ตร.สนธิกำลังทหาร-ป่าไม้ ตรวจค้นโรงไม้ในพังงา ไม่พบทำผิดกฎหมาย

พังงา - ตำรวจ สนธิกำลังทหาร ป่าไม้ เข้าตรวจค้นโรงไม้ในพื้นที่โคกกลอย จ.พังงา หาการกระทำผิดเกี่ยวกับไม้ผิดกฎหมายตามคำสั่ง คสช. ไม่พบการกระทำผิดกฎหมายแต่อย่างใด

วันนี้ (24 ก.ค.) พ.ต.ท.พาชัย มัธยันต์ รอง ผกก.ป.สภ.โคกกลอย อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา พร้อมด้วย ร.ต.บุญธรรม สุวรรณประการ ผบ.หมวด รส.ทร.ที่ 13 ทรภ.3 นายช่วง อาลัยจิตต์ ผช.หน.ชุดหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ พง.2 (ท้ายเหมือง) สนธิกำลังร่วมตำรวจ สภ.โคกกลอย อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา ทหารฐานทัพเรือพังงา ชุดรักษาความสงบหน่วยป้องกันรักษาป่า จำนวนกว่า 40 นาย เข้าตรวจค้นสถานประกอบการโรงเก็บไม้ในพื้นที่ในความรับผิดชอบ สภ.โคกกลอย

โดยในช่วงเช้าได้เข้าตรวจค้นร้านสุทธิพงษ์ คอนกรีต ซึ่งนายสุทธิพงษ์ โกยสกุล รองนายก อบต.โคกกลอย อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา เป็นเจ้าของ พบมีการขออนุญาตเปิดเป็นโรงงานแปรรูปไม้ พร้อมขออนุญาตเครื่องจักรในการแปรรูปไว้ จำนวน9 เครื่อง โดยเมื่อตรวจสอบไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย จึงได้ลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน

ต่อมา ได้เข้าตรวจค้นร้านจำหน่ายไม้บริเวณสี่แยกไฟแดงกลางตลาดโคกกลอย เขตเทศบาลตำบลโคกกลอย พบเป็นร้านจำหน่ายไม้เพื่อวัสดุการก่อสร้าง ซึ่งเจ้าของได้แสดงใบอนุญาต ครอบครอง และนำพาไม้ครบทุกชิ้น จึงได้ลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน

จากนั้นได้เข้าตรวจค้นร้านแสงสวรรค์ค้าไม้ จำหน่ายบ้านน็อกดาวน์ และไม้แปรรูป บริเวณบ้านต้นแซะ ต.โคกกลอยอ.ตะกั่วทุ่ง ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย

ต่อมา ช่วงบ่ายหน่วยสนธิกำลังดังกล่าวได้เข้าตรวจค้นโรงงานไม้ ทรงชัย พาราวู๊ด ต.หล่อยูง อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา และโรงงานแปรรูปไม้ยางพารา ในพื้นที่เดียวกัน ผลจากการตรวจค้นไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย โดยมีการตรวจสอบใบอนุญาตโรงงาน เครื่องจักร รวมถึงอุปกรณ์การทำงานต่างๆ และตรวจสอบไม้แปรรูป และไม้ซุงต่างๆ ผลจากการตรวจสอบไม่พบว่ามีสิ่งผิดกฎหมายใดๆ ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ลงบันทึกผลการตรวจค้นต่างๆ ไว้เพื่อเป็นหลักฐานต่อไป

พ.ต.ท.พาชัย มัธยันต์ รอง ผกก.ป.สภ.โคกกลอย อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา กล่าวว่า การสนธิกำลังในการตรวจค้นโรงไม้ต่างๆ รวมถึงโรงงานแปรรูปไม้ในพื้นที่โคกกลอยนั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และหน่วยป่าไม้ ได้เข้าดำเนินการเพื่อหาการกระทำความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.ป่าไม้ และไม้หวงห้าม ตามคำสั่ง และประกาศของ คสช. โดยในเบื้องต้นยังไม่พบมีการกระทำความผิดกฎหมายแต่อย่างใด ซึ่งทางหน่วยงานที่เข้าดำเนินการจะมีมาตราการในการเข้าตรวจค้นเป็นระยะเพื่อป้องกันไม่ให้มีการกระทำความผิดประเภทนี้เกิดขึ้นในพื้นที่รับผิดชอบ