สุราษฎร์ธานี - เกษตรกรผู้เลี้ยงหอยแครงโวยให้รัฐเร่งตรวจสอบหาสาเหตุ หลังเกิดเหตุหอยแครงที่เพาะเลี้ยงในอ่าวปากน้ำ อ.กาญจนดิษฐ์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ตายยกอ่าว เสียหายกว่า 300 ล้านบาท และมีแนวโน้มขยายตัวเป็นวงกว้าง ขณะที่ภาครัฐยังมึนหาสาเหตุการตายไม่ได้
วันนี้ (10 ก.ย.) นายสนิท ศรีวิหก นายอำเภอกาญจนดิษฐ์ พร้อมด้วย นายประภาส ขาวหนูนา ประมงอำเภอ นายปรีชา เพชรรัตน์ ส.อบจ.เขตอำเภอกาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี ลงพื้นที่ตรวจสอบแปลงเพาะเลี้ยงหอยแครง ในพื้นที่กลางทะเลอ่าวปากน้ำกาญจนดิษฐ์ หลังได้รับการร้องเรียนจากเกษตรกรที่เลี้ยงหอยแครง ว่า เกิดปรากฏการณ์หอยแครงที่เพาะเลี้ยงตายยกแปลง ซึ่งช่วงแรกเริ่มมีหอยแครงตายที่บริเวณปากคลองราม และลุกลามขยายพื้นที่อย่างรวดเร็ว จนถึงขณะนี้พบว่า พื้นที่เพาะเลี้ยงหอยแครงชายฝั่งอ่าวปากน้ำกาญจนดิษฐ์ ได้รับความเสียหายไปแล้วกว่า 15,000 ไร่ หอยแครงที่ตายไปประมาณ 15,000 ตัน เป็นมูลค่าเสียหายกว่า 300 ล้านบาท ส่งผลกระทบต่อเกษตรกรผู้เลี้ยงหอยแครงในพื้นที่กว่า 600 ราย และมีแนวโน้มขยายการตายต่อไปอย่างต่อเนื่องในพื้นที่รอยต่อ
นายอำเภอกาญจนดิษฐ์ กล่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องใหญ่มาก การตรวจสอบในเบื้องต้นยังไม่พบสาเหตุ ซึ่งก่อนหน้านี้ ได้ส่งเจ้าหน้าที่ศูนย์พัฒนาประมงชายฝั่งมาทำการตรวจคุณภาพน้ำในเบื้องต้นพบว่า คุณภาพน้ำปกติ แต่ปรากฏว่า หอยแครงยังตายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทางเจ้าหน้าที่ได้สุ่มเก็บตัวอย่างเนื้อหอยส่งไปพิสูจน์ยังสถาบันวิจัยพัฒนาประมงชายฝั่งที่จังหวัดสงขลา คาดว่าจะรู้ผลภายใน 7 ว่า หอยแครงตายด้วยสาเหตุอะไร แต่สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นปรากฎการณ์ผิดธรรมชาติที่ไม่ได้เกิดมาจากภัยพิบัติ ซึ่งในขณะนี้ยังไม่พบว่า หอยนางรม หอยแมลงภู่ กุ้ง ปู ปลาได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว แต่ก็ต้องเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเหตุที่เกิดขึ้นยังอธิบายไม่ได้ว่ามันเกิดจากสาเหตุอะไร และเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อสิ่งมีชีวิต ทางอำเภอจะได้รายให้ทางจังหวัดเร่งหามาตรการป้องกันควบคุม และตรวจสอบหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป
ด้าน นายบุญทรง น้ำตาลพอด เกษตรกรผู้เลี้ยงหอยแครง ระบุว่า เหตุการณ์หอยตายยกอ่าวเคยเจอมาหลายครั้งแล้ว แต่ทุกครั้งมันเกิดจากภัยธรรมชาติ แต่ครั้งนี้เชื่อมั่นว่ามันเกิดจากสภาพสิ่งแวดล้อมที่เป็นพิษ และอาจมีสารเคมีจากโรงงานลักลอบปล่อยออกมาเจือปนกับน้ำในลำคลองแล้วไหลลงสู่ทะเล จึงเรียกร้องขอให้ทางรัฐบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบหาสาเหตุที่แท้จริง และขอให้หาทางหาเงินทุนหมุนเวียนมาช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงหอย เนื่องจากขาดทุนหมดตัวกันแล้ว
