ASTVผู้จัดการออนไลน์ - เครือข่ายปกป้องเกาะสมุย-หมู่เกาะอ่างทอง ร่อนจดหมายเปิดผนึกหลัง 8 แกนนำขาหุ้นปฏิรูปพลังงานถูกจทบ.สุราษฎร์รวบ ยันสนับสนุน “เดินวันละโยชน์” ต่อ ชี้เป็นกิจกรรมตอกย้ำให้ คสช.-สปช.ตระหนักถึงประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากระบบพลังงาน วอนใช้ดุลพินิจแยกบริสุทธิ์ใจ หวังผลทางการเมือง เรียกร้อง “สื่อ” ทำหน้าที่สะท้อนปัญหาอย่างกล้าหาญ ตรงไปตรงมา ไม่ตกเป็นเครื่องมือฝ่ายอำนาจใด ร่วมผลักดันให้ประเทศ ประชาชนได้ประโยชน์จากปิโตรเลียมอย่างเป็นธรรม และยั่งยืน
วันนี้ (2 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังคณะขาหุ้นปฏิรูปพลังงาน นำโดย ดร.โอภาส ตันติฐากูร อดีตนักวิชาการ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ และนายอุดม ศรีนวล ผู้อำนวยการสถานศึกษาและเครือข่ายนักวิชาการ กับคณะรวม 8 คน ถูกทหารพระธรรมนูญ จังหวัดทหารบก (จทบ.) สุราษฎร์ธานี พร้อมสารวัตรทหาร เข้ารวบตัวโดยอ้างว่ากระทำผิดตามประกาศกฎอัยการศึก และคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และนำตัวไปควบคุมที่ค่ายวิภาวดีรังสิต จทบ.สุราษฎร์ธานี เมื่อเวลา 10.05 น. ขณะเหลือระยะทางประมาณ 14 กิโลเมตร จะเข้าสู่ อ.กาญจนดิษฐ์
เครือข่ายปกป้องเกาะแห่งชีวิต สมุย พะงัน เต่า และหมู่เกาะอ่างทอง ได้ทำจดหมายเปิดผนึกถึงสื่อมวลชน ลงวันที่ 2 สิงหาคม 2557 ความว่า
เป็นที่ทราบกันดีว่า โครงสร้างระบบพลังงานของประเทศในปัจจุบัน รัฐยังไม่สามารถจัดสรรผลประโยชน์จากทรัพยากรด้านพลังงานให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทุกกลุ่มผู้บริโภค จนเป็นที่มาของกระแสความต้องการปฏิรูประบบพลังงานของประเทศของกลุ่มองค์กรต่างๆ และประชาชนทั่วประเทศ ต้องการให้เกิดการปฏิรูประบบพลังงานของประเทศ
การเกิดขึ้นของกระบวนการขาหุ้นปฏิรูปพลังงานในภาคใต้ จัดกิจกรรมการเดินรณรงค์ให้ความรู้ด้านพลังงานแก่ประชาชนสองข้างทาง เป็นการตอกย้ำให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการปฏิรูประบบพลังงาน โดยเฉพาะ คสช. หรือสภาปฏิรูปที่จะจัดตั้งขึ้น ตระหนักถึงความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากระบบพลังงานที่มีอยู่ จำเป็นต้องเกิดการปฏิรูประบบพลังงานของประเทศอย่างเร่งด่วน และต้องกระทำอย่างโปร่งใส เป็นธรรม ไม่เอนเอียงเข้าข้างกลุ่มผู้ได้รับผลประโยชน์ในปัจจุบันซึ่งมีอำนาจการต่อรองที่สูงกว่าประชาชน
