กระบี่ - นายกสมาคมสมาพันธ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทย เรียกร้องรัฐชะลอการขายยางในสต๊อก จำนวน 2.2 แสนตัน หลังราคายางตกต่ำอย่างหนักในรอบ 5 ปี ทำเกษตรกรเดือดร้อน
นายบุญส่ง นับทอง นายกสมาคมสมาพันธ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทย และนายกสมาคมชาวสวนยางจังหวัดกระบี่ กล่าวถึงราคายางพาราตกต่ำว่า ขณะนี้ราคายางพาราตกต่ำลงมาอย่างต่อเนื่อง จนล่าสุด ราคายางแผ่นดิบชั้น 3 อยู่ที่กิโลกรัมละ 55-57 บาท ต่ำสุดในรอบ 5 ปี ขณะที่ต้นทุนสูงกว่าราคาผลผลิตอยู่ที่กิโลกรัมละ 64.49 บาท ส่งผลให้เกษตรกรได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากประสบภาวะขาดทุน แต่จำต้องกรีดยางเพราะเป็นอาชีพหลักเพื่อเลี้ยงครอบครัว
นายบุญส่ง กล่าวอีกว่า สาเหตุที่ทำให้ยางพาราตกต่ำ เนื่องจากผลผลิตเริ่มออกสู่ตลาดมากขึ้น ขณะที่ยางพาราในสต๊อกที่รัฐบาลแทรกแซงราคาไว้เมื่อปี 2556 จำนวน 220,000 ตัน และสต๊อกของพ่อค้าที่รอส่งออก ทำให้ยางในสต๊อกมีมากเกินความต้องการของตลาด นอกจากนี้ ประเทศจีนซึ่งเป็นตลาดรับซื้อยางรายใหญ่ก็ชะลอการรับซื้อ รวมสต๊อกยางในตลาดโลกมีอยู่กว่า 7-8 แสนตัน ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่ฟื้นตัว ขณะเดียวกัน รัฐบาลได้มีการประกาศขายยางในสต๊อกด้วยทำให้พ่อค้าที่มียางในสต๊อกกดราคา
สำหรับแนวทางการแก้ปัญหา ในขณะนี้สมาคมสมาพันธ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทย ได้มีข้อเสนอเชิงนโยบายถึงรัฐบาลว่า ให้ยกเลิกการขายยางในสต๊อกไว้ก่อน และให้หันมาส่งเสริมให้มีการใช้ยางในประเทศ เช่น แปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ จำหน่ายในประเทศ เพื่อระบายสต๊อกยาง และทำถนนด้วยยางพาราแทนยางมะตอย ซึ่งได้มีการดำเนินการมาแล้วพบว่า ถนนที่มีส่วนผสมทำจากยางพารามีความคงทน และใช้ได้ดี
และในวันที่ 29-30 เมษายนนี้ ทางสมาคมสมาพันธ์ชาวสวนยางฯ ก็จะมีการนัดประชุมหารือกับสมาชิกทั่วประเทศ ที่โรงแรมสยามธานี จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อหาทางแก้ปัญหาผลผลิตยางพาราตกต่ำ และนำเสนอรัฐบาลต่อไป
