พังงา - ฐานทัพเรือพังงา สนธิกำลังหลายหน่วยงาน ตั้งชุดปฏิบัติการร่วม เดินหน้าทวงคืนทรัพยากรธรรมชาติ ประเดิมจุดแรกบริเวณรอบๆ ฐานทัพเรือ ที่ได้รับการร้องเรียนแพปลา และท่าเรือท่องเที่ยวบุกรุกเป็นจำนวนมาก เก็บข้อมูลทั้งหมดก่อนแจ้งความดำเนินคดี และเรียกค่าเสียหาย
วันนี้ (30 ก.ค.) น.อ.สมชาย แท่นนิล เสนาธิการฐานทัพเรือพังงา สนธิกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาพังงา อุตสาหกรรมจังหวัดพังงา ธนารักษ์พื้นที่พังงา โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดพังงา สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 12 สาขากระบี่ สถานีพัฒนาทรัพยากรป่าชายเลนที่ 19 ที่ดินจังหวัดพังงาสาขาท้ายเหมือง สถานีตำรวจภูธรท้ายเหมือง เทศบาลตำบลลำแก่น อุทยานแห่งชาติเขาหลัก-ลำรู่ ลงพื้นที่ตรวจสอบการรุกล้ำครอบครอง หรือกระทำความผิดบริเวณรอบๆ ฐานทัพเรือพังงา ต.ลำแก่น อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา หลังพบท่าเทียบเรือประมงขนาดใหญ่ ท่าเทียบเรือท่องเที่ยวหมู่เกาะสิมิลัน-เกาะตาชัย ท่าเทียบเรือประมงพื้นบ้าน ในพื้นที่บ้านทับละมุ ได้มีการบุกรุกลำน้ำเพิ่มเติมโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นจำนวนมาก
น.อ.สมชาย แท่นนิล เปิดเผยว่า หลังจากมีการร้องเรียนจากประชาชนว่า มีการบุกรุกเข้าครอบครอง และทำลายทรัพยากรธรรมชาติในจังหวัดพังงาเป็นจำนวนมาก ทางฐานทัพเรือพังงา จึงตั้งชุดปฏิบัติการร่วมแบบบูรณาการกับหน่วยงานเกี่ยวข้องนำกำลังลงตรวจสอบพื้นที่ที่มีปัญหา ซึ่งการปฎิบัติการในพื้นที่ดูแลส่วนของจังหวัดพังงานั้น จะเริ่มตรวจสอบ และทวงคืนบริเวณรอบฐานทัพเรือพังงา ก่อนจะขยายวงออกไปยังพื้นที่รอบนอกทั้งจังหวัดพังงา ซึ่งจะมีลักษณะคล้ายที่จังหวัดภูเก็ต คือ เริ่มจัดระเบียบทวงคืนโดยเริ่มต้นตั้งแต่ทะเลไปจนถึงภูเขาตามลำดับ โดยให้เจ้าหน้าที่ส่วนที่เกี่ยวข้องดำเนินการไปก่อน หากพบพื้นที่ใดเจ้าหน้าที่ไม่สามารถเข้าพื้นที่เพื่อตรวจสอบ หรือดำเนินการได้ ฝ่ายทหารจะสำกำลังไปคุ้มกันระหว่างเข้าตรวจสอบ
โดยการตรวจสอบในวันนี้พื้นที่ส่วนใหญ่ตลอดแนวตลิ่งคลองทับละมุ ล้วนเป็นท่าเทียบเรือประมงขนาดใหญ่ รวมถึงท่าเทียบเรือท่องเที่ยว ซึ่งได้มีการต่อเติมยื่นออกไปในลำคลอง โดยทางเจ้าหน้าที่ในส่วนที่เกี่ยวข้องได้นำเอกสารในส่วนที่หน่วยงานนั้นๆ มีเข้ามาตรวจสอบ พบ แพปลา และท่าเทียบเรือตลอดแนวได้มีการรุกล้ำลำน้ำ พื้นที่ป่าชายเลน และพื้นที่ป่าไม้ จากนั้นเจ้าของพื้นที่ก็จะกลับไปแจ้งความเพื่อดำเนินคดีต่อผู้ที่บุกรุก รวมถึงจะลงพื้นที่อีกครั้งเพื่อทำการวัดจำนวนพื้นที่เสียหายก่อนจะนำไปคำนวณ และฟ้องเรียกค่าเสียหายต่อไป
น.อ.สมชาย กล่าวเพิ่มเติมว่า ในการลงพื้นที่ร่วมกับหน่วยงานราชการครั้งนี้เพื่อให้ทุกหน่วยงานได้ทำหน้าที่ตามกฎหมายของตัวเองอย่างเต็มที่ก่อน ส่วนด้านทหาร จะคอยตรวจสอบว่าเจ้าหน้าที่ติดขัดที่ใดบ้าง และจะทำการประสานแก้ไขให้เพื่อให้เจ้าหน้าที่ดำเนินงานได้อย่างราบรื่น ส่วนผู้ยากไร้ที่โดนดำเนินคดีต่างๆ ในครั้งนี้ ต่อไปจะมีการเรียกประชุมเพื่อหาทางแก้ไขให้ประชาชนสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างปกติต่อไป