ที่ผ่านมาถ้าพูดถึงอำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี แล้วละก็ สิ่งที่หลายคนนึกถึงก็คงจะเป็นอะไรไปไม่ได้ถ้าไม่ใช่ “สับปะรด” แม้ว่าปัจจุบันสับปะรดศรีราชา สายพันธุ์ปัตตาเวีย จะไม่ได้มีให้เห็นกันมากนัก เพราะเมื่อความเจริญเข้าไปถึง พื้นที่บางส่วนก็ถูกจัดสรรเป็นโรงงานอุตสาหกรรม บริษัทห้างร้านมากขึ้น
แต่สำหรับนักท่องเที่ยวเกาหลี เมื่อเข้ามาเมืองไทย หนึ่งในโปรแกรมที่ถูกบรรจุไว้ในตารางการท่องเที่ยว คือ การได้มาแวะ “ร้านลุงนัง” เพื่อมาชิมผลไม้ที่ขึ้นชื่อของศรีราชา อย่าง “สับปะรด” จนทุกวันนี้สับปะรดจากประเทศไทยที่ขายในเกาหลีจะถูกเรียกว่า สับปะรดสายพันธุ์ “ลุงนัง” ไปแล้ว
นายวิสุทธ์ คงมั่น เจ้าของร้านลุงนัง ทายาทรุ่นที่ 2 ที่เข้ามารับช่วงดูแลกิจการต่อจากผู้เป็นบิดา และมารดา คือ “นายอัศนีย์ (ลุงนัง) นางสมพิศ คงมั่น” ผู้บุกเบิกสร้างชื่อ สับปะรดศรีราชา จนเป็นที่รู้จักในประเทศเกาหลี เล่าว่า การให้บริการของร้านลุงนัง คือการเสิร์ฟผลไม้ถาด ประกอบด้วย สับปะรด แก้วมังกร มะม่วงน้ำดอกไม้สุก มังคุด ส้มโอ ให้แก่กรุ๊ปทัวร์นักท่องเที่ยวจากประเทศเกาหลีเป็นหลัก
โดยการนำผลไม้ที่กล่าวมาข้างต้นมาปอกเปลือก และหั่นใส่ถาดโบราณ เสิร์ฟพร้อมกับไม้จิ้ม โดยกลุ่มลูกค้าหลักจะเป็นนักท่องเที่ยวจากประเทศเกาหลี รัสเซีย ซึ่งทางบริษัททัวร์จะบรรจุโปรแกรมผลไม้ถาดร้านลุงนัง นี้ไว้ในตารางการท่องเที่ยวขายให้นักท่องเที่ยวเกาหลี ทำให้ในแต่ละวันจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาแวะเพื่อชิมผลไม้ถาดของร้านลุงนังมากกว่า 1,000 คน หรือ 30,000-40,000 คนต่อเดือนช่วงไฮซีซัน โดยมาจากบริษัททัวร์กว่า 30 บริษัท
พอถามถึงรายได้ ก็ไม่ได้มากอะไร เพียงแค่เดือนละ 7 หลักเท่านั้นเอง แต่ต้นหรือปลาย ก็ต้องคิดเอาเอง เพราะคุณวิสุทธิ์บอกแค่เพียงว่า วันหนึ่งต้องเสิร์ฟสับปะรด มากกว่า 400 ถาด ยังไม่รวมผลไม้อื่น เรียกว่าถ้าเป็นช่วงไฮซีซันอาจจะต้องเสิร์ฟผลไม้กันเป็นหลักพันถาดต่อวันเลยทีเดียว ส่วนราคาผลไม้แต่ละชนิดแตกต่างกันไป สับปะรดถาดละ 75 บาท 1 ถาดเสิร์ฟ 3 ผล มะม่วงถาดละ 80-120 บาท (ถาดละ 1 กิโลกรัม) ราคาขึ้นอยู่กับฤดูกาล ส่วนแก้วมังกรถาดละ 60 บาท (1 กิโลกรัม) มังคุด ตามฤดูกาล (ปกติกิโลกรัมละ 30 บาท) ทุเรียนถาดละ 100 บาท ราคาตามฤดูกาลเช่นกัน
สำหรับราคาผลไม้เกือบทุกชนิดจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาล ยกเว้น แก้วมังกร และสับปะรด ที่ราคาจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะสับปะรด ผลไม้หลักของทางร้านลุงนัง ราคา 75 บาท แบบนี้มาตั้งแต่เริ่มต้นเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ปัจจุบันเขาก็ยังคงราคาเดิม แม้ว่าปัจจุบันราคาสับปะรดจะเพิ่มขึ้นจากในเมื่อ 10-20 ปีที่แล้วมากก็ตาม (จากเริ่มต้นปลูกเองขายเอง ต้นทุนราคากิโลกรัมละ 4-5 บาท และขยับมาเป็น 20 บาทปัจจุบัน) ทางร้านก็ยังคงราคาถาดละ 75 บาทเหมือนเดิม
