ปัตตานี - ศอ.บต. จัดโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนระดับหมู่บ้านจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อเป็นเครื่องมือของภาครัฐในการรุกกลับลงสู่หมู่บ้าน ตำบล อันนำไปสู่การพัฒนาจังหวัดชายแดนใต้อย่างยั่งยืน ตอบโจทย์นโยบายความมั่นคงของคณะ คสช.
วันนี้ (28 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายขวัญชาติ วงศ์ศุภรานันต์ รองเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าวว่า โครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนระดับหมู่บ้านจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือโครงการ พนม.ถือเป็นโครงการหลักของการวางระบบการแก้ไขปัญหา และพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นโครงการที่รวมเอาหลักการสำคัญๆ ไว้ทั้งหมด
กล่าวคือ เป็นเครื่องมือของภาครัฐในการรุกกลับลงสู่หมู่บ้าน ตำบล การแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ของการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในพื้นที่ ขณะเดียวกัน ก็เป็นตำราฝึกสอนการปกครองระบอบประชาธิปไตยในระดับหมู่บ้าน ตำบล ซึ่งเป็นเครื่องมือในการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ตรงต่อความต้องการของประชาชน วันนี้ได้เห็นทุกคนมารวมตัวกันจึงอยากให้ท่านทั้งหลายได้นำประสบการณ์การทำงานใน 8 ปีที่ผ่านมา บวกกับแนวคิด วิสัยทัศน์ มาช่วยกันคิดว่าในระยะเวลาต่อไป
นอกจากจะต้องขับเคลื่อนโครงการ พนม.ตามวัตถุประสงค์ และหลักการเหตุผลของโครงการแล้ว สิ่งหนึ่งที่จะต้องเพิ่มเติมเข้ามา คือ การนำเอาหลักการพัฒนาเพื่อเสริมความมั่นคงเข้ามาเป็นกลไกของโครงการ พนม.ด้วย ทั้งนี้ เพื่อให้ตอบโจทย์นโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แม่ทัพภาคที่ 4 ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 และเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งกำหนดเป้าหมายสูงสุดในการดำเนินงานว่า “พื้นที่ปลอดเหตุ คนปลอดภัย ตำบลเอาชนะยาเสพติด หมู่บ้านชุมชนเข้มแข็ง ประชาชนเป็นสุข”
ด้าน นางน้ำทิพย์ จันทรสกุล ผู้อำนวยการส่วนงานบัณฑิตอาสา สำนักสังคมจิตวิทยา ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในนามของคณะผู้ดำเนินการจัดงาน กล่าวด้วยว่า ในปีงบประมาณ 2558 การดำเนินงานโครงการ พนม.ซึ่งเป็นโครงการต่อเนื่องจะดำเนินการภายใต้กรอบแนวคิดการพัฒนา “คำตอบอยู่ที่หมู่บ้าน และเป็นการแก้ไขปัญหาตามความเป็นจริงที่สอดคล้องต่อช่วงเวลา และสภาพการณ์ที่เปลี่ยนไป” รวมทั้งมีจุดมุ่งหมายเพื่อต้องการให้ข้าราชการในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานในพื้นที่หมู่บ้านลงไปปฏิบัติงานในลักษณะบูรณาการในรูปชุดปฏิบัติการทีม พัฒนาคุณภาพชีวิตระดับตำบล ทั้งหน่วยงานด้านความมั่นคง และหน่วยงานพัฒนาให้เกิดความใกล้ชิดกับประชาชน และประชาชนเกิดความอบอุ่นใจ เกิดความเชื่อมั่นต่อข้าราชการ
