ปัตตานี - คณะทำงานปราบปรามภัยแทรกซ้อน กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ระบุหนักใจต่อการดำเนินคดีของ “เสี่ยโจ้” เจ้าหน้าที่รัฐปล่อยเกียร์ว่างไม่ยอมดำเนินคดี หลังตรวจพบมีการกระทำผิดจริง
วันนี้ (9 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ทาง พล.ต.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ ผู้บังคับหน่วยกองกำลังทหารพราน จังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ต.อ.จตุพร กลัมพสูต รอง ผบ.หน่วยกองกำลังทหารพรานฯ และคณะทำงานปราบปรามภัยแทรกซ้อน กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ได้นำกำลังนับร้อยเข้าปิดล้อมตรวจค้น หจก.สหทรัพย์ทวีค้าไม้ ซึ่งตั้งอยู่เลขที่ 103/49 ถนนนาเกลือ หมู่ 8 ต.บานา อ.เมือง จ.ปัตตานี ตามคำสั่งของ คมช. เมื่อวันที่ 17 มิย.57 ที่ผ่านมา
และสามารถตรวจยึดของกลางหลายรายการ เช่น เรือประมงขนาดใหญ่ ที่ได้มีการดัดแปลงไว้บรรจุน้ำมันเถื่อน จำนวน 5 ลำ จอดไว้ที่บริเวณท่าเรือ ต.บานา อ.เมืองปัตตานี ไม้แปรรูปขนาดใหญ่เป็นจำนวนมาก ดวงตราประทับผ่านเข้า-ออกชายแดนไทย ของตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ตู้เซฟนิรภัยบรรจุเงินสดจำนวนหลายตู้ ได้เก็บไว้ในบ้านของนายสหชัย เจียรเสริมสิน หรือเสี่ยโจ้ โดยบางส่วนเจ้าหน้าที่สามารถเปิดได้พบเป็นเงินสกุลไทย และสกุลต่างประเทศ สามารถนับมูลค่าเป็นเงินได้ 28.2 ล้านบาทเศษ
และบางส่วนยังอยู่ระหว่างการตรวจหารหัสเปิดเซฟตู้นิรภัย ซึ่งขณะนี้ยังคงเก็บไว้ภายในบ้านดังกล่าว โดยมีการจัดกำลังทหารเข้าเวรยามรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนา ภายใน หจก.สหทรัพย์ทวีค้าไม้ นอกจากนั้น ยังมีเอกสารการเงิน บัญชีจ่ายส่วย สมุดบัญชี มีเงินไหลเวียนในระบบเป็นเงินมหาศาล และพบมีการกระทำความผิดเชื่อมโยงกับหลายหน่วยงาน จึงได้ทำหนังสือประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เข้ามาตรวจสอบ เพื่อรวบรวมข้อเท็จจริงรายงานให้ทางคณะทำงานของ คสช.ต่อไป
ล่าสุด พ.อ.จตุพร กลัมพสูต รอง ผบ.หน่วยกองกำลังทหารพรานฯ และคณะทำงานปราบปรามภัยแทรกซ้อน ระบุว่า ทางคณะอนุกรรมการติดตามคดีสำคัญที่แม่ทัพภาคที่ 4 ได้แต่งตั้งขึ้นมา เพื่อให้มีการติดตามคดีสำคัญในพื้นที่ภาคใต้ โดย มี กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าได้นั่งเป็นประธาน ได้ระบุถึงความคืบหน้าของผลการดำเนินการตรวจสอบ ตลอดจนการดำเนินคดีต่อ นายสหชัย เจียรเสริมสิน หรือเสี่ยโจ้ ว่า ยังไม่คืบหน้าเท่าที่ควร เพราะเจ้าหน้าที่รัฐที่เข้าไปตรวจสอบ ได้แจ้งผลการตรวจสอบภายใน หจก.