คุณวิสุทธิ์บอกกับเราว่า จริงๆ แล้ว การขายผลไม้ตามฤดูกาล (พฤษภาคม-กรกฎาคม) ซึ่งมีผลไม้ออกจำนวนมาก ผลไม้ราคาถูกแต่เรากลับไม่ได้กำไรมาก เหมือนกับการขายผลไม้นอกฤดูกาลที่ผลผลิตออกน้อย เพราะเราต้องขายตามราคาท้องตลาด เนื่องจากนักท่องเที่ยวเขาไปตรงไหนก็มีผลไม้เหล่านี้วางขายในราคาไม่แพง การที่เราจะบวกแพงก็คงจะไม่ใช่ และที่สำคัญเขาก็ไม่ค่อยซื้อจากเรา แต่จะแวะไปซื้อตามแหล่งที่มีตัวเลือกเยอะมากกว่า นอกจากนี้ ผลไม้ที่ออกตามฤดูกาลรสชาติจะไม่ดีเท่ากับผลไม้ที่ออกนอกฤดูกาล
พอถึงตอนนี้หลายคนคงอยากจะรู้แล้วสินะว่าจุดเริ่มต้นของร้านลุงนัง ซึ่งเป็นที่รู้จักไปทั่ว เกาหลีนั้นเป็นมาอย่างไร โดยคุณวิสุทธิ์ได้เล่าให้ฟังว่า จุดเริ่มต้นของร้านลุงนังเริ่มมาเมื่อ 20 ปีที่ผ่านมา ประมาณปี 2536 ทางคุณอัศนีย์ (ลุงนัง) ได้ยึดอาชีพทำไร่สับปะรด ปลูกมันสำปะหลัง และไร่อ้อย บนพื้นที่กว่า 500 ไร่ ที่อำเภอศรีราชา
โดยผลผลิตที่ทำได้ส่วนหนึ่ง 50% จะส่งโรงงานแปรรูปผลไม้ และส่วนที่เหลือนำมาขายเอง โดยการใช้พื้นที่ด้านหน้าบ้านริมถนนวางสับปะรดขาย ปรากฏว่า นักท่องเที่ยวมาเที่ยวสวนเสือศรีราชา และมาเที่ยวจังหวัดชลบุรี โดยเฉพาะเกาหลีไม่รู้จักสับปะรด ไม่เคยเห็นต้นสับปะรด และหลายคนก็ไม่เคยกิน ก็แวะมาดู และซื้อกิน คุณแม่ก็ปอกให้กินในราคาลูกละ 20 บาท กินบ้างทิ้งบ้าง และหลายคนก็สั่งซื้อกลับประเทศ ลุงนัง (พ่อ) ก็จะทำหน้าที่บรรจุ แล้วไปส่งให้ตามออเดอร์ ก็เลยเกิดเป็นช่องทางหนึ่ง เรียกได้ว่าสับปะรดที่นำออกมาขายเท่าไรก็ไม่พอ จนต้องหันไปหาซื้อจากญาติ และเพื่อนบ้านละแวกใกล้เคียงมาขายด้วย
และพอต่อมาผ่านไปได้ 1 ปี ทางบริษัททัวร์เกาหลีมาติดต่อนำกรุ๊ปทัวร์มาลง โดยบรรจุไว้ในโปรแกรมการท่องเที่ยว เป็นที่มาของการทำผลไม้ถาดเสิร์ฟทัวร์เกาหลี ในส่วนของทำไร่ก็ลดน้อยลงมากเพราะไม่มีเวลา เอาเวลามาทำร้านลุงนังอย่างเดียว เพราะเห็นว่ารายได้ดีกว่า การทำไร่สับปะรดมาก แต่ก็ยังคงทำอยู่บ้าง เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้แวะมาชมต้นสับปะรด
คุณวิสุทธิ์บอกว่า เนื่องจากทำขายให้นักท่องเที่ยว รสชาติของผลไม้เป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะสับปะรด ซึ่งเป็นหัวใจของเรา จะต้องเลือกที่หวาน อร่อย ซึ่งตรงนี้ก็คงต้องอาศัยประสบการณ์ ถ้าปอกออกมาไม่ใช่อย่างที่เราต้องการก็ต้องตัดใจทิ้งเลย เพราะเป็นการกินครั้งแรกของเขา ดังนั้นจะต้องทำให้เขาประทับใจ และจดจำสับปะรดลุงนัง เพื่อจะได้นำไปบอกต่อ เท่ากับช่วยส่งเสริมผลไม้ไทย และการท่องเที่ยวไทยอีกทางหนึ่งด้วย
โทร. 08-1761-2868
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SME ผู้จัดการออนไลน์” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *