ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - “หม่อมกร” ล่องใต้วิพากษ์ทหารจับกุม 11 ขาหุ้นปฏิรูปพลังงาน เผยอาจทำระบบปฏิรูปประเทศชาติสั่นคลอน ชี้เป็นความคิดที่ผิด เหมือนตัดผู้ช่วยสำคัญ ยันภาคประชาชนเท่านั้นที่จะช่วยให้การปฏิรูปประเทศสำเร็จ
จากกรณีตัวแทนภาคประชาชนจาก 14 จังหวัดภาคใต้ ที่รวมตัวกันในนามเครือข่าย “ขาหุ้นปฏิรูปพลังงาน” แล้วจัดกิจกรรม “เดินวันละโยชน์ เพื่อประโยชน์คนทั้งชาติ” โดยร่วมเดินเท้าปฏิรูปพลังงาน (The Energy Walking) จากบริเวณลานจัตุรัสหน้าหอนาฬิกา อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 19 ส.ค.ที่ผ่านมา แล้วถูกทหารจากมณฑลทหารบทที่ 42 ค่ายเสนาณรงค์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ควบคุมตัวรวม 11 คน ไปไว้ในค่ายเมื่อบ่ายวันที่ 20 ส.ค. ซึ่งถึงวันนี้ (23 ส.ค.) รวมเวลาถูกควบคุมตัวเป็นวันที่ 4 แล้วนั้น
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี นักวิชาการอิสระด้านนโยบายพลังงาน กล่าวระหว่างเดินทางมาร่วมกิจกรรมในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และ จ.พัทลุง ถึงกรณีดังกล่าวว่า ประเด็นการจับกุมตัวแทนเดินเท้าปฏิรูปพลังงานทั้ง 11 คนนั้น สะท้อนความเหลื่อมล้ำของสังคมไทยได้ชัดเจน โดยเฉพาะเรื่องการแสดงความเห็นเกี่ยวกับนโยบายด้านพลังงาน
ม.ล.กรกสิวัฒน์ กล่าวว่า ขณะนี้เวทีวิชาการเรื่องพลังงานถูกกล่าวถึงอย่างแพร่หลาย เช่น ราคาที่ไม่เป็นธรรม ความไม่โปร่งใสของนโยบายด้านผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ หรือการจัดทำอีเอชไอเอ รวมทั้งความไม่มีธรรมาภิบาลในเรื่องการสัมปทาน โดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) อนุญาตให้ฝ่ายวิชาการแสดงออก และวิพากษ์เรื่องพลังงานได้ รวมทั้งรัฐวิสาหกิจมีสิทธินำเสนอข้อมูลและแสดงความเห็นได้อย่างเต็มที่
“แต่แปลกที่ภาคประชาชนเคลื่อนไหวแล้วถูกควบคุมตัว โดยไม่มีเหตุผลที่เหมาะสมด้วย” ม.ล.กรกสิวัฒน์ กล่าวก่อนจะเสริมว่า
ในส่วนตัวตนเคยได้ยินฝ่ายบริหารเข้ามาวิจารณ์ประชาชนหลายครั้งเรื่องการทวงคืนนโยบายพลังงานว่า ประชาชนมุ่งทำตามอำเภอใจ ต้องการสิ่งที่เป็นประชานิยม กล่าวคือ ราคาน้ำมันถูก แล้วสร้างวาทกรรมให้แก่คนต่อต้านระบบพลังงานแบบสัมปทานว่า คลั่งสิทธิประชานิยม ชอบของถูก แต่ข้อเท็จจริงมีมากกว่านั้น เพราะภาคประชาชนหลายพื้นที่เคลื่อนไหวเรื่องระบบพลังงานในแง่มุมของการรักษาทรัพยากรประเทศ
ม.ล.กรกสิวัฒน์ กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้คนในประเทศมีสิทธิเท่ากัน และการเคลื่อนไหวเรื่องพลังงานเชื่อมโยงหลายด้าน เช่น ทั้งการขุดเจาะก๊าซในภาคใต้ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ การสร้างโรงไฟฟ้า ฯลฯ ไม่ใช่เกี่ยวข้องแค่ราคาน้ำมัน หรือราคาปิโตรเลียมอย่างเดียว
“ผมมองว่าการควบคุมตัว 11 คนเดินเท้าเครือข่ายขาหุ้นปฏิรูปพลังงานเป็นความคิดที่ผิด เหมือนตัดผู้ช่วยสำคัญ เพราะภาคประชาชนเท่านั้นที่จะมีส่วนช่วยให้การปฏิรูปประเทศสำเร็จ พวกเขาคือส่วนสำคัญในการตรวจสอบนโยบายพลังงานที่คณะบริหารต้องฟัง” ม.ล.กรกสิวัฒน์ กล่าวและว่า
ส่วนตัวแทนรัฐวิสาหกิจ และข้าราชการที่ทำงานในกระทรวงพลังงาน หรือในระบบทุน ต้องผลักออกไปอยู่ข้างๆ เวทีการแสดงความเห็น ไม่ต้องให้พื้นที่มาก แต่ภาคประชาชนต้องให้พื้นที่เต็มๆ โดยจะเดินจะแสดงความคิดเห็น ผู้บริหารต้องฟัง ไม่ใช่เร่งรัดจับกุมโดยอ้างความสงบ เพราะคนเดินไม่ได้ต้านรัฐประหาร ไม่ได้ต้านคณะทหาร หรือต้านกฎอัยการศึก
ต่อข้อถามที่ว่า แล้วเรื่องพลังงานเร่งด่วนที่สุดต่อการรับรู้ของคนไทยคืออะไร โยเฉพาะภายหลังจากเครือข่ายภาคประชาชนบางส่วนถูกควบคุมตัว ม.ล.กรกสิวัฒน์ ให้ความเห็นว่า คนไทยต้องรู้ข้อมูลเปรียบเทียบราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่นระหว่างราคาในประเทศไทย และราคาต่างประเทศ โดยส่วนมากกระทรวงพลังงาน และรัฐวิสาหกิจอ้างว่าใช้ราคาอิงประเทศสิงคโปร์ แต่ไม่มีตัวเลขและราคาจริงในประเทศสิงคโปร์ว่าราคาเท่าไหร่ เพราะที่ผ่านมา รัฐวิสาหกิจเปิดเผยแค่ราคาค้าปลีก ไม่ใช่ราคาหน้าโรงกลั่น
“จะเป็นใครก็ตามที่เข้ามาบริหาร หรือเป็นกรรมการด้านพลังงาน เขาต้องเปิดเผยข้อมูลให้คนไทยรับทราบทั้งหมดอย่างโปร่งใส ผมเคยทวงถามไปหลายครั้งในหลายเวที แต่ไม่มีใครตอบได้ หากคณะผู้บริหารประเทศ และคณะบริหารด้านพลังงานจริงใจ ไม่จำเป็นเลยต้องไปปราบ หรือคุมตัวใคร หรือคนที่แสดงความคิดเห็นด้านพลังงานและทรัพยากร คุณก็แค่เรียกตัวคณะบริหารมาชี้แจงข้อมูล แล้วเปิดเผยให้ประชาชนทราบก็เท่านั้น จากนั้นประชาชนเห็นด้วยหรือไม่ก็แล้วแต่ พวกเขาตัดสินใจเอง อย่างน้อยเป็นการไขข้อข้องใจเรื่องความไม่โปร่งใสในด้านนโยบายพลังงาน ซึ่งอาจทำให้ภาคประชาชนยืนตรงข้ามกับคณะปฏิรูปได้” ม.ล.กรกสิวัฒน์ กล่าวตบท้าย
