ปัตตานี - โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ชี้แจงเหตุการณ์คาร์บอมบ์บริเวณบ่อนไก่ชน ใน อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี โดยกล่าวแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บ พร้อมกล่าวประณามเป็นการกระทำที่ไร้มนุษย์ธรรม ป่าเถื่อน เบื้องต้นสืบทราบว่า รถคันที่ใช้ก่อเหตุนำมาจากการปล้นประชาชน ด้านแม่ทัพภาค 4 เร่งสั่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเยียวยาเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายโดยเร็ว
วันนี้ (24 ก.ค.) พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า เปิดเผยว่า จากกรณีเหตุการณ์เมื่อวานนี้ (23 ก.ค.) ที่ผ่านมา ซึ่งกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบได้ลอบวางระเบิดบริเวณบ่อนชนไก่ หมู่ 3 ตำบลนาประดู่ อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต จำนวน 2 ราย และบาดเจ็บอีก 8 ราย
จากกรณีดังกล่าว กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ขอชี้แจงเพื่อสร้างความเข้าใจ ดังนี้.1) กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ขอแสดงความเสียใจต่อญาติ และครอบครัวผู้ที่เสียชีวิต และบาดเจ็บ จากการกระทำอย่างไร้มนุษยธรรม ของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงที่มีพฤติกรรมสุดโต่ง กลับกลอก และก่อการร้าย 2) จากการตรวจสอบพบว่า คนร้ายได้ใช้ระเบิดแสวงเครื่องบรรจุในรถกระบะ ยี่ห้ออีซูซุ รุ่นดีแมคซ์ สีเทา ขับมาจอดบริเวณที่เกิดเหตุแล้วหลบหนีไปก่อนที่จะเกิดระเบิดขึ้น เป็นเหตุให้ราษฎรซึ่งนำอาหาร และพืชผักมาวางขายบริเวณดังกล่าวเสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บ สำหรับรถยนต์ตรวจสอบแล้วเป็นรถที่คนร้ายได้ปล้นฆ่า และแย่งชิงไปจาก นายสาโรจน์ ดวงสุริยา เหตุเกิดบริเวณบ้านป่าไร่ หมู่ที่ 2 ตำบลทุ่งพลา อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2557 ที่ผ่านมา
3) จากสถานการณ์ในช่วงที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่า กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบยังคงปลุกระดมบิดเบือนให้สมาชิก และแนวร่วมมีความเชื่อว่าการก่อเหตุในช่วงเดือนรอมฎอน จะยิ่งได้ผลบุญเป็นทวีคูณ ซึ่งตรงข้ามต่อความต้องการของพี่น้องประชาชน และขัดต่อบทบัญญัติของศาสนาอิสลามอย่างสิ้นเชิง ทั้งนี้ เพราะปัญหาในจังหวัดชายแดนภาคใต้มิใช่เป็นความขัดแย้งทางศาสนา ดังนั้น การฆ่าหนึ่งชีวิตจึงเท่ากับฆ่าคนทั้งโลก โดยเฉพาะการกระทำในห้วงถือศีลอดในเดือนรอมฎอน อันศักดิ์สิทธิ์ ถือเป็นการกระทำที่ผ่าฝืน และละทิ้งศาสนาซึ่งจะต้องได้รับการลงโทษจากอัลลอฮ์
ด้านแม่ทัพภาคที่ 4 ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ได้สั่งการเน้นย้ำให้ทุกหน่วยในพื้นที่เร่งคลี่คลายสถานการณ์ และประสานงานหน่วยที่เกี่ยวข้องให้การช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบเหตุอย่างเร่งด่วน พร้อมทั้งได้กำชับให้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อติดตามคนร้ายที่ก่อเหตุมาลงโทษตามกระบวนการทางกฎหมายต่อไป และขอความร่วมมือช่วยกันแจ้งเบาะแส พร้อมทั้งช่วยกันเป็นหูเป็นตาในการสอดส่องดูแลสิ่งผิดปกติให้เจ้าหน้าที่ทราบ โทร.1341, 1881 เพื่อแจ้งเหตุได้ตลอด 24 ชั่วโมง
สำหรับ “คาร์บอมบ์” ที่เกิดขึ้นนี้ นับเป็นลูกที่ 2 ของปี 57 ที่เกิดใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 6 เม.ย.57 เกิดระเบิดคาร์บอมบ์ในเขตเทศบาลนครยะลา ส่วนวันที่ 6 พ.ค.57 มีระเบิดคาร์บอมบ์ในโรงพัก สภ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
