ตรัง - คืบหน้าจากกรณี “น้องใบหยก” หนูน้อยวัย 2 ขวบ ถูกไฟฟ้าช็อตที่ตู้เอทีเอ็มธนาคารไทยพาณิชย์ พบอาการยังไม่ดีขึ้น หัวใจเต้นแรง และเซลล์สมองบางส่วนเริ่มถูกทำลาย ด้านแม่ปรึกษาแพทย์เจ้าของไข้เตรียมย้ายไปรักษาตัวที่ รพ.ม.อ.หาดใหญ่ เบื้องต้นธนาคารสั่งปิดบริการตู้เอทีเอ็มดังกล่าวแล้ว
จากกรณีที่ ด.ญ.ปาริฉัตร หนูพินิจ หรือน้องใบหยก อายุ 2 ขวบ 2 เดือน ถูกกระแสไฟฟ้าช็อตที่ตู้เอทีเอ็มธนาคารไทยพาณิชย์ บริเวณหน้าปั๊มน้ำมันเอสโซ่ ถนนตรัง-ปะเหลียน ในเขตเทศบาลตำบลย่านตาขาว อำเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง จนอาการสาหัสตั้งแต่เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 7 ส.ค. ที่ผ่านมา
วันนี้ (14 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวเดินทางไปสำรวจตู้เอทีเอ็มดังกล่าว ซึ่งทางธนาคารได้นำกระดาษมาแปะไว้โดยมีข้อความว่า “ขออภัยขณะนี้เครื่องปิดบริการชั่วคราว” โดยมีประชาชนที่ทราบข่าวน้องใบหยก รวมถึงผู้มาใช้บริการตู้เอทีเอ็มของธนาคารอื่นในบริเวณใกล้เคียง ต่างวิพากษ์วิจารณ์ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า เป็นความสะเพร่าของผู้ดูแลบำรุงรักษาตู้เอทีเอ็มที่ไม่ดำเนินการตรวจสอบระบบความปลอดภัย
ขณะที่อาการล่าสุดของ น้องใบหยก ซึ่งยังคงนอนรักษาตัวอยู่ที่แผนกกุมารเวช โรงพยาบาลศูนย์ตรัง นางสุกัลยา หนูพินิจ มารดา ยังคงเฝ้าติดตามอาการของลูกสาวอย่างใกล้ชิด โดยแพทย์ได้ระดมเครื่องมือ และยาชนิดต่างๆ เพื่อช่วยชีวิตอย่างเต็มที่ นางสุกัลยา กำลังอยู่ระหว่างการหารือกับ พญ.นพวรรณ ตรีรัตนไพบูลย์ แพทย์เจ้าของไข้ว่าจะเคลื่อนย้ายลูกสาวไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล ม.อ.หาดใหญ่ ซึ่งมีทีมแพทย์ที่ชำนาญการกว่าหรือไม่
อย่างไรก็ตาม คงต้องขึ้นอยู่กับสภาพอาการล่าสุดของ น้องใบหยก ว่าอยู่ในภาวะที่วิกฤต หรือมีความเสี่ยงขณะเคลื่อนย้ายมากน้อยเพียงใด แต่โดยภาพรวมทั้งความดันโลหิต และชีพจรยังอยู่ในระดับที่ไม่น่าห่วง ยกเว้นหัวใจที่มีการเต้นแรงกว่าปกติ และเซลล์สมองบางส่วนเริ่มถูกทำลาย อันเป็นผลมาจากความแรงของกระแสไฟฟ้าที่ช็อตในขณะนั้น ซึ่งจะต้องรอการประเมินอาการแบบวันต่อวัน
สำหรับเรื่องของความช่วยเหลือนั้น นางสุกัลยา กล่าวว่า พอใจต่อการเข้ามาดูแลของธนาคารไทยพาณิชย์ และยังอยู่ระหว่างการประสานกับกระทรวงยุติธรรม เพื่อนำเงินมาช่วยเหลือให้ครอบครัวอีกส่วนหนึ่ง ขณะที่ในเรื่องของคดีความยังไม่อยากรีบเร่งดำเนินการอะไร เพราะตนเองต้องการใช้เวลานี้ดูแลน้องใบหยกให้ดีที่สุดเสียก่อน พร้อมเชื่อว่าทั้งทางธนาคาร และเจ้าหน้าที่ตำรวจจะให้ความเป็นธรรมมากที่สุด