ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - เผยคนบนเกาะลันตา จ.กระบี่ ขึ้นป้ายต่อต้านการสร้าง “ท่าเรือขนถ่าย” และ “โรงไฟฟ้าถ่านหิน” ด้านผู้นำท้องถิ่นทั้งกำนัน และนายก อบต. ก็ชักแถวกันออกมาประกาศร่วมชาวบ้านปกป้องแผ่นดิน แฉทราบดีที่ กฟผ.ใช้เงินฟาดหัวพวกสนับสนุน จี้ผู้กุมอำนาจรัฐต้องคิดให้ดีระหว่างมูลค่าการท่องเที่ยวปีละหลายแสนล้าน กับการทำลายล้างจากมลพิษที่จะตามมา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (13 ก.ค.) ตั้งแต่เช้าบนเกาะลันตา อ.เกาะลันตา จ.กระบี่ ได้ขึ้นป้ายประกาศชัดขอปกป้องพื้นที่ไม่ให้มีโรงไฟฟ้าถ่านหินโดยเด็ดขาด พร้อมชี้ว่า ที่ผ่านมาการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ไม่เคยพูดความจริงแก่ชาวบ้าน ดันทุรังจะสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน และท่าเรือขนถ่านหินในพื้นที่ให้ได้ โดยไม่ฟังเสียงคัดค้านของชาวบ้าน มีการจัดเวทีนำเสนอแต่ข้อมูลเท็จ แต่ในส่วนผลกระทบจากโรงไฟฟ้าถ่านหิน และจากท่าเรือขนถ่านหินไม่เคยพูดถึง เมื่อชาวบ้านจับผิดได้ก็ไม่ยอมรับ แต่ยังดันทุรังจะให้เดินหน้าก่อสร้างให้ได้
เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายสมบูรณ์ ดำรงอ่องตระกูล กำนัน ต.ศาลาด่าน อ.เกาะลันตา จ.กระบี่ ให้ความเห็นว่า คนส่วนมากในเกาะลันตาคัดค้านการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน และท่าเรือขนถ่านหิน แต่พวก กฟผ.ไม่ยอมรับฟังเสียงชาวบ้าน เมื่อชาวบ้านถามว่าการจะก่อสร้างโครงการที่มีผลกระทบรุนแรงต่อสิ่งแวดล้อมจะต้องศึกษาอะไรบ้าง โดยเฉพาะต้องศึกษาสภาวะอากาศ กระแสลม เส้นทางน้ำ วิถีชุมชน และต้องมีการศึกษาระบบนิเวศต่างๆ ให้ครบทั้งหมดใช่หรือไม่ แต่พวก กฟผ.กลับรวบรัดทำการศึกษาแบบลวกๆ
นายสมบูรณ์ กล่าวว่า เมื่อโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหิน และท่าเรือขนถ่ายถ่ายหินมีผลกระทบต่อวิถีชีวิต และสิ่งแวดล้อม พี่น้องประชาชนมีสิทธิเต็มที่จะรวมตัวกันเพื่อคัดค้าน และสามารถกำหนดได้ว่าการพัฒนาชุมชนของพวกจะเป็นแบบไหน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน สมาชิก อบต.ล้วนเป็นผู้รับใช้ชาวบ้าน ไม่ใช่เป็นคนสั่งให้พี่น้องประชาชนทำตามที่ต้องการ
“ผมเป็นกำนัน ผมก็ต้องทำตามความต้องการของพี่น้องประชาชน เมื่อทราบว่า โรงไฟฟ้าถ่านหินที่ กฟผ.จะสร้างมีผลกระทบ ผมก็ต้องแสดงความชัดเจน เราเป็นผู้นำที่พี่น้องเลือกเรามา ไว้วางใจเรา เวลาเราไปหาเสียงเราบอกพี่น้องว่า เราขอมาดูแลทุกข์สุขของพี่น้อง เมื่อมีคนจะเอาของไม่ดีมาให้พี่น้อง อันจะทำให้พี่น้องเราทุกข์ ทำให้พี่น้องเราลำบาก เราต้องดูแล เราต้องคัดค้าน เราต้องเดินไปด้วยกันกับพี่น้องประชาชน” นายสมบูรณ์กล่าวและเสริมว่า
