ชุมพร - อดีตคณะกรรมการวัดถ้ำขวัญเมือง แฉเคยรับหน้าที่เป็นกรรมการวัดมา 3 ปี ไม่เคยเรียกประชุมแม้แต่ครั้งเดียว เจ้าอาวาสคิดเองทำเองหมด ตัดสินใจลาออกหันหลังให้วัดไม่เคยเหยียบวัดอีกเลย
สำหรับความคืบหน้ากรณีการตรวจสอบพฤติกรรมของแม่ชีเชอรี่ หรือแม่ชีสุปริญญา ฮุนนางกูร อายุ 42 ปี แห่งวัดถ้ำขวัญเมือง ต.นาโพธิ์ อ.สวี จ.ชุมพร ซึ่งหลายคนมองว่ามีพฤติกรรมไม่เหมาะสมจนเกิดกระแสดังไปทั่ว ล่าสุด วันนี้ (10 ก.ค.) หลังจากที่ พระครูสุธรรมวีราจารย์ หรือพระอาจารย์สมใจ และแม่ชีเชอรี่ กลับเข้าวัดเมื่อกลางดึกของคืนวันที่ 8 ก.ค.ที่ผ่านมา หลังรับกิจนิมนต์จากลูกศิษย์ลูกหาอยู่ในพื้นที่ภาคกลางนานหลายวัน
โดยหลังจาก เจ้าอาวาส และแม่ชีเชอรี่ กลับเข้าวัดรุ่งเช้าได้สั่งการให้มีการตั้งจุดบริการอำนวยความสะดวกด้านจราจรซึ่งมีบรรดาลูกศิษย์แต่งกายชุดขาวนั่งเฝ้าประจำจุดบริการดังกล่าวอย่างเข้มงวดตลอดเวลา ตั้งแต่ถนนคอนกรีตปากทางเข้าไปในบริเวณวัดถ้ำขวัญเมือง คอยอำนวยความสะดวก และตรวจสอบผู้ที่จะเข้าไปทำบุญในวัด ซึ่งภายในวัดจะมีคนงานช่วยกันจัดเตรียมสถานที่ไว้เพื่อจัดกิจกรรมวันเข้าพรรษา หากเป็นคนภายนอก หรือชาวบ้านก็จะสอบถามก่อนที่จะอนุญาตให้เข้าไปวัดได้ แต่ถ้าเป็นผู้สื่อข่าวจะห้ามเข้าเด็ดขาด ยกเว้นได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการวัดเท่านั้น จนถึงขณะนี้เป็นเวลา 2 วันแล้ว การตั้งจุดตรวจบริการ และสอบผู้ที่เข้าไปภายในวัดก็ยังเข้มงวดเหมือนเดิม
นายชอบ ขวัญเมือง อายุ 80 ปี อยู่บ้านเลขที่ 23/1 หมู่ 4 ต.นาโพธิ์ อ.สวี จ.ชุมพร บ้านอยู่ห่างจากวัดประมาณ 100 เมตร กล่าวว่า ตนเคยเป็นคณะกรรมการวัดมา 3 ปี และเพิ่งลาออกมาได้กว่า 2 ปี หลังลาออกมาจากการเป็นกรรมการวัดจนถึงวันนี้ก็ไม่เคยเข้าไปในวัดถ้ำขวัญเมืองอีกเลย เพราะสุขภาพไม่ค่อยดี ช่วงที่ตนเป็นกรรมการวัดตลอดระยะเวลา 3 ปี ไม่เคยมีการเรียกตนประชุมคณะกรรมการวัดเลยแม้แต่ครั้งเดียว และไม่เคยมีการชี้แจงแถลงไขรายละเอียดอะไรให้ทราบเลย เวลาเจ้าอาวาสจะจัดงาน หรือทำจัดกิจกรรมใดๆ ก็เพียงพูดให้รู้เท่านั้นว่าจะทำนั่นทำนี่ แต่ไม่เคยเรียกคณะกรรมการเข้าประชุมอย่างที่วัดอื่นๆ เขาทำกัน
นายชอบ กล่าวต่อไปว่า สมัยหลวงปู่สรวง เป็นเจ้าอาวาส ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ปัจจุบันชาวบ้านมักจะมาเล่ามาบ่นให้ตนฟังว่า ถูกวัดถ้ำขวัญเมือง ห้ามเข้า เอากฎระเบียบต่างๆมาเป็นตัวกำหนด จนเป็นปัญหาอุปสรรคต่อชาวบ้านที่หาเช้ากินค่ำทำให้ไม่มีใครเข้าวัดได้ การจัดงานวัดก็เช่นกัน สมัยก่อนจะมีการกางเต็นท์อำนวยความสะดวกด้านการจราจรเท่านั้น ส่วนใครจะเข้าออกทำบุญภายในวัดไม่มีการตรวจสอบเหมือนปัจจุบันแต่อย่างใด เพราะวัดเป็นของทุกคนเป็นสาธารณสมบัติของชุมชน ของส่วนรวม ไม่ใช่เป็นของใครคนใดคนหนึ่ง ที่จะมาแสดงตนเป็นเจ้าของ