ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ทหาร สนธิกำลังร่วมทุกฝ่ายเกี่ยวข้องปฏิบัติการทวงคืนพื้นที่สาธารณะหาดในยาง ภูเก็ต ผู้ไม่มีเอกสารสิทธิทยอยแจ้งชื่อยอมรื้อถอนแล้วเบื้องต้น 29 ราย ขณะที่ผู้บุกรุกครอบครองโดยอ้างเอกสารสิทธิ 3 แปลง พบ 1 แปลง ใช้ ส.ค.บิน มาออกซ้ำ ยืนยันสู้คดีชั้นศาล
วันนี้ (19 ส.ค.) บริเวณที่ทำการอุทยานแห่งชาติสิรินาถ หาดในยาง ต.สาคู อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เจ้าหน้าที่ฝ่ายจังหวัด อำเภอถลาง องค์การบริหารส่วนตำบลสาคู ที่ดินจังหวัดส่วนแยกถลาง สำนักงานเจ้าท่าฯ สำนักงานสรรพากร ตำรวจภูธรท่าฉัตรไชย อุทยานแห่งชาติสิรินาถ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร นำโดย น.ท.พรพรหม สกุลเต็ม ฝ่ายเสนาธิการประจำกองเรือปฏิบัติการทัพเรือภาคที่ 3 และผู้ควบคุมความสงบเรียบร้อยในจังหวัดภูเก็ต นายสิทธิชัย พรหมชาติ เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ตส่วนแยกถลาง นายกิตติพัฒน์ ธาราภิบาล หัวหน้าอุทยานแห่งชาติสิรินาถจังหวัดภูเก็ต นายภูริพัฒน์ ธีระกุลพิศุทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาภูเก็ต และนายสุเมธ สุวรรณรัตน์ ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลสาคู ร่วมสนธิกำลังบูรณาการขั้นตอนการปฏิบัติในการทวงคืนแผ่นดินจากผู้บุกรุกพื้นที่สาธารณะหาดในยาง ก่อนที่จะดำเนินการรื้อถอน
โดยในขั้นต้น เจ้าหน้าที่จากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องดังกล่าวได้เชิญผู้มีส่วนได้เสีย ซึ่งเป็นผู้ประกอบการ จำนวน 47 ราย บริเวณหาดในยาง มารับทราบถึงขั้นตอนการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่แต่ละฝ่าย พร้อมเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการแต่ละกลุ่มได้ชี้แจงข้อเท็จจริงการเข้าครอบครองพื้นที่บริเวณหาดในยาง ก่อนที่จะเริ่มดำเนินการตรวจสอบเอกสารการครอบครองที่ดินของผู้บุกรุกแต่ละกลุ่มที่อ้างเอกสารที่แตกต่างกัน
ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มแรก บุกรุกครอบครองโดยอ้าง ส.ค. เลขที่ 150 ของนายทวี เงินดี เนื้อที่ 10-2-41 ไร่ ปัจจุบันมีผู้ครอบครอง จำนวน 14 ราย แต่จากการตรวจสอบของกรมที่ดินพบว่า ส.ค.เลขที่ 150 เป็น ส.ค.ที่นำมาออกซ้ำกับพื้นที่อื่น เพราะฉะนั้น ทางกฎหมายไม่สามารถนำมากล่าวอ้างได้อีก มีผู้คริบครอง3รายยอมลงชื่อให้รื้อถอน แต่ผู้ครอบครองอีก11รายยืนยันจะขอต่อสู้คดีในชั้นศาลต่อไป เจ้าหน้าที่จึงแจ้งความดำเนินคดีต่อผู้ครอบครองทั้ง 11 ราย ข้อหาบุกรุกพื้นที่สาธารณะ
ส่วนกลุ่มที่ 2 อ้าง ส.ค.เลขที่ 287 ครอบครองที่ดินเนื้อที่ 9 ไร่ และ ส.ค.เลขที่ 194 ครอบครองที่ดินเนื้อที่ 2 ไร่เศษ ซึ่งเป็นของ นายแดง หลาวล่าง โดย ส.ค.เลขที่ 287 ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา เจ้าหน้าที่จึงยังไม่มีการทำการรังวัด เพียงแค่ตรวจสอบคร่าวๆ ให้ทราบในแนวเขตที่ดิน ส่วน ส.ค.เลขที่ 194 ศาลได้มีคำพิพากษาให้มีสิทธิเหนือที่ดินทำกิน เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการรังวัดเพื่อให้ได้ความชัดเจนในสิทธินั้น ส่วนที่เกินไปจากแนวเขตที่ยึดถือครอบครองตามสิทธิก็จะให้มีการรื้อถอนต่อไป
และกลุ่มที่ 3 บุกรุกครอบครองที่ดินโดยไม่มีเอกสารสิทธิ ซึ่งไม่ทราบจำนวนแน่ชัดว่ามีผู้บุกรุกถือครองกี่ราย แต่ขณะนี้มีผู้มาลงทะเบียนแจ้งชื่อยอมรื้อถอนออกจากพื้นที่บุกรุกต่อทาง อบต.สาคู แล้ว จำนวน 25 ราย และทาง อบต.สาคู มีกำหนดให้ผู้บุกรุกเข้าแจ้งชื่อได้จนถึงวันที่ 22 ส.ค.นี้ หากพบว่ามีรายใดไม่มีการแจ้งชื่อยอมรื้อถอนก็จะดำเนินการแจ้งความดำเนินคดีข้อหาบุกรุกและสั่งให้มีการรื้อถอนต่อไป สรุปขณะนี้มีผู้ลงชื่อรื้อถอนเองรวม2กลุ่ม29ราย
อย่างไรก็ตาม การดำเนินคดีต่อผู้บุกรุกที่ไม่ยอมรับในความผิด โดยจะแจ้งความในทุก พ.ร.บ.ที่เกี่ยวข้องด้วยหน่วยงานต่างๆ ที่เป็นผู้บังคับใช้ พ.ร.บ.จากนั้นทำการตรวจภาษีย้อนหลัง และประเมินค่ารื้อถอน ต่อด้วยการปิดประกาศให้รื้อถอนภายใน 30 วัน ตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร ซึ่งจะเริ่มปิดประกาศให้มีการรื้อถอนตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
สำหรับพื้นที่ที่มีการบุกรุกบริเวณหาดในยางดังกล่าว อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติสิรินาถ และพื้นที่สาธารณประโยชน์ทุ่งสงวนเลี้ยงสัตว์ มี อบต.สาคู และอำเภอถลาง เป็นผู้รับผิดชอบดูแลพื้นที่ดังกล่าว จากการตรวจสอบย้อนหลังของกรมที่ดิน พบว่า ใน ปี พ.ศ.2511 ก่อนการประกาศเขตอุทยานฯ ได้มีการประกาศเป็นพื้นที่สาธารณประโยชน์แหลมพิษ กับที่สาธารณะประโยชน์ปากบาง มีเนื้อที่รวมประมาณ 700 กว่าไร่ ครอบคลุมไปถึงสนามบินภูเก็ต
