณะที่การบุกรุกพื้นที่ป่าที่พังงา พบมีมากถึง 5.5 หมื่นไร่ เตรียมยึดคืนกลับเป็นของรัฐ
วันนี้ (19 ก.ย.) นายชลธิศ สุรัสวดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง สนธิกำลังทีมฉลามขาว ร่วมกับตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง กว่า 200 นาย ลงพื้นที่จังหวัดพังงา เพื่อรื้อถอนต้นปาล์มน้ำมันซึ่งถูกนายทุนบุกรุกพื้นที่ป่าชายเลน บริเวณป่าสงวนแห่งชาติป่าชายเลนโครงการอำเภอตะกั่วป่า และป่าเขาบางนายสี พื้นที่หมู่ที่ 3 ต.บางนายสี อ.ตะกั่วป่า
ซึ่งก่อนหน้านี้ พื้นที่ดังกล่าวมีผู้บุกรุกกระทำผิดกฎหมายว่าด้วยป่าไม้ ตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 และศาลพิพากษาจำคุก 4 ปี 6 เดือน หลังจากที่ศาลมีคำตัดสิน นายมานิต เพียรทอง นายอำเภอตะกั่วป่า จ.พังงา จึงได้มีคำสั่งให้ผู้กระทำความผิด หรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำความผิดออกจากป่าสงวนแห่งชาติ พร้อมทั้งรื้อถอนผลอาสิน ที่ทำให้ป่าเสื่อมสภาพออกจากเขตพื้นที่ป่าสงวน เพื่อทำการฟื้นฟูสภาพป่าชายเลนให้คืนกลับมาดังเดิม
นายมานิต กล่าวว่า ป่าชายเลนผืนดังกล่าวถูกบุกรุกเข้าไปถือครอง และปลูกปาล์มน้ำมัน จำนวน 200 ต้น บริเวณแนวชายขอบที่ดิน เพื่อหวังยึดครองพื้นที่ป่าชายเลน จำนวน 55 ไร่ 48 ตารางวา มีการบุกรุกมานานกว่า 3 ปี ซึ่งหลังจากศาลมีคำตัดสินจำคุกผู้บุกรุก เจ้าหน้าที่ได้นำเครื่องจักรกลหนักเข้าไปรื้อถอนต้นปาล์มออกจากพื้นที่ป่าทั้งหมด พร้อมทั้งนำต้นโกงกาง และไม้ป่าชายเลนเข้าไปปลูกทดแทนในพื้นที่ที่ได้รับความเสียหาย พร้อมทั้งปรับพื้นที่ให้น้ำทะเลสามารถไหลเวียนได้ตามธรรมชาติ เพื่อฟื้นฟูระบบนิเวศให้กลับคืนสู่ความอุดมสมบูรณ์
อย่างไรก็ตาม พบว่าในจังหวัดพังงาขณะนี้พบว่ามีการบุกรุกแผ้วถางป่าชายเลนให้ได้รับความเสียหายไปแล้วกว่า 50,000 ไร่ โดยแยกเป็นทำนากุ้ง 4,000 ไร่ ทำการเกษตร 40,000 ไร่ ก่อสร้างอาคารที่พักอาศัยอีก 11,000 ไร่ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้เร่งตรวจสอบยึดคืนพื้นที่ป่าที่ถูกบุกรุกกลับมาเป็นของรัฐ เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ใช้ร่วมกัน
