ศูนย์ข่าวภูเก็ต - สำนักงานทะเบียนท่องเที่ยวและมัคคุเทศก์ภูเก็ต สนธิกำลังทหาร ตำรวจ วางแนวทางออกตรวจสอบจับกุมบริษัททัวร์ และไกด์ผิดกฎหมาย
เมื่อเวลา 14.00 น. วันนี้ (4 ก.ย.) ที่ห้องประชุมสำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดภูเก็ต นายสันติ ป่าหวาย ผู้อำนวยการนายทะเบียนมัคคุเทศก์ สาขาภาคใต้ เขต 2 พร้อมด้วย น.ท.พรพรหม สกุลเต็ม ฝ่ายเสนาธิการกองเรือปฏิบัติการ ทัพเรือภาคที่ 3 พ.ต.อ.ศักดิ์ชัย ลิ้มเจริญ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต นายภาคภูมิ อินทรสุวรรณ นายอำเภอเมืองภูเก็ต นายภูริต มาศวงศ์ศา อุปนายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต ตลอดจนเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธร ตำรวจท่องเที่ยว จัดหางาน แรงงานจังหวัด และเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ร่วมประชุมเพื่อหารือแนวทางในการแก้ไขปัญหาผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวโดยไม่ได้รับอนุญาต
ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายเร่งด่วนของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ให้กวดขันบริษัทนำเที่ยว และมัคคุเทศก์ที่ประกอบการโดยไม่ได้รับอนุญาต อีกทั้งยังไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ.2551
นายสันติ ป่าหวาย ผู้อำนวยการนายทะเบียนมัคคุเทศก์ สาขาภาคใต้ เขต 2 กล่าวภายหลังการประชุมว่า จังหวัดภูเก็ต มีบริษัททัวร์ จำนวน 1,601 บริษัท และมีมัคคุเทศก์ที่ขึ้นทะเบียนต่อสำนักงานธุรกิจนำเที่ยวฯ มีจำนวน 4,428 คน ซึ่งทางเราจะตรวจสอบว่าบริษัทนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ทั้งหมดที่ขึ้นทะเบียนไว้ยังมีตัวตนอยู่จริงหรือไม่
โดยจะมีการผนึกกำลังของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งฝ่ายตำรวจภูธร ตำรวจท่องเที่ยว ทัพเรือภาค 3 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดูแลบริษัทนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ เข้าตรวจสอบ จับกุม และจากการประชุมหารือได้ข้อสรุปว่า ใน 2 สัปดาห์แรก ตั้งแต่วันที่ 8 ก.ย.เป็นต้นไป จะเป็นการออกตรวจสอบ ซึ่งทุกบริษัทจะต้องมีข้อมูลมายืนยันว่า ยังมีตัวตนอยู่จริงหรือไม่ มีบัตรมัคคุเทศก์หรือไม่ ไกด์เถื่อนยังมีอยู่ในภูเก็ตหรือไม่ ถ้าตรวจสอบแล้วยังทำไม่ถูกต้อง เราให้โอกาสตามนโยบายของ คสช. คือ ให้มาจดทะเบียนให้ถูกต้อง
และ 2 สัปดาห์ต่อไป จะเป็นการตรวจสอบจับกุมอย่างเคร่งครัด โดยยึดถือปฏิบัติตามระเบียบของ คสช.เป็นหลัก โดยในส่วนของสำนักงานทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวฯ ถ้าตรวจพบว่า ยังดำเนินการไม่ถูกต้อง ในเบื้องต้นก็จะสั่งพักใช้ และถ้ายังไม่ปรับปรุงแก้ไข เราก็จะเพิกถอนใบอนุญาตทันที แต่ถ้าเป็นในส่วนของบริษัททัวร์ และมัคคุเทศก์ที่เป็นชาวต่างชาติ เราจะดำเนินการจับกุมทันที เพราะในการประกอบธุรกิจนำเที่ยวจะต้องเป็นคนไทยเท่านั้น
นายสันติ ยังได้กล่าวถึงปัญหาการใช้ไกด์ต่างชาติเข้ามาทำงานแทนไกด์คนไทยด้วยว่า ในส่วนของมัคคุเทศก์ หรือไกด์นำเที่ยว บริษัททัวร์นั้นๆ จะต้องใช้ไกด์คนไทย 100% ไม่สามารถใช้ไกด์ต่างชาติทำงานแทนคนไทยได้ แต่ปัญหาปัจจุบันเกิดจากไกด์คนไทย มีการโก่งค่าตัว ขณะที่บริษัททัวร์ฯ เองก็ไม่ยอม จึงทำให้เกิดปัญหา ทำให้บริษัททัวร์ฯ หันไปใช้ไกด์เถื่อนแทน ตรงส่วนนี้เราก็พยายามพูดคุยกันระหว่างผู้แทนของบริษัททัวร์ฯ กับผู้แทนของมัคคุเทศก์ ก็อยู่ระหว่างทำข้อหารือในเรื่องของการตั้งราคากลางขึ้นมา ระหว่างมัคคุเทศก์กับบริษัททัวร์ฯ ถ้าทำได้ก็จะเป็นมาตรฐาน แล้วก็จะทำโรดแมปเสนอไปทาง คสช.ว่า ต่อไปนี้บริษัททัวร์ฯ ไหนต้องการไกด์ไทย ภาษาอะไร ให้ติดต่อมาที่เราๆ จะจัดส่งไกด์ไปให้ ก็จะเป็นระบบขึ้นมาอีก เช่นเดียวกันกับบริษัททัวร์ฯ ที่มีการตัดราคา ตอนนี้เราก็คุยกันว่าจะทำราคากลางให้ เพื่อจะได้ไม่ต้องมาแข่งขันเรื่องราคา ให้ไปแข่งกันเรื่องคุณภาพของการให้บริการแทน และในปี 2558 เราได้ทำเรื่องของบจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในการดำเนินการอบรมไกด์ภาษาต่างๆ ให้มีเพิ่มมากขึ้นเพื่อรองรับตลาดท่องเที่ยวของภูเก็ต
