ศูนย์ข่าวภูเก็ต - หัวหน้าอุทยานฯ สิรินาถ จ.ภูเก็ต เตือนคนซื้อที่ดินในพื้นที่อุทยานควรชะลอไว้ก่อน เพราะส่วนใหญ่อยู่ระหว่างการตรวจสอบ พร้อมเผยความคืบหน้าการจัดระเบียบร้านค้าหน้าชายหาดที่รุกเขตอุทยานฯ คืบหน้าแล้วกว่า 99% ยังเหลือรายใหญ่ 3 ราย เตรียมจัดชุดเข้ารื้อถอนในวันที่ 18 ส.ค.นี้
นายกิตติพัฒน์ ธาราภิบาล หัวหน้าอุทยานแห่งชาติสิรินาถ จังหวัดภูเก็ต เปิดเผยต่อผู้สื่อข่าว ว่า ทางอุทยานฯ ยังคงเดินหน้าปฏิบัติการทวงคืนผืนป่าอุทยานที่นายทุนบุกรุก ให้กลับมาเป็นสมบัติของแผ่นดินต่อไป โดยผืนป่าทั้งหมดที่ถูกบุกรุกมีประมาณ 379 แปลง เนื้อที่ 2,743 ไร่ มูลค่ากว่า 50,000 ล้านบาท โดยในวันนี้ (7 ส.ค.) ได้แบ่งกำลังเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ออกเป็น 2 ชุด โดยชุดแรก จะเข้าไปดูพื้นที่ประมาณ 400 ไร่ ที่มีการบุกรุก และยึดคืนกลับมาแล้ว เพื่อนำไปปลูกป่าพื้นฟูธรรมชาติให้กลับมาเป็นดังเดิม โดยจะปลูกป่าในพื้นที่ดังกล่าว ในวันที่ 18 สิงหาคมนี้ เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
ชุดที่ 2 จะลงพื้นที่พบปะกับกลุ่มชาวบ้านที่ยังลังเลว่าจะคืนพื้นที่ให้แก่อุทยานฯ หรือไม่ เพื่อทำความเข้าใจ และชี้แจงที่มาที่ไปว่าพื้นที่ที่ชาวบ้านครอบครองอยู่ เป็นพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติ ที่ต้องนำมาเป็นสมบัติแผ่นดิน หากผู้ครอบครองรายใดยังไม่ยินยอมคืนพื้นที่ หลังวันที่ 18 สิงหาคม 2557 ทางอุทยานฯ จะเข้าแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ส่วนกรณีการคืนพื้นที่โดยสมัครใจนั้น ปรากฏว่า ขณะนี้มีการคืนพื้นที่ให้แก่ทางอุทยานฯ แล้ว 7 ราย พื้นที่กว่า 80 ไร่ ส่วนที่เหลือก็จะเร่งทำความเข้าใจขอคืนพื้นที่ในวันนี้ไปจนถึงวันที่ 18 สิงหาคม 2557 ส่วนที่ดินแปลงอื่นที่เป็นของนายทุน ทางอุทยานฯ ก็จะเดินหน้าฟ้องร้องดำเนินคดี เพื่อนำผืนป่าทั้งหมดกลับคืนมาให้ได้ต่อไป
นายกิตติพัฒน์ ยังได้กล่าวต่อไปถึงการรื้อร้านค้าร้านอาหารที่ก่อสร้างรุกล้ำชายหาดในเขตอุทยานแห่งชาติสิรินาถ ว่า ขณะนี้ได้ดำเนินการรื้อถอนไปแล้วกว่า 99% ขณะนี้ยังเหลือ 3 รายที่เป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ ตั้งอยู่บริเวณหาดในยาง จะนำกำลังเข้ารื้อถอนในวันที่ 18 สิงหาคม 2557 หลังจากที่มีกิจกรรมการปลูกป่าฯ เสร็จสิ้น ขอฝากประชาสัมพันธ์ไปยังกลุ่มนายทุน หรือผู้ที่จะเข้าไปซื้อที่ดินในเขตพื้นที่ที่คาดว่าน่าจะอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติสิรินาถ ถึงแม้ว่าจะมีโฉนดถูกต้องตามกฎหมายก็ขอให้ชะลอการชื้อไว้ก่อน เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาในภายหลัง
หากสิ้นสุดกระบวนการตรวจสอบแล้ว เนื้อที่ดังกล่าวก็อาจจะถูกยึดกลับมาเป็นของแผ่นดินทันที หรือหากจำเป็นต้องมีการซื้อขายจริงๆ ก็ให้ระบุในสัญญาว่าซื้อ-ขายระหว่างการตรวจสอบการขอออกเอกสารสิทธิของเจ้าหน้าที่อุทยานฯ และกรมที่ดิน เพื่อที่จะได้เอาผิดต่อผู้ขายหากพื้นที่แปลงนั้นๆ ถูกยึดคืนภายหลัง
นายกิตติพัฒน์ ธาราภิบาล หัวหน้าอุทยานแห่งชาติสิรินาถ จังหวัดภูเก็ต เปิดเผยต่อผู้สื่อข่าว ว่า ทางอุทยานฯ ยังคงเดินหน้าปฏิบัติการทวงคืนผืนป่าอุทยานที่นายทุนบุกรุก ให้กลับมาเป็นสมบัติของแผ่นดินต่อไป โดยผืนป่าทั้งหมดที่ถูกบุกรุกมีประมาณ 379 แปลง เนื้อที่ 2,743 ไร่ มูลค่ากว่า 50,000 ล้านบาท โดยในวันนี้ (7 ส.ค.) ได้แบ่งกำลังเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ออกเป็น 2 ชุด โดยชุดแรก จะเข้าไปดูพื้นที่ประมาณ 400 ไร่ ที่มีการบุกรุก และยึดคืนกลับมาแล้ว เพื่อนำไปปลูกป่าพื้นฟูธรรมชาติให้กลับมาเป็นดังเดิม โดยจะปลูกป่าในพื้นที่ดังกล่าว ในวันที่ 18 สิงหาคมนี้ เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
ชุดที่ 2 จะลงพื้นที่พบปะกับกลุ่มชาวบ้านที่ยังลังเลว่าจะคืนพื้นที่ให้แก่อุทยานฯ หรือไม่ เพื่อทำความเข้าใจ และชี้แจงที่มาที่ไปว่าพื้นที่ที่ชาวบ้านครอบครองอยู่ เป็นพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติ ที่ต้องนำมาเป็นสมบัติแผ่นดิน หากผู้ครอบครองรายใดยังไม่ยินยอมคืนพื้นที่ หลังวันที่ 18 สิงหาคม 2557 ทางอุทยานฯ จะเข้าแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ส่วนกรณีการคืนพื้นที่โดยสมัครใจนั้น ปรากฏว่า ขณะนี้มีการคืนพื้นที่ให้แก่ทางอุทยานฯ แล้ว 7 ราย พื้นที่กว่า 80 ไร่ ส่วนที่เหลือก็จะเร่งทำความเข้าใจขอคืนพื้นที่ในวันนี้ไปจนถึงวันที่ 18 สิงหาคม 2557 ส่วนที่ดินแปลงอื่นที่เป็นของนายทุน ทางอุทยานฯ ก็จะเดินหน้าฟ้องร้องดำเนินคดี เพื่อนำผืนป่าทั้งหมดกลับคืนมาให้ได้ต่อไป
นายกิตติพัฒน์ ยังได้กล่าวต่อไปถึงการรื้อร้านค้าร้านอาหารที่ก่อสร้างรุกล้ำชายหาดในเขตอุทยานแห่งชาติสิรินาถ ว่า ขณะนี้ได้ดำเนินการรื้อถอนไปแล้วกว่า 99% ขณะนี้ยังเหลือ 3 รายที่เป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ ตั้งอยู่บริเวณหาดในยาง จะนำกำลังเข้ารื้อถอนในวันที่ 18 สิงหาคม 2557 หลังจากที่มีกิจกรรมการปลูกป่าฯ เสร็จสิ้น ขอฝากประชาสัมพันธ์ไปยังกลุ่มนายทุน หรือผู้ที่จะเข้าไปซื้อที่ดินในเขตพื้นที่ที่คาดว่าน่าจะอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติสิรินาถ ถึงแม้ว่าจะมีโฉนดถูกต้องตามกฎหมายก็ขอให้ชะลอการชื้อไว้ก่อน เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาในภายหลัง
หากสิ้นสุดกระบวนการตรวจสอบแล้ว เนื้อที่ดังกล่าวก็อาจจะถูกยึดกลับมาเป็นของแผ่นดินทันที หรือหากจำเป็นต้องมีการซื้อขายจริงๆ ก็ให้ระบุในสัญญาว่าซื้อ-ขายระหว่างการตรวจสอบการขอออกเอกสารสิทธิของเจ้าหน้าที่อุทยานฯ และกรมที่ดิน เพื่อที่จะได้เอาผิดต่อผู้ขายหากพื้นที่แปลงนั้นๆ ถูกยึดคืนภายหลัง