สุราษฎร์ธานี - หนุ่มช่างก่อสร้างถูกแมงมุมกัด เป็นแผลพุพองเน่าเปื่อย แต่แพทย์ระบุแผลติดเชื้อในกระแสเลือด ห้ามญาติเยี่ยม และให้ข่าว ญาติสุดทนโร่เข้าร้องสื่อ ด้านแพทย์ยืนยันเป็นแผลติดเชื้อไม่ได้เกิดจากแมงมุมกัดแต่อยา่งใด และคนไข้ก็อาการดีแล้ว อีกไม่กี่วันก็กลับบ้านได้
ชาวบ้านที่อำเภอชัยบุรีรายหนึ่ง ร้องเรียนผ่านสื่อว่า มีญาติคนหนึ่งชื่อ นายสมบัติ หนูสอน อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 59 หมู่ 5 อ.ชัยบุรี จ.สุราษฎร์ธานี มีอาชีพเป็นช่างก่อสร้าง ถูกแมงมุมกัดตั้งแต่วันที่ 10 สิงหาคมที่ผ่านมา ขณะกำลังเก็บทำความสะอาดเครื่องมือช่าง โดยแมงมุมตัวเล็กได้กัดที่หลังมือ แต่ก็ไม่ได้ทำอะไร เพราะไม่มีอาการใดๆ ต่อมาวันรุ่งขึ้นมีไข้สูง ปวดแผล คลื่นไส้ กินยาแก้ปวดแต่ไม่ดีขึ้น และแน่นหน้าอก หายใจติดขัด จึงเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลชัยบุรี บาดแผลเริ่มพุพองมาก อาการไม่ดีขึ้น ทางโรงพยาบาลชัยบุรีจึงส่งต่อโรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี จนถึงวันนี้ยังไม่ดีขึ้น แพทย์ได้นำตัวไปไว้ในห้องกักเชื้อ ไม่ให้ญาติเยี่ยม และห้ามให้ข่าว
โดยแพทย์แจ้งว่า ติดเชื้อในกระแสเลือด จากการถูกเหล็กแหลมแทงมือ แล้วแผลไม่สะอาด แต่ญาติยืนยันในเรื่องของแมงมุมกัด แพทย์จึงห้ามเยี่ยม ห้ามนักข่าว ญาติๆ จึงได้นำภาพขึ้นโพสต์ในเฟซบุ๊ก และเขียนข้อความให้แชร์ต่อๆ เพื่อเป็นการเตือนโดยใช้ชื่อเฟซว่า Boonyawit Nusorn
ล่าสุด วันนี้ (18 ส.ค.) นายแพทย์อดิเกียรติ เอี่ยมวรนิรันดร์ ผอ.โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี ได้เข้าไปดูอาการผู้ป่วยด้วยตัวเองที่หอผู้ป่วยหนัก พบว่าผู้ป่วยมีอาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แผลบวมที่หลังมือยุบลงไปมาก โดยทางผู้อำนวยการโรงพยาบาลสุราษฎร์ธานีระบุว่า ขณะนี้พ้นขีดอันตรายแล้ว ช่วงเย็นนี้อาจจะถอดเครื่องช่วยหายใจออกได้ และอีกประมาณ 2-3 วันผู้ป่วยน่าจะออกจากโรงพยาบาลได้
พร้อมยืนยันว่าผู้ป่วยมีอาการติดเชื้อในกระแสเลือด ไม่ได้มาจากพิษของแมงมุม อย่าได้ตื่นตระหนกกับพิษแมงมุม โดยลักษณะเช่นนี้เกิดขึ้นบ่อยในพื้นที่ทางภาคอีสาน ที่เรียกว่าโรคหนังเน่าแต่ถ้าภาษาทางการแพทย์เรียกว่า” (Necrotizing Fasciitis) หรือกลุ่มเชื้อ Anaerobic Bacteria ที่เติบโตโดยไม่ต้องพึ่งพาอ๊อกซิเย่น ซึ่งเป็นเชื้ออันตราย ผู้ที่ถูกแมลงกัด หรือเป็นแผลที่เกิดจากอุบัติเหตุใดๆควรล้างแผลให้สะอาดก่อนในเบื้องต้น หากอาการไม่ดีให้ไปพบแพทย์
พร้อมกล่าวเตือนประชาชนว่าหากถูกหนามบาดหรือของมีคมขีดข่วนให้ใช้สบู่ทำความสะอาดทันที เพราะหากปล่อยไว้แผลอาจจะติดเชื้อจนอักเสบ และช็อคเหมือนกับผู้ป่วยรายนี้ได้