สหทรัพย์ทวีค้าไม้ จากของกลางที่ได้อายัดไว้ก่อนหน้านี้หลายรายการพบว่า มีการกระทำความผิดจริง แต่กลับไม่ยอมดำเนินการแจ้งความเอาผิดต่อเจ้าของตามขั้นตอนของกระบวนการของกฎหมาย โดยเฉพาะสรรพากรจังหวัดปัตตานี จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้ดำเนินการใดๆ ต่อทรัพย์สินของนายสหชัย ที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก ทั้งๆ ที่นายสหชัย หรือเสี่ยโจ้ ได้ถูกศาลล้มละลายกลางพิพากษามาแล้วให้นายสหชัย หรือเสี่ยโจ้ เป็นบุคคลล้มละลายเมื่อปี พ.ศ.2555 และศาลยังได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของบุคคลดังกล่าวมาแล้ว
สืบเนื่องจาก นายสหชัย หรือเสี่ยโจ้ ถูกกรมสรรพากรฟ้องเรียกเก็บเงินภาษีย้อนหลัง เป็นเงินมูลค่ามากถึง 414.2 ล้านบาทเศษ แต่ไม่สามารถเรียกเก็บได้ เพราะสถานที่อยู่ที่ได้แจ้งมาของนายสหชัย หรือเสี่ยโจ้ ในขณะนั้นเป็นเพียงบ้านพักเล็กๆ ในสลัมของ จ.เพชรบุรี ซึ่งปัจจุบันนายสหชัย หรือเสี่ยโจ้ ได้พักอาศัยที่อยู่เลขที่ 103/49 ถนนนาเกลือ หมู่ 8 ต.บานา อ.เมือง จ.ปัตตานี ซึ่งเป็นที่ดินขององค์การบริหารส่วนจังหวัดปัตตานี จากการตรวจสอบพบว่า นายสหชัย หรือเสี่ยโจ้ ได้เช่าที่ดังกล่าวไว้เพื่อเป็นที่ตั้งของ หจก.สหทรัพย์ทวีค้าไม้ และเป็นที่พักจริง ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้มีการแจ้งยกเลิกจากการเช่าที่ดินดังกล่าวจาก อบจ.ปัตตานี แต่อย่างใด แม้จะถูกศาลพิพากษาเป็นบุคคลล้มละลายมาแล้วก็ตาม
นอกจากนั้น หน่วยงานป่าไม้จังหวัดได้แจ้งผลการตรวจสอบไม้แปรรูปภายใน หจก.สหทรัพย์ทวีค้าไม้ พบมีบางส่วนที่ไม่ได้มีการประทับตราจากหน่วยงานป่าไม้อย่างถูกต้อง แต่กลับยังไม่ได้มีการดำเนินคดีเอาผิดแต่อย่างใด ในส่วนของทรัพย์สินของ นายสหชัย หรือเสี่ยโจ้ ที่มีทั้งเงินสด และทรัพย์สินอีกหลายรายการที่มีมูลค่ามหาศาล แต่ทางสรรพากรจังหวัดปัตตานี กลับไม่ได้ดำเนินการยึด หรือพิทักษ์ทรัพย์ตามคำสั่งศาลล้มละลายกลาง ตั้งแต่ ปี 2555 มาแล้ว เพื่อคืนหนี้ให้แก่รัฐที่มีมูลค่ามากถึง 414.2 ล้านบาทเศษ แต่กลับบอกว่าไม่กล้าในเรื่องความปลอดภัย จึงไม่ดำเนินการยึดทรัพย์ดังกล่าว ปล่อยให้ทหารจัดเวรยามเฝ้าทรัพย์สินดังกล่าวอย่างไม่มีกำหนด ส่วนนายสหชัย หรือเสี่ยโจ้ ยังคงถูกฝากข้างในเรือนจำกลางปัตตานี ในระหว่างการสอบสวน หลังจากที่ศาลจังหวัดปัตตานีไม่อนุญาตให้ประกันตัว
“ขณะนี้ทางคณะอนุกรรมการติดตามคดีพิเศษ ที่แม่ทัพภาคที่ 4 แต่งตั้งขึ้นเพื่อติดตามคดี ได้ดำเนินการบันทึกรายงานทั้งหมดถึงสถานการณ์ และสภาพความเป็นจริง กรณีการดำเนินคดีไม่คืบหน้าเท่าที่ควรให้ทาง คสช.รับทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป ส่วนจะทำเรื่องโย้กย้ายเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับผู้บังคับบัญชา” พ.อ.จตุพร กลัมพสูต กล่าว
วันนี้ (9 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ทาง พล.ต.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ ผู้บังคับหน่วยกองกำลังทหารพราน จังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ต.อ.จตุพร กลัมพสูต รอง ผบ.หน่วยกองกำลังทหารพรานฯ และคณะทำงานปราบปรามภัยแทรกซ้อน กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ได้นำกำลังนับร้อยเข้าปิดล้อมตรวจค้น หจก.สหทรัพย์ทวีค้าไม้ ซึ่งตั้งอยู่เลขที่ 103/49 ถนนนาเกลือ หมู่ 8 ต.บานา อ.เมือง จ.ปัตตานี ตามคำสั่งของ คมช. เมื่อวันที่ 17 มิย.57 ที่ผ่านมา
และสามารถตรวจยึดของกลางหลายรายการ เช่น เรือประมงขนาดใหญ่ ที่ได้มีการดัดแปลงไว้บรรจุน้ำมันเถื่อน จำนวน 5 ลำ จอดไว้ที่บริเวณท่าเรือ ต.บานา อ.เมืองปัตตานี ไม้แปรรูปขนาดใหญ่เป็นจำนวนมาก ดวงตราประทับผ่านเข้า-ออกชายแดนไทย ของตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ตู้เซฟนิรภัยบรรจุเงินสดจำนวนหลายตู้ ได้เก็บไว้ในบ้านของนายสหชัย เจียรเสริมสิน หรือเสี่ยโจ้ โดยบางส่วนเจ้าหน้าที่สามารถเปิดได้พบเป็นเงินสกุลไทย และสกุลต่างประเทศ สามารถนับมูลค่าเป็นเงินได้ 28.2 ล้านบาทเศษ
และบางส่วนยังอยู่ระหว่างการตรวจหารหัสเปิดเซฟตู้นิรภัย ซึ่งขณะนี้ยังคงเก็บไว้ภายในบ้านดังกล่าว โดยมีการจัดกำลังทหารเข้าเวรยามรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนา ภายใน หจก.สหทรัพย์ทวีค้าไม้ นอกจากนั้น ยังมีเอกสารการเงิน บัญชีจ่ายส่วย สมุดบัญชี มีเงินไหลเวียนในระบบเป็นเงินมหาศาล และพบมีการกระทำความผิดเชื่อมโยงกับหลายหน่วยงาน จึงได้ทำหนังสือประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เข้ามาตรวจสอบ เพื่อรวบรวมข้อเท็จจริงรายงานให้ทางคณะทำงานของ คสช.ต่อไป
ล่าสุด พ.อ.จตุพร กลัมพสูต รอง ผบ.หน่วยกองกำลังทหารพรานฯ และคณะทำงานปราบปรามภัยแทรกซ้อน ระบุว่า ทางคณะอนุกรรมการติดตามคดีสำคัญที่แม่ทัพภาคที่ 4 ได้แต่งตั้งขึ้นมา เพื่อให้มีการติดตามคดีสำคัญในพื้นที่ภาคใต้ โดย มี กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าได้นั่งเป็นประธาน ได้ระบุถึงความคืบหน้าของผลการดำเนินการตรวจสอบ ตลอดจนการดำเนินคดีต่อ นายสหชัย เจียรเสริมสิน หรือเสี่ยโจ้ ว่า ยังไม่คืบหน้าเท่าที่ควร เพราะเจ้าหน้าที่รัฐที่เข้าไปตรวจสอบ ได้แจ้งผลการตรวจสอบภายใน หจก.