เรื่องการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน และท่าเรือขนถ่ายถ่านหินบนเกาะลันตา ตนและชาวบ้านบนเกาะลันตา จะร่วมกันต่อต้านให้ถึงที่สุด ซึ่งตั้งแต่เริ่มต้นช่วงทำเวทีรับฟังความคิดเห็นประชาชน ค.1 และ ค.2 บนเกาะลันตา ชาวบ้านแทบไม่รู้เรื่องเลย ในฐานะที่ตนเป็นกำนันเขาก็ยังไม่แจ้งให้ทราบ แต่ กฟผ.เกณฑ์ฝ่ายหนุนไปแอบทำกันเอง ขอบอกตรงๆ ว่า ถ้าโครงการดีจริงๆ ต้องแจ้งให้ประชาชนรู้ แต่การไปแอบทำกันแสดงว่าไม่ใช่โครงการที่ดี เพราะหากว้าดีจริงชาวบ้านทุกคนก็ต้องการอยู่แล้ว และไม่ต้องมาบังคับกันด้วย
“โรงไฟฟ้าถ่านหินจะสร้างกระทบต่อคนบนเกาะลันตา กระทบต่อการท่องเที่ยว และการทำประมงอย่างแน่นอน ถ้าเราปล่อยให้ผ่านสร้างโรงแรกได้ โรงที่สอง ที่สาม และต่อๆ ไปก็จะตามมา เมื่อเป็นเช่นนี้พื้นที่แถวนี้จะกลายที่ตั้งโรงไฟฟ้าถ่านหินที่ใหญ่ที่สุดในภาคใต้อย่างแน่นอน แล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับผู้คนแถวนี้ ผลกระทบต่อคนจะรุนแรงและลามไปถึงกุ้งหอยปูปลาในทะเล ต่อไปข้างหน้าลูกหลานเราก็จะลำบาก ไม่รู้จะเป็นโรคอะไรกันบ้าง โรคมะเร็ง โรคปอด และโรคอื่นๆ เมื่อถึงวันนั้นคงไม่มีใครรับผิดชอบ ดังนั้น เราต้องหยุดโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินให้ได้เดี๋ยวนี้ เพื่อจะได้ไม่ต้องตามไปแก้ปัญหากันภายหลัง” นายสมบูรณ์ กล่าว
ด้าน นายศรีเภา รุจิพัชรกุล นายก อบต.เกาะกลาง อ.เกาะลันตา. จ.กระบี่ กล่าวว่า การท่องเที่ยวฝั่งทะเลอันดามัน โดยเฉพาะ จ.กระบี่ มีความพยายามพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์มาตลอด สังเกตจากจะไม่ให้มีสกูตเตอร์ หรือร่มชายหาด เรื่องของการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ทุกฝ่ายได้ร่วมมือกันทำมาเกินครึ่งทางแล้ว เวลานี้ จ.กระบี่ เป็นเป้าหมายของนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก สร้างมูลค่าการท่องเที่ยวเป็นแสนๆ ล้านบาทต่อปี นักท่องเที่ยวมาเที่ยว จ.กระบี่ เพราะทะเลสวย ชายหาดสะอาด อากาศดี อาหารทะเลสดอร่อย ทั้งหมดทำให้ จ.กระบี่ เป็นแหล่งท่องเที่ยวสวยงามติดอันดับโลก
“การจะสร้างโรงไฟฟ้าถ่านใน จ.กระบี่ อยากถามผู้มีอำนาจรัฐว่าคิดยังไงกัน ขอบอกว่าแค่คิดก็ไม่ได้แล้ว เรื่องนี้ต้องคิดให้ดีๆ การจะแลกมูลค่าที่เกิดจากการท่องเที่ยวนับแสนๆ ล้านบาทต่อปี กับโรงไฟฟ้าถ่านหินสกปรกๆ ที่ทั่วโลกไม่มีประเทศไหนต้องการแล้ว จึงมีคำถามว่า สังคมไทยจะได้อะไร ประเทศไทยจะได้อะไร เอาชายฝั่งทะเลอันดามันมาทำแบบนี้ แค่คุณคิดคุณก็ทำผิดแล้ว มูลค่านับแสนๆ ล้านบาทต่อปีจากการท่องเที่ยวที่รัฐได้ รัฐแทบไม่ต้องลงทุนอะไรเพิ่มอีกเลย ขอเพียงอย่าทำลายเท่านั้นก็พอแล้ว”
นายศรีเภา กล่าวด้วยว่า การสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินต้องคิดถึงผลกระทบให้รอบด้าน เพราะไม่ใช่การท่องเที่ยวเท่านั้นที่จะเสียหาย ยังรวมถึงเรื่องของสุขภาพประชาชนที่เป็นเรื่องยิ่งใหญ่ และสำคัญมากๆ ผู้คนและชุมชนจะอยู่ได้อย่างไรกับมลพิษจากโรงไฟฟ้าถ่านหิน หากปล่อยให้ กฟผ.สร้างได้เมื่อไหร่ ถึงวันนั้นความเสียหายเยอะมาก สัตว์ทะเลก็จะได้ผลกระทบ มีโลหะหนักอยู่ในอาหารทะเล คนกินก็ส่งผลถึงสุขภาพ ใครจะรับผิดชอบถ้าธุรกิจท่องเที่ยวมูลค่านับแสนล้านบาทต้องสูญสิ้นไป อีกทั้งแหล่งอาหารทะเล รวมถึงสุขภาพของผู้คนที่ได้รับมลพิษ สิ่งเหล่านี้ตอบได้ไหมว่าใครจะรับผิดชอบ หากตอบไม่ได้ก็ไม่สมควรสร้าง
