ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - คสช.ลุยตรวจสอบ “ยางพาราสต๊อก 210,000 ตัน” ตัวปัญหา ที่ถูกขบวนการปล่อยข่าวว่า ยางล้นสต๊อก แล้วทำการกดราคายางพาราให้ต่ำลง กวาดล้างขบวนการปล่อยข่าว พร้อมตรวจสอบองค์กรตัวตนที่เกี่ยวข้องกับยางพารา ระบุ ยางพาราค้างสต๊อก 210,000 ตัน คือ “ทองคำ” ความจริงห่วงระยะนี้ไม่ใช่ “ขาลง” ยางพารา
นายเพิก เลิศวังพง ประธานชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทย จำกัด (ชสยท.) เปิดเผยว่า จากการประชุมร่วมกันระหว่างคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับยางพารา กับ ชสยท. และเครือข่ายชาวสวนยางทั่วประเทศ ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ผ่านมา โดยมีประเด็นสำคัญที่ทาง คสช.จะนำไปปฏิบัติ และมองเห็นลู่ทางที่มีอนาคตที่ดีของยางพารา
คือ คสช.จะให้ทหาร เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการตรวจสอบสต๊อกยางพาราในโกดังเก็บที่ค้างอยู่ จำนวน 210,000 ตัน ว่าจะเป็นไปตามตัวเลขหรือไม่ โดยรูปแบบเดียวกันกับตรวจสอบโกดังเก็บข้าวในโครงการรับจำนำ
“ในประเด็นสำคัญเรื่องยางพาราค้างสต็อก จำนวน 210,000 ตัน จนมีขบวนการปล่อยข่าวว่ายางพาราล้นตลาด จนเกิดกรณีมีการซื้อยางพาราราคาที่ถูก และทำยางพาราให้ต่ำลงอย่างต่อเนื่อง ในข้อเท็จจริงแล้วไม่ได้ล้น แล้วมีการปล่อยข่าวว่า ยางพาราล้น เป็นการโกหกเป็นเรื่องไม่จริง โดยทาง คสช.จะทำการสืบสวนหาตัวขวบวนการปล่อยข่าวมาดำเนินการ ซึ่งทางทหารมีข้อมูลแล้ว” นายเพิก กล่าวและว่า
นอกจากการตรวจสอบสต๊อกยางพาราแล้ว ยังให้มีการตรวจสอบตัวตนองค์กรต่างๆ ที่จัดตั้งขึ้นมาเกี่ยวกับยางพาราว่าเป็นตัวจริง หรือเป็นการอุปโลกน์หรือไม่ และมีเบื้องหน้าเบื้องหลังอย่างไร
นายเพิก ยังกล่าวอีกว่า ความจริงระยะนี้ไม่ใช่เป็นช่วงของขาลงราคายางพารา ปัจจัยคือ แรงงานยางพาราขาดแคลน ยางพารามีปริมาณผลผลิตน้อยลงประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ และน้ำยางมีปริมาณน้อย และชาวสวนยางพาราก็หยุดกรีด และแนวโน้มจะเกิดภัยธรรมชาติที่จะเกิดผลกระทบต่อยางพารา
“ปีนี้โอกาสมีมากที่ยางพาราราคาจะขยับขึ้น และยางพาราที่ค้างสต๊อกอยู่จะกลายเป็นทองคำทันที โดยทหารจะต้องควบคุมไม่ให้ขายออกต่างประเทศ เนื่องจากข้อเท็จจริงแล้ว ยางพาราไม่ได้ล้นตลาด ยังขาดตลาดโลกอยู่”
นายเพิก เลิศวังพง ประธานชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทย จำกัด (ชสยท.) เปิดเผยว่า จากการประชุมร่วมกันระหว่างคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับยางพารา กับ ชสยท. และเครือข่ายชาวสวนยางทั่วประเทศ ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ผ่านมา โดยมีประเด็นสำคัญที่ทาง คสช.จะนำไปปฏิบัติ และมองเห็นลู่ทางที่มีอนาคตที่ดีของยางพารา
คือ คสช.จะให้ทหาร เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการตรวจสอบสต๊อกยางพาราในโกดังเก็บที่ค้างอยู่ จำนวน 210,000 ตัน ว่าจะเป็นไปตามตัวเลขหรือไม่ โดยรูปแบบเดียวกันกับตรวจสอบโกดังเก็บข้าวในโครงการรับจำนำ
“ในประเด็นสำคัญเรื่องยางพาราค้างสต็อก จำนวน 210,000 ตัน จนมีขบวนการปล่อยข่าวว่ายางพาราล้นตลาด จนเกิดกรณีมีการซื้อยางพาราราคาที่ถูก และทำยางพาราให้ต่ำลงอย่างต่อเนื่อง ในข้อเท็จจริงแล้วไม่ได้ล้น แล้วมีการปล่อยข่าวว่า ยางพาราล้น เป็นการโกหกเป็นเรื่องไม่จริง โดยทาง คสช.จะทำการสืบสวนหาตัวขวบวนการปล่อยข่าวมาดำเนินการ ซึ่งทางทหารมีข้อมูลแล้ว” นายเพิก กล่าวและว่า
นอกจากการตรวจสอบสต๊อกยางพาราแล้ว ยังให้มีการตรวจสอบตัวตนองค์กรต่างๆ ที่จัดตั้งขึ้นมาเกี่ยวกับยางพาราว่าเป็นตัวจริง หรือเป็นการอุปโลกน์หรือไม่ และมีเบื้องหน้าเบื้องหลังอย่างไร
นายเพิก ยังกล่าวอีกว่า ความจริงระยะนี้ไม่ใช่เป็นช่วงของขาลงราคายางพารา ปัจจัยคือ แรงงานยางพาราขาดแคลน ยางพารามีปริมาณผลผลิตน้อยลงประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ และน้ำยางมีปริมาณน้อย และชาวสวนยางพาราก็หยุดกรีด และแนวโน้มจะเกิดภัยธรรมชาติที่จะเกิดผลกระทบต่อยางพารา
“ปีนี้โอกาสมีมากที่ยางพาราราคาจะขยับขึ้น และยางพาราที่ค้างสต๊อกอยู่จะกลายเป็นทองคำทันที โดยทหารจะต้องควบคุมไม่ให้ขายออกต่างประเทศ เนื่องจากข้อเท็จจริงแล้ว ยางพาราไม่ได้ล้นตลาด ยังขาดตลาดโลกอยู่”