สหทรัพย์ทวีค้าไม้ จากของกลางที่ได้อายัดไว้ก่อนหน้านี้หลายรายการพบว่า มีการกระทำความผิดจริง แต่กลับไม่ยอมดำเนินการแจ้งความเอาผิดต่อเจ้าของตามขั้นตอนของกระบวนการของกฎหมาย โดยเฉพาะสรรพากรจังหวัดปัตตานี จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้ดำเนินการใดๆ ต่อทรัพย์สินของนายสหชัย ที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก ทั้งๆ ที่นายสหชัย หรือเสี่ยโจ้ ได้ถูกศาลล้มละลายกลางพิพากษามาแล้วให้นายสหชัย หรือเสี่ยโจ้ เป็นบุคคลล้มละลายเมื่อปี พ.ศ.2555 และศาลยังได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของบุคคลดังกล่าวมาแล้ว
สืบเนื่องจาก นายสหชัย หรือเสี่ยโจ้ ถูกกรมสรรพากรฟ้องเรียกเก็บเงินภาษีย้อนหลัง เป็นเงินมูลค่ามากถึง 414.2 ล้านบาทเศษ แต่ไม่สามารถเรียกเก็บได้ เพราะสถานที่อยู่ที่ได้แจ้งมาของนายสหชัย หรือเสี่ยโจ้ ในขณะนั้นเป็นเพียงบ้านพักเล็กๆ ในสลัมของ จ.เพชรบุรี ซึ่งปัจจุบันนายสหชัย หรือเสี่ยโจ้ ได้พักอาศัยที่อยู่เลขที่ 103/49 ถนนนาเกลือ หมู่ 8 ต.บานา อ.เมือง จ.ปัตตานี ซึ่งเป็นที่ดินขององค์การบริหารส่วนจังหวัดปัตตานี จากการตรวจสอบพบว่า นายสหชัย หรือเสี่ยโจ้ ได้เช่าที่ดังกล่าวไว้เพื่อเป็นที่ตั้งของ หจก.สหทรัพย์ทวีค้าไม้ และเป็นที่พักจริง ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้มีการแจ้งยกเลิกจากการเช่าที่ดินดังกล่าวจาก อบจ.ปัตตานี แต่อย่างใด แม้จะถูกศาลพิพากษาเป็นบุคคลล้มละลายมาแล้วก็ตาม
นอกจากนั้น หน่วยงานป่าไม้จังหวัดได้แจ้งผลการตรวจสอบไม้แปรรูปภายใน หจก.สหทรัพย์ทวีค้าไม้ พบมีบางส่วนที่ไม่ได้มีการประทับตราจากหน่วยงานป่าไม้อย่างถูกต้อง แต่กลับยังไม่ได้มีการดำเนินคดีเอาผิดแต่อย่างใด ในส่วนของทรัพย์สินของ นายสหชัย หรือเสี่ยโจ้ ที่มีทั้งเงินสด และทรัพย์สินอีกหลายรายการที่มีมูลค่ามหาศาล แต่ทางสรรพากรจังหวัดปัตตานี กลับไม่ได้ดำเนินการยึด หรือพิทักษ์ทรัพย์ตามคำสั่งศาลล้มละลายกลาง ตั้งแต่ ปี 2555 มาแล้ว เพื่อคืนหนี้ให้แก่รัฐที่มีมูลค่ามากถึง 414.2 ล้านบาทเศษ แต่กลับบอกว่าไม่กล้าในเรื่องความปลอดภัย จึงไม่ดำเนินการยึดทรัพย์ดังกล่าว ปล่อยให้ทหารจัดเวรยามเฝ้าทรัพย์สินดังกล่าวอย่างไม่มีกำหนด ส่วนนายสหชัย หรือเสี่ยโจ้ ยังคงถูกฝากข้างในเรือนจำกลางปัตตานี ในระหว่างการสอบสวน หลังจากที่ศาลจังหวัดปัตตานีไม่อนุญาตให้ประกันตัว
“ขณะนี้ทางคณะอนุกรรมการติดตามคดีพิเศษ ที่แม่ทัพภาคที่ 4 แต่งตั้งขึ้นเพื่อติดตามคดี ได้ดำเนินการบันทึกรายงานทั้งหมดถึงสถานการณ์ และสภาพความเป็นจริง กรณีการดำเนินคดีไม่คืบหน้าเท่าที่ควรให้ทาง คสช.รับทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป ส่วนจะทำเรื่องโย้กย้ายเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับผู้บังคับบัญชา” พ.อ.จตุพร กลัมพสูต กล่าว