ศูนย์ข่าวศรีราชา - ทหาร ร่วมอำเภอบางละมุง บุกทลายขบวนการเรียกเก็บค่าคุ้มครองต่างด้าวรายใหญ่ในเมืองพัทยา เผย “เจ๊เจี๊ยบ” ตัวบงการใหญ่แต่หนีไปได้หลังมีตำรวจในพื้นที่แจ้งข่าว พบหลักฐานใช้ขยายผลจับผู้ร่วมขบวนการ
วันนี้ (2 ก.ย.) พ.ต.นพพร สิงหสุต นายทหารธุรการและกำลังพล มณฑลทหารบกที่ 14 (มทบ.) ชลบุรี พร้อมทหาร 30 นาย สนธิกำลังร่วม นายศักดิ์ชัย แตงฮ่อ นายอำเภอบางละมุง นำกำลังฝ่ายปกครอง และตำรวจเข้าตรวจค้นที่บ้านเลขที่ 413/55 ม.9 หมู่บ้านศุภมิตร วิลล่า ซอยบงกช ต.หนองปรือ อ.บางละมุง หลังได้รับการร้องเรียนมีขบวนการเรียกเก็บค่าคุ้มครองชาวต่างด้าว และยังลักลอบนำบุคคลต่างด้าวเข้าประเทศไทยเพื่อมาทำงาน อีกทั้งยังรับจัดทำพาสปอร์ตให้แก่บุคคลต่างด้าวโดยผิดกฎหมาย
พบ นายสุขุม แก้วดอนดู่ อายุ 30 ปี อยู่ภายในบ้านจึงได้ทำการควบคุมตัวไว้ใน ตรวจค้นในบ้านพบสำเนาพาสปอร์ตชาวเวียดนามจำนวนมาก สมุดบัญชีธนาคาร รวมยอดเงินหมุนเวียนกว่า 50 ล้านบาท อาวุธปืน 1 กระบอก กระสุนปืนจำนวนหนึ่ง สมุดบัญชีรายชื่อ และรายรับรายจ่าย บุหรี่ต่างประเทศ 70 คอตตอน จึงได้ยึดไว้ทำการตรวจสอบ
สอบสวน นายสุขุม รับสารภาพว่า เป็นคนขับรถตู้ส่งนักท่องเที่ยว บางครั้งไปรับชาวต่างด้าวตามจังหวัดต่างๆ ให้แก่ นางวิกันดา แซ่ลิ้ม หรือเจ๊เจี๊ยบ ซึ่งเป็นเจ้าของ และยังเปิดบริษัททัวร์รัสเซียด้วย ส่วนเรื่องอื่นนั้น นางวิกันดา จะเป็นผู้ดำเนินการเองทั้งหมด จึงได้นำตัวนายสุขุม ไปตรวจสอบที่บริษัททัวร์รัสเซีย ซึ่งตั้งอยู่ภายในซอยบัวขาว โดยทหารวางกำลังดักซุ่มบริเวณหน้าบ้านเพื่อดูสถานการณ์
เบื้องต้นกำลังทหาร และฝ่ายปกครองอำเภอบางละมุง พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางไปตรวจสอบที่บริษัททัวร์ ไบร-เอ็นจอย จำกัด พบว่า ได้ปิดทำการ ไม่มีใครอยู่ดูแล และได้เข้าตรวจสอบที่โรงแรมไบร-เอ็นจอย อาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้น 5 คูหา ซึ่งเป็นโรงแรมในเครือ จากการตรวจสอบพบว่า ยังไม่มีเอกสารใบอนุญาตอย่างถูกต้อง
ต่อมา เจ้าหน้าที่ได้รับรายงานว่า ได้ควบคุมตัว นายแก้ว สัญชาติเวียดนาม ขณะเดินทางเข้ามาในบ้านหลังดังกล่าว สอบสวนเบื้องต้นให้การปฏิเสธว่าไม่รู้เรื่อง และไม่เกี่ยวข้องต่อเหตุการณ์นี้แต่อย่างใด จนนางวิกันดา ได้โทรศัพท์มาหานายแก้ว สอบถามถึงเรื่องเจ้าหน้าที่บุกค้นบ้านว่าไปหมดหรือยัง ในที่สุด นายแก้ว ต้องรับสารภาพว่าทำงานอยู่กับเจ๊เจี๊ยบ มีหน้าที่คอยดูแลชาวเวียดนามให้แก่ เจ๊เจี๊ยบ กว่า 100 คน ที่เจ๊เจี๊ยบ นำเข้ามาเพื่อทำงานในเมืองพัทยาตามสถานที่ต่างๆ ทั้งเป็นเด็กเดินขายดอกไม้ เด็กรับรถตามสถานที่จอดรถในพื้นที่เมืองพัทยา สถานบันเทิงบางแห่ง และยังช่วยดำเนินการจัดทำพาสปอร์ตให้แก่กลุ่มชาวเวียดนามที่เดินทางเข้ามา จัดหาที่พักให้
โดยเจ๊เจี๊ยบ จะเรียกเก็บเงินกับกลุ่มชาวเวียดนามเป็นรายเดือน เดือนละ 2,000 บาทต่อคน เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการเคลียร์กับ ตม. และตำรวจในพื้นที่หากถูกจับกุม ซึ่งแต่ละคนจะมีนามบัตรสีม่วงพกติดตัวไว้ เพื่อเป็นการแสดงว่าได้เคลียร์กับ เจ๊เจี๊ยบ แล้ว
ภายหลังจากการสอบสวนแล้วจึงได้นำตัว นายแก้ว ไปขยายผลตรวจค้นที่กันอเนก อพาร์ตเมนต์ เลขที่ 570/257 ม.5 ซอยไทยอุดมตัดซอยร้อยหลัง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เป็นอพาร์ตเมนต์ สูง 3 ชั้น พบด้านล่างมีกล่องโฟมแช่ดอกกุหลาบที่จัดเตรียมไว้ขาย และมีป้ายชื่อของนายตำรวจนายหนึ่งติดข้างฝาอย่างชัดเจน มีตู้แดงจุดตรวจของ สภ.เมืองพัทยา เจ้าหน้าที่ทหารจึงได้ทำการเคาะประตูเรียกแต่ละห้องเพื่อตรวจค้น
พบว่าทั้งหมดที่พักอาศัยอยู่นั้นเป็นชาวเวียดนาม และชาวไทยใหญ่ เบื้องต้นได้ตรวจสอบหลักฐานพาสปอร์ตพบว่าทำถูกต้อง ไม่พบการกระทำผิด จึงได้ทำการสอบถามประวัติก่อนปล่อยตัวไป
ด้านเจ้าหน้าที่เปิดเผยว่า หลังจากที่บุกเข้าทำการตรวจสอบในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถจับกุม นางวิกันดา ตัวการใหญ่ได้ เนื่องจากมีเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่แจ้งข่าวให้ทราบ ทำให้นางวิกันดา ไหวตัวหลบหนีไป อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นได้ควบคุมตัวนายแก้ว และนายสุขุม ไปสอบสวนขยายผลถึงผู้ร่วมเครือข่าย และติดตามจับกุมเจ๊เจี๊ยบ เจ้าแม่ส่วยต่างด้าวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป