นครศรีธรรมราช - เครือข่ายปกป้องเกาะแห่งชีวิต สมุย พะงัน เต่า และหมู่เกาะอ่างทอง สุดทน ร่อนจดหมายเปิดผนึกย้ำทหารกำลังก้าวพลาดอย่างใหญ่หลวง หลังคุมตัว 8 ขาหุ้นปฏิรูปพลังงาน ด้านประชาชนใน จ.บุรีรัมย์ พร้อมใจใส่เสื้อเครือข่ายขาหุ้นฯ ออกทีวี ชี้กระแสปฏิรูปพลังงานเป็นความต้องการของประชาชนที่ไม่มีอะไรมาแบ่งแยกได้
วันนี้ (3 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครือข่ายปกป้องเกาะแห่งชีวิต สมุย พะงัน เต่า และหมู่เกาะอ่างทอง ได้เขียนจดหมายเปิดผนึก สืบเนื่องจากกรณีขาหุ้นปฏิรูปพลังงาน จำนวน 8 คน ถูกทหารควบคุมตัวไว้ที่ค่ายวิภาวดีรังสิต จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อวานที่ผ่านมา โดยเครือข่ายปกป้องเกาะแห่งชีวิต สมุย พะงัน เต่า และหมู่เกาะอ่างทอง ระบุว่า
เป็นที่ทราบกันดีว่า โครงสร้างระบบพลังงานของประเทศในปัจจุบัน รัฐยังไม่สามารถจัดสรรผลประโยชน์จากทรัพยากรด้านพลังงานให้เกิดความเป็นธรรมต่อทุกกลุ่มผู้บริโภค จนเป็นที่มาของกระแสความต้องการปฏิรูประบบพลังงานของประเทศของกลุ่มองค์กรต่างๆ และประชาชนทั่วประเทศ ต้องการให้เกิดการปฏิรูประบบพลังงานของประเทศ
การเกิดขึ้นของกระบวนการขาหุ้นปฏิรูปพลังงานในภาคใต้ จัดกิจกรรมการเดินรณรงค์ให้ความรู้ด้านพลังงานแก่ประชาชนสองข้างทาง เป็นการตอกย้ำให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องต่อกระบวนการปฏิรูประบบพลังงาน โดยเฉพาะ คสช. หรือสภาปฏิรูป ที่จะจัดตั้งขึ้น ได้ตระหนักถึงความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากระบบพลังงานที่มีอยู่ จำเป็นต้องเกิดการปฏิรูประบบพลังงานของประเทศอย่างเร่งด่วน และต้องกระทำอย่างโปร่งใส เป็นธรรม ไม่เอนเอียงเข้าข้างกลุ่มผู้ได้รับผลประโยชน์ในปัจจุบันซึ่งมีอำนาจการต่อรองที่สูงกว่าประชาชน
เครือข่ายปกป้องเกาะแห่งชีวิต สมุย พะงัน เต่า และ หมู่เกาะอ่างทอง ในฐานะองค์กรภาคประชาสังคมที่ต่อสู้เรียกร้องให้มีการยกเลิกแปลงสัมปทานปิโตรเลียม ที่ตั้งอยู่ใกล้เกาะที่มีความสำคัญด้านการท่องเที่ยวของประเทศ และยังตั้งอยู่ในทำเลที่มีความสำคัญต่อความมั่นคงทางอาหาร (ทะเล) ของคนไทยทั่วประเทศ จึงได้ประกาศตัวเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการขาหุ้นปฏิรูปพลังงาน เพราะเห็นเจตจำนงอันแน่ชัดว่า เป็นขบวนการของภาคประชาชนอย่างแท้จริง ปราศจากการเคลือบแฝงทางการเมืองของกลุ่มใดทั้งสิ้น มีความปรารถนาจะสรรสร้างความเป็นธรรมด้านพลังงานของประเทศ เพื่อให้เกิดประโยชน์อย่างเท่าเทียม และยั่งยืนต่อทุกกลุ่มองค์กร ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุน สภาพสังคม หรือทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ดังข้อเสนอมีสาระสำคัญคือ
1.ต้องเปลี่ยนวิธีการให้ผลประโยชน์ต่อผู้ลงทุนจากระบบให้สัมปทาน เป็น ระบบแบ่งปันผลผลิต หรือ จ้างผลิต ซึ่งพิสูจน์แล้วในหลายประเทศทั่วโลกว่า ระบบแบ่งปันผลผลิตสร้างรายได้ให้แก่ประเทศเจ้าของปิโตรเลียมสูงกว่าระบบสัมปทาน
2.การทำความเข้าใจร่วมของคนในชาติว่า “ทรัพยากรพลังงานประชาชนเป็นเจ้าของร่วมกัน” จึงควรบริหารจัดการปิโตรเลียมที่ประเทศจัดหามาได้ให้เกิดความเป็นธรรมแก่คนทุกกลุ่มของสังคมอันจะนำมาสู่การกำหนดราคาที่เป็นธรรมต่อผู้บริโภคปิโตรเลียมในภาคส่วนต่างๆ ของสังคม
3.เพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างสมดุลทั้งด้านเศรษฐกิจโดยรวม ผู้ลงทุนด้านพลังงาน สังคมโดยรวม และความยั่งยืนของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จำเป็นที่จะต้องมีมาตรการกำหนดเขตพื้นที่การลงทุนด้านปิโตรเลียมที่เหมาะสม (โซนนิ่ง) ไม่ให้เกิดการทับซ้อน หรือ แย่งชิงพื้นที่ที่มีความจำเป็น หรือเหมาะสมในการทำกิจการอื่น หรือไม่ทำลายวิถีชุมชน ที่มีสิทธิอันชอบธรรมทางกฎหมายรัฐธรรมนูญ และหลักสิทธิมนุษยชนสากล
4.การถอดถ่านหินออกจากแผนพลังงานไฟฟ้าของประเทศ (PDP) เพื่อรักษาไว้ซึ่งคุณภาพ และความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม และคุณภาพชีวิตของผู้คนจำนวนมากที่ต้องได้รับผลกระทบจากการผลิต ขนส่ง และเผาไหม้ถ่านหิน
5.รัฐต้องมีนโยบายอย่างชัดเจนในการส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาส่งเสริมการผลิต และใช้แหล่งพลังงานสะอาด หรือพลังงานหมุนเวียน เพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงานอย่างยั่งยืนในอนาคต
ข้อเรียกร้องทั้ง 5 ประเด็นข้างต้น จึงนำมาซึ่งผลประโยชน์ และความเป็นธรรมในสังคมและประเทศชาติโดยรวม และยังสามารถแก้ปัญหาข้อขัดแย้งที่เกิดจากการพัฒนาและการลงทุนที่เชื่อมโยงกับระบบการบริหารพลังงานในปัจจุบัน ทั้งของรัฐและเอกชนในหลายๆ พื้นที่ทั่วประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคใต้ ดังเช่นกรณีการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินในหลายจังหวัดในภาคใต้ การขุดเจาะน้ำมันในพื้นที่ความมั่นคงด้านอาหาร และอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของเกาะสมุย เกาะพะงัน และเกาะเต่า เป็นต้น
ดังนั้น เพื่อเป็นการสนับสนุน คสช. ในการปฏิรูประบบพลังงาน ตามเจตนารมณ์ที่ต้องการลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความสามัคคี ปรองดอง และความเป็นธรรมให้เกิดขึ้นในสังคมอย่างแท้จริง จึงขอเรียกร้องมายังเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงทุกฝ่ายในพื้นที่การเดินรณรงค์ให้ความรู้แก่ประชาชนด้านพลังงานของ “ขาหุ้นปฏิรูปพลังงาน” ขอได้โปรดสนับสนุนการดำเนินการของประชาชน และใช้ดุลพินิจแยกแยะการกระทำอันมีความบริสุทธิ์ใจ มีเจตนาดีต่อประเทศชาติตามแนวทางเดียวกับคณะ คสช. หาได้เป็นการกระทำของผู้หวังผลทางการเมือง หรือเพื่อสร้างความแตกแยก หรือขัดแย้งต่อทางคณะ คสช. แต่อย่างใด