ตนขอถาม กฟผ.หน่อยว่า เรื่องของพลังงานทดแทนต่างๆ ทำไมไม่เลือกที่จะทำ จ.กระบี่ มีมากมายทั้งกระแสลม แสงแดด น้ำมันปาล์ม สิ่งเหล่านี้ทำไมไม่คิดทำเอาไปทำการผลิตกระแสไฟฟ้า แล้วที่ชอบอ้างว่าต้นทุนการผลิตสูง ก็อยากจะถามกลับไปว่า แล้วเรื่องมลพิษ และมลภาวะจากโรงไฟฟ้าถ่านหินนั้น มันไม่ได้สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และความเป็นอยู่ของผู้คนเลยใช่ไหม แล้วต้นทุนที่ประเทศชาติและประชาชนต้องได้รับผลกระทบก็ไม่แพงเลยหรือ เรื่องนี้ผู้มีอำนาจรัฐและ กฟผ.ต้องคิดทบทวนเสียใหม่
“ผมประกาศยืนเคียงข้างพี่น้องประชาชน เพราะพี่น้องเลือกผมมาเป็นนายก อบต. ผมใช้รูปผมขึ้นป้ายคัดค้านโรงไฟฟ้าถ่านหินก็เพื่อแสดงความชัดเจนว่า ผมคัดค้านโครงการที่มีผลกระทบต่อพี่น้อง และระบบนิเวศ และพร้อมจะพูดคุย หรือดีเบตด้วยเหตุผลกับผู้นำที่คิดว่าโรงไฟฟ้าถ่านหินเป็นโครงการที่ดี เมื่อผมประกาศคัดค้านมีคนนำเรื่องเงินๆ ทองๆ มาพูดกับผม ผมจึงตอบกลับไปว่าเงินทองน่ะดี ใครก็อยากได้ แต่ถ้าได้มาแล้วทำลายแผ่นดิน และลูกหลานเรามันจะมีผลประโยชน์อะไร ในอนาคตเกิดผลกระทบขึ้นใครจะอยู่ในพื้นที่ได้ และใครจะรับผิดชอบ คนเหล่านั้นเขาตอบผมไม่ได้ และไม่มาพูดกับผมอีกเลย”
นายก อบต.เกาะกลางกล่าวอีกว่า การลุกขึ้นประกาศคัดค้านโรงไฟฟ้าถ่านหิน และท่าเรือขนถ่ายถ่านหิน ซึ่งถือเป็นโครงการที่มีผลประโยชน์มหาศาลนั้น แน่นอนว่าต้องเสี่ยงกับการได้รับลูกกระสุน แต่ถ้าตนตายเพราะการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ปกป้องธรรมชาติ ปกป้องการท่องเที่ยว ปกป้องพี่น้องประชาชน และลูกหลานที่จะได้รับผลกระทบอย่างใหญ่หลวงตามมาถือว่าคุ้มค่าแล้ว เรื่องของอุดมการณ์ไม่มีใครถูก หรือใครผิด เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ถ้าปกป้องชายฝั่งอันดามันได้แล้วต้องตายก็ยอมตาย เกิดมาชาตินี้คุ้มเกินคุ้ม
“คนสนับสนุนตอบได้ไหมว่าไม่มีส่วนได้เสียอะไรกับเขา ถ้ามีส่วนได้รับผลประโยชน์แล้วจะพูดอย่างไรก็ไม่มีใครเชื่อ คนที่ช่วย กฟผ.มีใครบ้าง ได้รับผลตอบแทนอย่างไร คนเขารับรู้กันหมดแล้ว ขอบอกว่าหาก กฟผ.มาพูดกันด้วยเหตุผล กฟผ.ไม่มีทางชนะ สิ่งที่ กฟผ.ต้องทำคือ ให้เกียรติชาวบ้าน เพราะเป็นคนพื้นที่ และเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรง เมื่อชาวบ้านลุกขึ้นมาใช้สิทธิปกป้องชุมชน กฟผ.ต้องฟังชาวบ้านด้วย” นายศรีเภา กล่าวก่อนจะตบท้ายว่า
สำหรับ จ.กระบี่ ทุกตำบลมีกลุ่มอนุรักษ์ตลอดชายฝั่ง เป็นพื้นที่ที่มีป่าชายเลนที่ดีที่สุด ถ้าให้มีการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินก็ต้องไม่มีกลุ่มอนุรักษ์เหล่านั้นเหลืออยู่ในพื้นที่ เพราะจะต้องถูกทำลายให้หมดสิ้น แล้วเราจะสอนลูกหลานเราอย่างไร โรงไฟฟ้าถ่านหินเหมือนยักษ์ มันจะทำลายทุกอย่าง ดังนั้น การลุกขึ้นมาปกป้องไม่ให้มีการทำลายล้างเกาะลันตาอย่างเต็มที่ ถือเป็นการสู้เพื่อความถูกต้องของสังคมไทยแล้ว