เครือข่ายปกป้องเกาะแห่งชีวิต สมุย พะงัน เต่า และ หมู่เกาะอ่างทอง ในฐานะองค์กรภาคประชาสังคมที่ต่อสู้เรียกร้องให้มีการยกเลิกแปลงสัมปทานปิโตรเลียม ที่ตั้งอยู่ใกล้เกาะที่มีความสำคัญด้านการท่องเที่ยวของประเทศ และยังตั้งอยู่ในทำเลที่มีความสำคัญต่อความมั่นคงทางอาหาร (ทะเล) ของคนไทยทั่วประเทศ จึงได้ประกาศตัวเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการ ขาหุ้นปฏิรูปพลังงาน เพราะเห็นเจตจำนงอันแน่ชัดว่าเป็นขบวนการของภาคประชาชนอย่างแท้จริง ปราศจากการเคลือบแฝงทางการเมืองของกลุ่มใดทั้งสิ้น มีความปรารถนาจะสรรสร้างความเป็นธรรมด้านพลังงานของประเทศ เพื่อให้เกิดประโยชน์อย่างเท่าเทียม และยั่งยืนแก่ทุกกลุ่มองค์กร ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุน สภาพสังคม หรือทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ดังข้อเสนอมีสาระสำคัญคือ
1) ต้องเปลี่ยนวิธีการให้ผลประโยชน์ต่อผู้ลงทุนจากระบบให้สัมปทาน เป็นระบบแบ่งปันผลผลิต หรือจ้างผลิต ซึ่งพิสูจน์แล้วในหลายประเทศทั่วโลกว่า ระบบแบ่งปันผลผลิตสร้างรายได้ให้แก่ประเทศเจ้าของปิโตรเลียมสูงกว่าระบบสัมปทาน
2) การทำความเข้าใจร่วมของคนในชาติว่า “ทรัพยากรพลังงานประชาชนเป็นเจ้าของร่วมกัน” จึงควรบริหารจัดการปิโตรเลียมที่ประเทศจัดหามาได้ให้เกิดความเป็นธรรมแก่คนทุกกลุ่มของสังคมอันจะนำมาสู่การกำหนดราคาที่เป็นธรรมต่อผู้บริโภคปิโตรเลียมในภาคส่วนต่างๆ ของสังคม
3) เพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างสมดุลทั้งด้านเศรษฐกิจโดยรวม ผู้ลงทุนด้านพลังงาน สังคมโดยรวม และความยั่งยืนของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จำเป็นที่จะต้องมีมาตรการกำหนดเขตพื้นที่การลงทุนด้านปิโตรเลียมที่เหมาะสม (โซนนิ่ง) ไม่ให้เกิดการทับซ้อน หรือแย่งชิงพื้นที่ที่มีความจำเป็น หรือเหมาะสมในการทำกิจการอื่นหรือไม่ทำลายวิถีชุมชน ที่มีสิทธิอันชอบธรรมทางกฎหมายรัฐธรรมนูญ และหลักสิทธิมนุษยชนสากล
4) การถอดถ่านหิน ออกจากแผนพลังงานไฟฟ้าของประเทศ (PDP) เพื่อรักษาไว้ซึ่งคุณภาพและความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตของผู้คนจำนวนมากที่ต้องได้รับผลกระทบจากการผลิต ขนส่ง และ เผาไหม้ถ่านหิน
5) รัฐต้องมีนโยบายอย่างชัดเจนในการส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาส่งเสริมการผลิต และใช้แหล่งพลังงานสะอาด หรือพลังงานหมุนเวียน เพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงานอย่างยั่งยืนในอนาคต
ข้อเรียกร้องทั้ง 5 ประเด็นข้างต้น จึงนำมาซึ่งผลประโยชน์ และความเป็นธรรมในสังคมและประเทศชาติโดยรวม และยังสามารถแก้ปัญหาข้อขัดแย้งที่เกิดจากการพัฒนา และการลงทุนที่เชื่อมโยงกับระบบการบริหารพลังงานในปัจจุบัน ทั้งของรัฐ และเอกชนในหลายๆ พื้นที่ทั่วประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคใต้ ดังเช่นกรณีการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินในหลายจังหวัดในภาคใต้ การขุดเจาะน้ำมันในพื้นที่ความมั่นคงด้านอาหารและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของเกาะสมุย เกาะพะงัน และเกาะเต่า เป็นต้น