ความพยายามในการขัดขวาง และบังคับให้ “ขาหุ้นปฏิรูปพลังงาน” หยุดกิจกรรมสร้างการมีส่วนร่วมในการ “ปฏิรูปพลังงาน” ด้วยข้อหาว่าขัดต่อกฎอัยการศึก ต่อต้านการปฏิบัติงานของ คสช. สร้างความขัดแย้งแตกแยก หรือเป็นการชุมนุมกันทางการเมือง จะเป็นย่างก้าวที่มีความผิดพลาดอย่างสูงยิ่งต่อศรัทธาที่ประชาชนมีให้ฝ่ายทหาร ในการนำพาประเทศชาติออกจากความขัดแย้งของคนในชาติ ดังที่ได้มีการควบคุมตัว ขาหุ้น 11 คน ที่จังหวัดสงขลา มาแล้ว และยังได้มีคำสั่งให้หยุดกิจกรรมการเดินรณรงค์ ทั้งที่เกาะสมุย เกาะพะงัน และเมื่อวานนี้ (2 ก.ย.) ได้มีการใช้กำลังทหารเข้าควบคุมตัวขาหุ้น 8 ท่าน ไปยังค่ายวิภาวดีรังสิต จ.สุราษฎร์ธานี ขณะเดินต่อจากการทำกิจกรรมที่ อ.เกาะพะงัน เพื่อเข้าสู่จังหวัดสุราษฎร์ธานี
ดังนั้น ด้วยเจตนารมณ์อันมั่นคง และชัดเจนของภาคประชาชน ที่มิได้มีการกระทำตามข้อหาการควบคุมตัวของเจ้าหน้าที่ทหารแต่อย่างใด ในทางตรงข้ามกลับเป็นการช่วยให้การทำงานของ คสช. ให้มีความเข้าใจปัญหา และหาทางออกที่ “ตรงใจ” ต่อประชาชนทั้งประเทศมากขึ้น เครือข่ายปกป้องเกาะแห่งชีวิตฯ จึงขอยืนยันที่จะสนับสนุนให้กิจกรรม “การเดินวันละโยชน์” ของขาหุ้นปฏิรูปพลังงาน เพื่อสร้างประโยชน์ให้แก่คนทั้งชาติได้ดำเนินการต่อไปจนถึงที่สุด บนฐานการมีส่วนร่วมของประชาชนทุกฝ่าย และบนหลักสิทธิมนุษยชนในการแสดงออก ที่ไม่สร้างความเดือดร้อน และเคารพในกฎกติกาที่มีความถูกต้องเป็นธรรมของบ้านเมือง
และขอเรียกร้องมายังสื่อสารมวลชน ได้โปรดทำหน้าที่สะท้อนปัญหาความเดือดร้อน และความต้องการของภาคประชาชนอย่างกล้าหาญ และตรงไปตรงมา ไม่ตกเป็นเครื่องมือของฝ่ายอำนาจใดๆ เข้ามาร่วมกันเป็น “ขาหุ้น” ร่วมกันผลักดันให้ประเทศชาติ และประชาชนได้รับประโยชน์จากทรัพยากรปิโตรเลียมที่เรามีอยู่อย่างเป็นธรรม และยั่งยืนถึงลูกหลานไทยในอนาคต
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ขณะนี้กระแสความตี่นตัวเรื่องการปฏิรูปพลังงาน หลังการเคลื่อนไหวของเครือข่ายขาหุ้นปฏิรูปพลังงาน ตามกิจกรรมเดินวันละโยชน์ เพื่อประโยชน์คนทั้งชาติ หาดใหญ่-กรุงเทพฯ 1,400 กิโลเมตร พบว่า มีการตอบรับจากประชาชนทั่วประเทศ ล่าสุดคือ กลุ่มภาคประชาชนใน จ.บุรีรัมย์ ที่พร้อมใจกันใส่เสื้อตราสัญลักษณ์เครือข่ายขาหุ้นปฏิรูปพลังงาน ไปออกรายการโทรทัศน์ช่องหนึ่ง และถ่ายรูปลงเผยแพร่ทางเฟซบุ๊ก ซึ่งปรากฏการณ์นี้สะท้อนให้เห็นว่า ประเด็นการปฏิรูปพลังงานเป็นความต้องการของภาคประชาชนทั้งประเทศโดยไม่มีการแบ่งแยกกันแต่อย่างใด