ดังนั้น เพื่อเป็นการสนับสนุน คสช. ในการปฏิรูประบบพลังงาน ตามเจตนารมณ์ที่ต้องการลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความสามัคคี ปรองดอง และความเป็นธรรมให้เกิดขึ้นในสังคมอย่างแท้จริง จึงขอเรียกร้องมายังเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงทุกฝ่ายในพื้นที่การเดินรณรงค์ให้ความรู้แก่ประชาชนด้านพลังงานของ “ขาหุ้นปฏิรูปพลังงาน” ขอได้โปรดสนับสนุนการดำเนินการของประชาชน และใช้ดุลพินิจแยกแยะการกระทำอันมีความบริสุทธิ์ใจ มีเจตนาดีต่อประเทศชาติตามแนวทางเดียวกับคณะ คสช. หาได้เป็นการกระทำของผู้หวังผลทางการเมือง หรือเพื่อสร้างความแตกแยก หรือขัดแย้งกับทางคณะ คสช. แต่อย่างใด ความพยายามในการขัดขวางและบังคับให้ “ขาหุ้นปฏิรูปพลังงาน” หยุดกิจกรรมสร้างการมีส่วนร่วมในการ “ปฏิรูปพลังงาน” ด้วยข้อหาว่าขัดต่อกฎอัยการศึก เป็นการต่อต้านการปฏิบัติงานของ คสช. สร้างความขัดแย้งแตกแยก หรือเป็นการชุมนุมกันทางการเมือง ดังได้มีการควบคุมตัว ขาหุ้น 11 คน ที่จังหวัดสงขลามาแล้ว และยังได้มีคำสั่งให้หยุดกิจกรรมการเดินรณรงค์ ทั้งที่เกาะสมุย เกาะพะงัน และในขณะนี้ (2 ก.ย.’57) ได้มีการใช้กำลังทหารเข้าควบคุมตัวขาหุ้น 8 ท่าน ไปยังค่ายวิภาวดีรังสิต จ.สุราษฎร์ธานี ขณะเดินต่อจากการทำกิจกรรมที่ อ.เกาะพะงัน เพื่อเข้าสู่จังหวัดสุราษฎร์ธานี
แต่ด้วยเจตนารมณ์อันมั่นคง และชัดเจนของภาคประชาชน ที่มิได้มีการกระทำตามข้อหาการควบคุมตัวของเจ้าหน้าที่ทหารแต่อย่างใด ในทางตรงข้ามกลับเป็นการช่วยให้การทำงานของ คสช. ให้มีความเข้าใจปัญหา และหาทางออกที่ “ตรงใจ” กับประชาชนทั้งประเทศมากขึ้น
เครือข่ายปกป้องเกาะแห่งชีวิตฯ จึงขอยืนยันที่จะสนับสนุนให้กิจกรรม “การเดินวันละโยชน์” ของขาหุ้นปฏิรูปพลังงาน เพื่อสร้างประโยชน์ให้แก่คนทั้งชาติได้ดำเนินการต่อไปจนถึงที่สุด บนฐานการมีส่วนร่วมของประชาชนทุกฝ่าย และบนหลักสิทธิมนุษยชนในการแสดงออก ที่ไม่สร้างความเดือดร้อน และเคารพในกฎกติกาที่มีความถูกต้องเป็นธรรมของบ้านเมือง และขอเรียกร้องมายังสื่อสารมวลชน ได้โปรดทำหน้าที่สะท้อนปัญหาความเดือดร้อน และความต้องการของภาคประชาชนอย่างกล้าหาญ และตรงไปตรงมา ไม่ตกเป็นเครื่องมือของฝ่ายอำนาจใดๆ เข้ามาร่วมกันเป็น “ขาหุ้น” ร่วมกันผลักดันให้ประเทศชาติและประชาชนได้รับประโยชน์จากทรัพยากรปิโตรเลียมที่เรามีอยู่อย่างเป็นธรรม และยั่งยืนถึงลูกหลานไทยในอนาคต